ตอนที่ 217-218
ตอนที่ 217 : ผู้คนจากหุบเขาโอสถ
จักรวรรดิต้นกำเนิดอัคคีตั้งอยู่บริเวณชายแดนแห่งจักรวรรดิเทียนชิงทางตอนใต้
ทั้งสองจักรวรรดิมีสัมพันธ์ต่อกันไม่ดีเท่าใดนัก
บ่อยครั้งมักเกิดสงครามน้อยใหญ่ขึ้นอย่างเสมอ
และบิดาของปู้หลี่เกื๋อ ขุนนางใต้ปู้คังหยุนคือผู้บัญชาการใหญ่แห่งทัพจักรวรรดิเทียนชิงเพื่อต้านรับจักรวรรดิต้นกำเนิดอัคคี!
“ขณะนี้มือสังหารถูกพี่ซือหยานสังหารไปแล้ว ภารกิจลอบสังหารจึงล้มเหลวตามไปด้วย” ปู้หลี่เกื๋อยืดตัว คำกล่าวนี้เผยซึ่งความโล่งอก “คราวนี้คงไม่มีอะไรต้องห่วงอีกต่อไปแล้ว”
เทียบอันดับเงาสังหารมีกฎของตนเอง
ทุกภารกิจลอบสังหารจะต้องสำเร็จโดยนักฆ่าเพียงหนึ่ง
และผลลัพธ์นั้นมีเพียงสอง นั่นคือสำเร็จหรือไม่ก็ล้มเหลว
หากการลอบสังหารล้มเหลว ภารกิจก็จะถูกเพิกถอน!
“ต้องขอบคุณเถ้าแก่กับพี่ซือหยานแล้ว...”
ปู้ฉืออีถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ครั้งบุคคลชุดดำปรากฏก่อนหน้านี้ เป็นนางหวาดกลัวจนแทบตาย
ด้วยม่านกั้นสายฝน ภายในตรอกจึงมีแต่แสงอบอุ่นสาดส่องเข้ายังร้านต้นตำรับ
ปู้ฉืออีอดไม่ได้ที่จะยิ้มออก
ท่ามกลางสายฝนที่พร่างพราย คนทั้งสองจึงเดินทางกลับคฤหาสน์ขุนนางใต้
……
แม้ฝนตก ทว่าฝูงชนที่ประตูนครจิ่วเหยายังคงไหลหลั่งวนเวียนเข้าออก
ทว่าขณะนี้เป็นช่วงฟ้าใกล้มืด ผู้คนจึงเร่งรีบ
เปรี้ยง
สายฟ้าทอประกายม้วนตัวประหนึ่งมังกรใต้หมู่เมฆ
แสงสว่างวูบปรากฏบนฟากฟ้า มวลเมฆสีดำมืดปรากฏให้พบเห็น
มวลเมฆความมืดเลือนหาย ผืนฟ้าขณะนี้ราวกับมหาสมุทรแห่งความมืดที่คิดถมผู้คนให้จมดิ่ง
ขณะนี้เองที่มวลเมฆดำมืดบนฟากฟ้าเริ่มเผยความรุนแรงราวกับมีตัวตนอะไรบางอย่างควบคุม
“เกิดอะไรขึ้นกัน?”
“ในมวลเมฆสีดำนั่นมีอะไรอยู่ด้วย!”
“ล้อกันเล่นงั้นหรือ? พลังอำนาจสายฟ้ารุนแรงขนาดนั้น อย่างน้อยก็ต้องขอบเขตทดสอบเต๋าจึงอยู่รอดได้ไม่ใช่หรือ?”
“ดูนั่น! มีอะไรโผล่ออกมาแล้ว...”
คนหนึ่งได้ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงบนฟากฟ้าพร้อมส่งเสียงดัง
เสียงร้องของนกอินทรีย์ดังขึ้น
ร่างเงาสีดำขนาดใหญ่แหวกมวลเมฆสีดำเผยตัวตน!
เป็นวิหคตัวใหญ่ราวสามเมตร ขนทั้งตัวเป็นสีดำสะท้อนเงางามประหนึ่งโลหะ
พร้อมกันนี้มันยังเผยประกายแสงสีน้ำเงินและม่วงให้พบเห็นได้ กล่าวว่าเป็นตัวตนที่แปลก
บรรยากาศดิบเถื่อนฟุ้งกระจาย ผู้คนที่ประตูเมืองต่างแทบลืมหายใจ
“อินทรีย์สายฟ้าเก้าปรโลก! สายพันธุ์ประหลาดโบราณ!”
