ตอนที่ 21 ข้าจะดูแลเงินนี้เป็นอย่างดี
ตอนที่ 21 ข้าจะดูแลเงินนี้เป็นอย่างดี
เมืองระดับ 1 สายฝน
ท้องฟ้าเมฆเมฆครึ้ม สายฝนตกอย่างต่อเนื่องที่ปราสาททางด้านหลังของเมือง
ที่นี่เป็นปราสาทส่วนตัวของตระกูลอาเครัส มันกินเนื้อที่กว่า 10 กิโลเมตร ถึงจะดูไม่ใหญ่มากนักเมื่อเทียบกับตระกูลอื่นๆ แต่มันใหญ่กว่าตระกูลอาคมหลายๆตระกูลในเมืองนี้
เนื่องจากตระกูลอาเครัสเป็นตระกูลข้ารับใช้ของจอมอาคมที่เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสแห่งสภากลาง ของสหพันธ์และที่สำคัญหัวหน้าตระกูลของตระกูลอาเครัสเป็นถึงมหาอัศวิน
ภายในห้องหนังสือของปราสาท ชายวัยกลางคนสวมชุดเกราะกำลังคุกเข่ารายงาน “เรียนนายท่านเรื่องที่ให้ข้าน้อยไปสืบยังไม่มีความคืบหน้าอะไร ดูเหมือนร่องรอยจะหายไปบริเวณพื้นที่ขององค์กรมืดภูติกะโหลก”
“อืม เจ้าไปได้แล้ว”
“ขอรับ” ถ้าในชุดเกราะถอยหลังแล้วเดินออกจากห้องไป
“ท่านพ่อ ข้าขออนุญาตไปตามหาด้วยตัวเอง” ซาลอสพูดพร้อมกับมองไปที่ชายชราที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ
“เรายังไม่อาจรู้ได้แน่ชัดว่านั่นคือลูกชายคนโตของเจ้าหรือเปล่า น้องชาย มันคือตัวอะไรกันแน่ก็ยังไม่รู้?” ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาภายในห้องพูดพร้อมกับยกแก้วไวน์ขึ้นมาเดิม เขาคือ มาเวอร์ริค อาเครัส พี่ชายคนละแม่กลับซาลอสอาเครัส
“หึ เรื่องกล่องฉุกเฉินและหลุมศพที่หายไปคืออะไร มันคือหลักฐานที่ชัดเจนว่าเป็นลูกชายของข้า” ซาลอสยังคงไม่ยอมแพ้ เขามองไปที่มาเวอร์ริคด้วยสายตาที่เย็นชา
“ถึงขนาดนี้แล้วเจ้ายังไม่ยอมรับความจริงอีก ว่าลูกชายของเจ้าตายไปแล้ว ข้าว่าเราเอาเวลาไปพูดเรื่องการหมั้นหมายของหลานซาเดียกันดีกว่า ตอนนี้ทางตระกูลคาเลเลียได้ยื่นข้อเสนอมาแล้วถ้าเราตกลงทางนั้นจะยกเมืองโดเซนอ ระดับ 4 ให้กับทางเรา” มาเวอร์ริคยิ้มด้วยความเจ้าเล่ห์มองไปที่ซาลอส
“ยังไงข้าก็จะไม่ยกลูกสาวของข้าให้กลับ เกเมล คาเลเลียเด็ดขาด”
“เจ้ายังต้องการอะไรอีก ลูกสาวของเจ้าจะได้มั่นหมายกับจอมอาคมมันไม่ดีตรงไหน สำคัญยังเป็นการผูกมิตรกับตระกูลจอมอาคม เพื่อช่วยตระกูลของเรา”
“หึ! อย่านึกว่าข้าไม่รู้ว่ามันต้องการทำอะไรกับลูกสาวของข้า อีกข้อหนึ่งก็คงจะเป็นเรื่องของการผลึกพลังงานพี่ให้กลับลูกชายของเจ้า” ซาลอสมองไปที่มาเวอร์ริคยังเย็นชา
“พอได้แล้ว มาเวอร์ริคลูกชายของเจ้าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง” ชายชราร่างกำยำที่นั่งอยู่ที่โต๊ะวางเอกสารในมือลงและมองไปที่มาเวอร์ริค เขาคือ ซาร์ฟาราซผู้นำตระกูลอาเครัส
“ท่านพ่อ ตอนนี้เดย์ลาโน่ ได้ผ่านพิธีตื่นรู้แล้ว และข้อใดส่งเขาไปเรียนที่สถาบันธาลันลูเมื่อเดือนที่แล้ว” มาเวอร์ริคตอบอย่างภาคภูมิใจ