คนหนึ่งตระหนักได้ว่ามันคือตัวอะไรพร้อมร้องออก
“เคยได้ยินว่าที่หุบเขาโอสถนั้นมีอินทรีย์สายฟ้าเก้าปรโลกคงอยู่ หรือว่า...”
“เดี๋ยว! นั่น! มีคนอยู่ที่หลังมันด้วย...”
ที่บนแผ่นหลังของอินทรีย์สายฟ้าเก้าปรโลก ได้ปรากฏคนนับสิบยืนอยู่
อย่างเหนือความคาดคิด กลุ่มคนเหล่านี้ต่างสวมใส่ชุดสีขาว พวกเขาเผยออร่าอันเกรียงไกรอย่างที่ผู้ฝึกตนธรรมดาไม่มีทางได้ครอบครอง
ผู้นำทัพคือชายชราไร้ซึ่งสีหน้า
แม้หนาวเคราะเป็นสีขาว ทว่าออร่าที่เผยออกนั้นชวนสะพรึง เป็นออร่าแข็งแกร่งชนิดที่ผู้ฝึกตนทั่วไปไม่เคยได้พบเจอ!
อินทรีย์สายฟ้าเก้าปรโลกร่อนลงมาเชื่องช้า สุดท้ายจึงบินเหนือฟากฟ้านครจิ่วเหยาราวสิบเมตร
สายลมกระโชกรุนแรง ปีกนั้นกระพือออกประหนึ่งพายุโหม!
ถัดจากนั้นผู้คนนับสิบจึงกระโดดลงมาพร้อมก้าวเดินเข้าสู่นครจิ่วเหยา
จนกระทั่งกลุ่มคนเดินเข้าไปหมดสิ้น ก็ไม่มีทหารยามผู้ใดกล้าทักท้วงขวาง!
อินทรีย์สายฟ้าเก้าปรโลกบินกลับไปทางเลือกเขาจิ่วเหยาและเลือนหาย
“เป็นผู้คนจากหุบเขาโอสถ!”
มีคนพบเห็นตราสัญลักษณ์ด้านบนเสื้อของกลุ่มคน
“หุบเขาโอสถ? โบราณสถานเพิ่งมีปฏิกิริยาเอง ไฉนมาที่นี่แล้ว?”
“พวกเราหรือจะคาดเดาการตัดสินใจของขั้วอำนาจยิ่งใหญ่ได้...”
หัวหน้าทหารยามคล้ายคุ้นเคยกับเรื่องราวเช่นนี้ ดังนั้นระหว่างทางไปยังพระราชวังหลวงเพื่อรายงานจึงไม่มีอาการตระหนกตกใจแต่อย่างใด...
ตอนที่ 218 : สามผู้อาวุโสตื่นตะลึง
“อาจารย์”
ที่ด้านหน้าตำหนักหมื่นโอสถ เหว่ยอี้กล่าวคำออกอย่างนอบน้อม
ชายชราผู้เพิ่งมาถึงนครจิ่วเหยาพยักหน้ารับบางเบา
บุคคลผู้นี้คือผู้อาวุโสที่สามซึ่งนำคณะมาจากหุบเขาโอสถหลังได้ทราบข่าวคราวจากเหว่ยอี้
ที่ด้านหลังคณะผู้อาวุโสทั้งสาม เป็นกลุ่มศิษย์รุ่นเยาว์จากหุบเขาโอสถที่ติดตามมา
หากไม่มีใดผิดพลาด อนาคตของพวกเขาเหล่านี้คือนักปรุงยาที่มีชื่อเสียง
ถัดจากนั้นกลุ่มคนจึงเข้าไปด้านในตำหนักหมื่นโอสถ
เถ้าแก่ตำหนักหมื่นโอสถเผยความนบนอมนำกลุ่มคนสู่ห้องที่จัดเตรียมไว้
ระหว่างทางเขายังรู้สึกราวกับแข้งขาและมือไม้ตนเองต้องสั่นรุนแรง
ศิษย์จากหุบเขาโอสถหลายคนมาเยือน กระทั่งมีผู้อาวุโส!
ไฉนคนเหล่านี้มาเยือนได้?!
เถ้าแก่เกิดหวาดกลัว กระนั้นตัวเขาไม่อาจพูดกล่าวใดออกได้
ที่ทำได้คือกล้ำกลืนลงท้อง...