เดย์ลาโน่ อาเครัส ลูกชายคนสุดท้องของมาเวอร์ริค อาเครัสมีพรสวรรค์ในการเป็นผู้ใช้พลัง และมีพรสวรรค์ระดับ 5 ทำให้สถานะของเขาสูงขึ้นมากในตระกูลอาเครัส
การที่คนที่ไม่อยู่ในตระกูลจอมอาคมมีพรสวรรค์ในการเป็นจอมอาคมนั้นหาได้ยากมาก แม้แต่ในตระกูลที่เป็นข้ารับใช้แบบตระกูลอาเครัส ก็เพิ่งจะเคยมีเดย์ลาโน่ อาเครัส เป็นคนแรก
ทั้งตระกูลตั้งความหวังไว้ที่เดย์ลาโน่ ว่าเขาจะกลายเป็นจอมอาคมและทำให้ตระกูลอาเครัส เป็นตระกูลจอมอาคม
นั่นทำให้ทรัพยากรทั้งหมดภายในตระกูลถูกส่งไปให้กับเดย์ลาโน่ ลูกหลานคนอื่น ๆภายในตระกูลจึงไม่ได้รับทรัพยากรหรือการสนับสนุนจากตระกูล ทำให้หลายคนไม่พอใจในตัวของเดย์ลาโน่ และ มาเวอร์ริค แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
ถึงแม้ตระกูลอาเครัสจะเป็นตระกูลข้ารับใช้แต่จอมอาคมก็ไม่ได้มีตระกูลอาเครัสเป็นข้ารับใช้เพียงตระกูลเดียว
“เจ้าเลิกเถียงกันเรื่องนี้ได้แล้ว ส่งคนออกไปตามหาลูกของเจ้าก็แล้วกันซาลอส ส่วนเรื่องการหมั้นหมายของซาเดีย ก็เอาไว้รอให้นางอายุครบ 18 ปีแล้วค่อยมั่นก็แล้วกัน” ซาร์ฟาราซหันไปมองซาลอส
“ส่วนเจ้ามาเวอร์ริค ไปเบิกผลึกพลังงาน 1,000 ก้อน และเหรียญทอง 10,000 เหรียญ ที่คลังของตระกูลไปให้กับเดย์ลาโน่”
“ท่านพ่อ? เหรียญทองพวกนั้นมันเป็นของ…..” ซาลอสทวงขึ้นมาแต่ยังไม่ทันจะพูดจบก็ถูกขัดจังหวะ
“พอ! เขาตัดสินใจแล้ว!”ซาร์ฟาราซตอบ
ซาลอสได้แต่นิ่งเงียบไปทันที
“พวกเราทั้งสองคนไปจัดการเรื่องที่นายท่านได้มอบหมายให้เรียบร้อย เวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว พวกเจ้าออกไปได้แล้ว” ซาร์ฟาราซโบกมือไล่ทั้งสองคนให้ออกจากห้องไปทันที
…………………………….
ในขณะเดียวกันที่สำนักงานใหญ่ของภูติกะโหลก
ภายในห้องส่วนตัวหญิงสาวชุดเดรสแดงนั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางหงุดหงิด
“หาตัวมันเจอไหม?” เธอถามด้วยเสียงที่เย็นชาจนอากาศรอบด้านหนาวเย็น
“ไม่เจอร่องรอยของมันเลยครับ” รีก้าคุกเข่าตอบด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย
ท่านหญิงให้เขาเป็นคนจัดการเรื่องที่สำคัญแบบนี้ แต่ดันเกิดเหตุผิดพลาดทำให้ผีดิบตัวสำคัญหายสาบสูญไป ทำให้เขากลัวเป็นอย่างมากว่าท่านหญิงจะลงโทษ มันคือความกลัวที่ออกมาจากวิญญาณจากการโดนทรมานมานับครั้งไม่ถ้วน
“หามันต่อไป ระวังอย่าให้เป็นที่สังเกต ไปได้แล้ว”
รีก้าที่ได้ยินแบบนั้นก็เหมือนกับได้รับเว้นโทษจากการประหารชีวิต รีบออกมาทันที
“เดี๋ยวก่อน...พานักโทษกลายพันธุ์ไปด้วย มันอาจจะหาอะไรเจอ เพราะพวกมันคือคนที่ใกล้ชิดกับผีดิบหนังตนนั้นเป็นคนสุดท้าย”
“ขอรับท่านหญิง”
‘เจ้าไม่มีทางหนีข้าพ้นแน่ คอยดูเถอะ’ ท่านหญิงเรน่า ยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่น่าสยดสยอง
……………………………………..
ปี 4856 14 กุมภาพันธ์
เรือเหาะได้มาถึงเมืองยาลันซา ในช่วงเวลา 18:00 น ในช่องทางเดินลงของผู้โดยสาร ชายหนุ่มแต่งตัวมิดชิดใบหน้าถูกปิดไว้ด้วยผ้าคลุมนั่งรถเข็นมา โดยมีหญิงสาวในชุดนักล่ามาอยู่ด้านหลัง พร้อมกับสะพายกระเป๋าเป้ใบใหญ่มาด้วย
“ในที่สุดก็มาถึงแล้ว”
ดอนสูดลมหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด การที่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในห้องโดยสารภายในเรือมันทำให้เขารู้สึกว่าน่าเบื่อเป็นอย่างมาก
เขามองไปรอบๆ แต่สายตาของเขาก็ต้องตกตะลึงเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นรูปร่างเมืองยาลันซา ลักษณะของเมืองสร้างขึ้นบนภูเขาขนาดใหญ่ยักษ์กินพื้นที่กว่า 1000 ตารางกิโลเมตร มันถูกแบ่งออกเป็นชั้น จำนวน 4 ชั้นด้วยกัน ลักษณะของแอ่งกระทะที่ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาน้อยใหญ่ด้านข้าง
ท่าเทียบเรือเหาะอยู่ในบริเวณชั้นที่ 3 ซึ่งเป็นบริเวณในเขตย่านการค้าที่สำคัญ ไม่ชอบที่ 4 เป็นที่อยู่อาศัยของคนธรรมดาส่วนชั้นที่ 2 เป็นของพวกตระกูลและชนชั้นสูง
แล้วชั้นที่อยู่สูงที่สุดนั่นก็คือ สถาบันจอมอาคมเอราธาเมีย มันเป็นยอดเขาแหลมสูง อันที่จริงควรจะเรียกมันว่าหอคอยซะมากกว่า เขาไล่มองขึ้นไปมันใหญ่มากๆจนยอดหอคอยทะลุไม่ขึ้นไป
“สุดยอด!! หอคอยอะไรจะใหญ่ขนาดนั้น คะนายท่าน” อายู ที่อยู่ด้านหลังดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ
“ไปเถอะ” ดอนไม่ได้สนใจท่าตื่นเต้นของอายูเลย เขาใช้มือเข็นรถเข็นนำหน้าอายูไปไกลแล้ว
“นายท่านรอข้าด้วย...” อายูที่สะพายกระเป๋าใบใหญ่วิ่งตามหลังไปติดๆ ของที่อยู่ในกระเป๋าส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้าและของใช้ของอายูทั้งหมด ที่ซื้อมาว่าระหว่างทาง มันใหญ่มากจนแทบจะบังตัวของอายูจนมิด ทำให้เธอเดินแทบไม่ออก
นอนได้เช่ารถม้าให้มาส่งที่บริเวณเขต 1 ซึ่งเป็นที่รับลงทะเบียนในการเข้าทดสอบเป็นผู้ใช้พลังของสถาบันจอมอาคมเอราธาเมีย ถึงการทดสอบจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ แต่ว่าตอนนี้ก็เริ่มมีคนมาทยอยลงทะเบียนทดสอบกันเต็มแล้ว
เขามาถึงในเขต 1 ท้องฟ้าก็มืดแล้วแต่บริเวณรอบการลงทะเบียนยังมีแสงสว่างรอกับกลางวัน ที่ลงทะเบียนอยู่ด้านหน้าประตูใหญ่ซึ่งกำแพงนั้นเป็นสีขาวล้วนสูงชะลูดขึ้นไปเกือบ 300 เมตรล้อมรอบทั้งพื้นที่เขต 1 เอาไว้ประตูที่ทำจากหยกหินสีขาว สลากหวยด้วยลวดลายวงจรอาคม ที่สามารถทนต่อพลังโจมตีของจอมอาคมระดับสูงได้