ทุกคนต่างเข้าห้องไปพักผ่อน อย่างไรแล้วเดินทางมาที่นี่ก็ต้องใช้พลังงานและระยะเวลาไม่ใช่น้อย
“เหว่ยอี้ ข่าวคราวที่เจ้ากล่าวนั้นเป็นจริงหรือ?” ผู้อาวุโสที่สามหันมองทางเหว่ยอี้พร้อมกล่าวถาม
เหว่ยอี้พยักหน้ารับ “จริงขอรับ ศิษย์ย่อมไม่โกหก”
ผู้อาวุโสที่สามนั่งลงขัดสมาธิ “อย่างนั้นอธิบายรายละเอียดของร้านต้นตำรับนั้นให้ข้าได้ทราบ”
“ขอรับท่านอาจารย์”
ถัดจากนั้นเหว่ยอี้จึงเริ่มพูดกล่าว
ผ่านไปครู่ ผู้อาวุโสที่สามจึงเผยคิ้วขมวด สีหน้าขณะนี้หาได้เรียบเฉยอีกไม่
นิ้วนั้นเคาะกับโต๊ะ เห็นได้ชัดว่าภายในใจของเขานั้นเกิดคลื่นลม
“เกมเสมือนจริงที่ช่วยเพิ่มกำลังให้แก่เจ้าได้? บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป? แท่งเครื่องเทศ? โคล่า? เหล่านี้ล้วนไม่เคยได้ยิน!” ผู้อาวุโสที่สามกล่าวกระซิบกับตนเอง
เหว่ยอี้เผยยิ้มอย่างขื่นขม “ขอบอกกล่าวอาจารย์ตามตรง ครั้งแรกที่ทราบข้ายังไม่คิดเชื่อ กระนั้นหลังได้ประสบพบเจอกับตนเองจึงค่อยได้ตระหนักถึงความน่าทึ่งที่เกิดขึ้น”
ผู้อาวุโสที่สามตกอยู่ในภวังค์
“ว่าไปแล้ว ท่านอาจารย์รับชมสิ่งนี้”
เหว่ยอี้เมื่อคิดอะไรได้จึงยื่นฝ่ามือออก อัคคีเพลิงสีน้ำเงินจึงลุกโชนปรากฏ
เป็นอัคคีห้วงสมุทรน้ำแข็ง
ผู้อาวุโสที่สามยังคงสงสัย เขาไม่ทราบว่าทำไมเหว่ยอี้จึงเผยอัคคีเพลิงให้เห็น
กระนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นถัดจากนั้นมันทำให้เขาต้องตื่นตะลึง
ที่พบเห็น คืออัคคีเพลิงสีน้ำเงินได้แปรเปลี่ยนราวกับมีชีวิต รูปลักษณ์สิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นมาอย่างแล้วอย่างเล่า
ด้วยเพียงใช้มือ เหว่ยอี้ได้แสดงให้เห็นถึงการควบคุมอัคคีห้วงสมุทรน้ำแข็งถึงระดับสมบูรณ์แบบ!
ผู้อาวุโสที่สามรู้จักอัคคีห้วงสมุทรน้ำแข็งของเหว่ยอี้ดี
เพื่อแปรเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปมาเช่นนี้ เหว่ยอี้ต้องเสียพลังงานไปไม่ใช่น้อย
แม้ว่าอัคคีห้วงสมุทรน้ำแข็งทรงอำนาจ ทว่าก็เป็นสิ่งยากควบคุมให้เชี่ยวชาญได้
ผู้อาวุโสที่สามจดจำได้กระจ่างชัดดี ว่าครั้งเหว่ยอี้อยู่หุบเขาโอสถ ความสามารถควบคุมอัคคีห้วงสมุทรน้ำแข็งยังเพียงแค่ขั้นแรกเริ่ม
แต่แล้วผ่านไปไม่นาน ไฉนควบคุมได้ประหนึ่งมือของตนเองเช่นนี้?
ความก้าวหน้ารวดเร็วเพียงนี้มันเกิดขึ้นได้จริงหรือ?
นี่เป็นเรื่องยากจะเชื่อ!
“นี่เจ้าทำได้ยังไงกัน?” ผู้อาวุโสที่สามกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ
เหว่ยอี้เผยยิ้ม “เพราะข้าได้รับวิญญาณอัคคีมาจากโหมดทั่วไป”
โหมดทั่วไป?
วิญญาณอัคคี?
ผู้อาวุโสที่สามครุ่นคิด
โหมดทั่วไปของหอคอยแห่งการทดสอบ เรื่องนี้เหว่ยอี้แจ้งแก่เขาแล้ว
ส่วนวิญญาณอัคคี คล้ายว่าเหว่ยอี้จะได้รับความสามารถนี้มาภายหลัง
“เป็นเรื่องน่าเสียดาย” เหว่ยอี้ไหวไหล่ สีหน้าเสียดายเผยออก “โหมดทั่วไปสามารถได้รับมาสู่โลกภายนอกก็เพียงแต่วิชาหรือความสามารถพิเศษ”