ที่ลงทะเบียนถูกกั้นไว้แต่ก็ยังมีคนธรรมดามามุงดูเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะตระกูลที่ส่งลูกหลานที่มีพรสวรรค์ในการเป็นจอมอาคมเข้ามาลงทะเบียนตรวจสอบ
ในเวลานี้ผู้คนยังต่อแถวลงทะเบียนเข้ารับการทดสอบยาวเหยียด มีทั้งผู้หญิงและชาย มีตั้งแต่วัยชราจนแม้กระทั่งเด็กตัวเล็ก ๆ แค่อายุ 10 กว่าขวบ
ที่บริเวณโดยรอบผู้คนที่มุงดูเริ่มคุยกันด้วยเสียงที่เจี๊ยวจ๊าวแต่เขาก็ไม่ได้สนใจกับสิ่งที่พวกนี้คุยมากนักเพราะส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดาไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยว่าสิ่งที่เกี่ยวกับจอมอาคมนั้นเป็นอย่างไร
ขณะที่ดอนและอายุกำลังจะเข้าไปบริเวณพื้นที่ทดสอบเพื่อลงทะเบียน ก็มีเสียงดังขึ้นมาด้านข้าง
“เฮ้ ไอ้หนู เจ้าพิการนั่งรถเข็นมาแบบนี้จะลงทะเบียนอีกเหรอ ข้าว่าเจ้าไปนั่งดูตรงนั้นดีกว่ามั้ง ฮ่า ๆ” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างหลังของดอนพูดล้อเลียนเขา แต่นอนก็ไม่ได้สนใจ
“ว้าว สาวน้อยนี่ ข้าขอซื้อต่อได้ไหม” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ยิ้ม และใช้สายตาหมาป่าเจ้าเล่ห์มองไปที่อายู
อายูได้ยินแบบนั้น ก็รู้สึกขนลุกกลัวขึ้นมาทันที ราวกับลูกแมวตกใจรีบวิ่งมาหลบอยู่ข้างหลังดอนทันที
ดอนที่นี่ยินแบบนั้นก็หันไปมองสบตากับชายคนนั้น เขาใช้พลังจิตที่มีอยู่น้อยนิดส่งเข้าไปที่สายตาของชายคนนั้นโดยตรง วินาทีที่ชายคนนั้นสบตาเข้ากับนอนก็รู้สึกตัวแข็งทื่อหน้ามืดและล้มหงายหลังไปทั้งอย่างนั้น คนที่อยู่รอบข้างถึงก็ตกใจทันที รีบหลบทางให้ดอน
หลังจากที่เดินเข้ามารวมกับกลุ่มคนที่ต่อแถวลงทะเบียนอยู่ ประตูประตูหินหยกก็เปิดออกมีชายในชุดคลุมสีเทาเดินออกมา
“เอาล่ะเงียบๆหน่อย เราจะเริ่มลงทะเบียนทันทีไปจนถึงเช้าคนที่ลงทะเบียนแล้วให้มารออยู่ที่ในลานกว้างด้านในกำแพง” ชายที่แต่งตัวด้วยผ้าคลุมสีเทา ด้านหน้าติดเหรียญเงินรูปหอคอยเอราธาเมีย จำนวน 2 เหรียญ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้ใช้พลังฝึกหัด ระดับผู้ใช้พลัง
โดยปกติแล้วผู้ใช้พลังจะใช้ผ้าคลุมสีเทาเป็นหลัก และใช้เข็มกลัดเงินตามรูปสัญลักษณ์ที่ตนเองสังกัดติดที่หน้าอกตามลำดับพลัง ถ้าเป็นระดับผู้สัมผัส จะติดแค่ 1 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญเงินสำหรับระดับผู้ใช้พลัง สำหรับ 3 เหรียญเงินสำหรับระดับผู้ควบคุม
ส่วนจอมอาคมนั้นไม่จำกัดว่าต้องใช้ผ้าคลุมสีอะไร แต่ที่บริเวณหน้าอกจะติดเข็มกลัดทองคำ ไว้ตามลำดับพลัง
เมื่อดอนไปถึงโต๊ะลงทะเบียน เขาก็ลงทะเบียนทันทีแต่ที่น่าแปลกที่นี่กลับไม่ได้ใช้บัตรยืนยันตัวตนหรือว่ายืนยันตัวตนแต่กลับให้เขียนลงไปในกระดาษคัมภีร์ขนาดเท่า A4 สีน้ำตาลที่ทำมาจากหนังของแกะแทน
ผู้ใช้พลังที่เป็นคนลงทะเบียนมองดอนด้วยความแปลกใจ แต่หลังจากนั้นเขาก็ส่งกระดาษคำภีร์มาให้เขา “เปลี่ยนชื่อเจ้าลงไปแล้วยื่นมือมา”
เขาใช้ปากกาขนนกที่อยู่ด้านข้างเขียนชื่อลงไปและยื่นมือออกไป
ทันใดนั้นผู้ใช้พลังก็ใช้เข็มทองคำจะไปที่นิ้วของเขาเลือดไหลออกมา 1 หยดลงไปที่กระดาษคำภีร์จากนั้นมันก็เรืองแสงออกมา
“เอาล่ะไปได้” ผู้ใช้พลังที่รับลงทะเบียนคัมภีร์ของดอนไปข้างหลังกองรวมกับคัมภีร์อันอื่น
เขาเดาว่านี่น่าจะเป็นวิธีการยืนยันตัวตนว่ามีคุณสมบัติในการเป็นผู้ใช้พลังฝึกหัดเพื่อเป็นการคัดกรองกับคนที่เป็นคนธรรมดา
ขณะที่ดอนกำลังจะเข้าไปรวมกับผู้ที่ผ่านการคัดเลือกในบริเวณลานกว้างด้านในกำแพง ผู้ใช้พลังที่ลงทะเบียนก็หยุดเขาไว้ทันที
“เดี๋ยวก่อน...ที่นี่ไม่อนุญาตให้มีผู้ติดตามไป”
ดอนที่ได้ยินแบบนั้นก็นึกขึ้นได้ อายูยังเดินตามหลังเข้ามาอยู่ เขาสั่งให้อายูไปหาที่พักรออยู่ข้างนอก “เจ้าเอาเงินส่วนนี้ไป หาเช่าบ้านระยะยาวสักหลังนึง ไว้แล้วเขาจะติดต่อกลับไป” ดอนแอบส่งถุงเงินใส่มืออายู ด้วยกลัวว่าจะมีใครเห็นและอาจคิดร้ายได้
“คะ นายท่าน” อายูตอบรับแล้วเก็บถุงเงินไว้ในกระเป๋าทันที
เธอดูก็กล้าๆกลัวๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้แยกจากดอน หลังจากที่ออกมาจากเมืองไอเรลัวอา
แต่หลังจากนั้นสักพักอายูก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เธอจำได้ว่าระหว่างทางที่นั่งรถม้ามา มีร้านของหวานที่ดูน่ากินอยู่ ซึ่งเธออยากกินมากแต่ก็ไม่กล้าขอดอน
‘นายท่าน ข้าจะดูแลเงินนี้เป็นอย่างดี’ อายูพยักหน้าให้กับตัวเองด้วยความมั่นใจ พร้อมกับวิ่งออกไปที่ร้านขนมทันที
ดอนที่ไม่รู้เลยว่า เขาได้ส่งอ้อยเข้าปากช้างไปแล้ว ขณะกำลังเข้าไปรวมกับผู้ที่ผ่านคัดเลือกคนอื่นๆ ภายในร้านกว้างมีคนอยู่ประมาณ 70 คน
-------------------------------------------------------------------
จากผู้เขียน : ผมกลับไปแก้ตอนที่ 1-20 แล้วนะครับ เกาสำนวนกับแก้ไขคำผิด เพื่อให้อ่านได้ลื่นไหลและไม่งง ลองไปอ่านกันดูนะครับ