ตอนที่ 19 ออกเดินทาง
ตอนที่ 19 ออกเดินทาง
“เจ้าว่ายังไงนะ?” หัวหน้าทหารหรี่ตามองไปที่ดอน
“ข้าบอกว่า...ขอซื้อเด็กคนนั้น” เขาชี้ไปที่อายู
ทหารทั้งสามคนที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาทันที ราวกับคิดว่าสิ่งที่ดอนพูดนั้นเป็นเรื่องตลกเท่านั้น
“ฮา ๆ ! ส่งสัยไอ้หนุ่มนี่จะหลงรักแม่สาวน้อยคนนี้ถึงได้มาซื้อนางแบบนี้ อืมแต่รูปร่างนางก็สวยไม่เบา” ทหารที่อยู่ด้านหลังมีหนวดเคราเล็กน้อยหันไปมองที่อายูพร้อมกับเลียริมฝีปาก
“ฮา ๆ ไอ้หนู ข้าว่าเจ้าไม่มีปัญญาที่จะซื้อนางหรอก”
“แค่นี้คงพอใช่ไหม” ดอนที่เห็นแบบนั้นก็หยิบผลึกพลังงานออกมา 3 ก้อนแล้วโยนลงพื้นตรงเท้าของทหารที่เป็นหัวหน้า
ทหารทั้งสามเห็นผลึกพลังงานก็ถึงกับตาโต
ทหารมีหนวดที่พูดล้อเลียนดอนรีบกล้มลงเก็บผลึกพลังงานทันที แต่ว่าก่อนที่มือของเขาจะไปจับผลึกพลังงาน ก็มีพลังจิตกวาดผ่านไปที่ตัวทหาร ทำให้ตัวแข็งทื่ออยู่ในท่านั้นไม่ขยับ
ทหารทั้งสามนั้นถึงกลับกลัว อันที่จริงดอนไม่ได้มีพลังพอที่จะสู้ทั้งสามด้วยซ้ำเพราะเขายังไม่ได้เรียนรู้คาถาแม้แต่คาถาเดียว ทำได้แต่ปล่อยพลังจิตออกไปตรง ๆ เพื่อขมขู่ก็เท่านั้น
และดูเหมือนว่าการเดิมพันของดอนจะถูกต้อง ทั้งสามกลัวจนหน้าเปลี่ยนสีทีเดียว ความกลัวเหล่านี้คือความกลัวที่มีต่อคำว่าจอมอาคม ทหารทั้งสามเป็นแค่นักรบขั้นที่ 1 เท่านั้น จึงไม่อาจสัมผัสรับรู้ได้ว่าดอนเป็นผู้ใช้พลังขั้นไหน รู้แต่เพียงว่าดอนเป็นผู้ใช้พลังจากพลังจิตที่กวาดผ่านไป
“ผู้..ผู้ใช้พลัง....นายท่านข้าน้อยขออภัยที่ทำตัวเสียมารยาท ข้าขอยกแม่นางน้อยพวกนี้ให้ท่านแทนคำขอโทษ” ทหารที่เป็นหัวหน้ารับกล้มลงทำความเคารพดอนอย่างนอบน้อม ทหารที่เห็นอยู่ด้านหลังรับทำตามทันที
“ไม่ต้อง ข้าบอกว่าจะซื้อก็จะซื้อ ข้าจะไม่เอาเปรียบพวกเจ้า อีกอย่างข้าต้องการแค่นาง” เขาชี้ไปที่อายู
“ได้ ๆ ขอรับ” หัวหน้าทหารรีบปล่อยอายูทันที
“นายท่านได้โปรดช่วยพวกนางด้วย ข้าขอร้อง ข้ายินดีทำทุกอย่างแม้แต่ตัวข้าก็.....”อายูรีบวิ่งมาหาดอนแล้วคุกเขาลงทันที พร้อมกับขอร้องดอนทั้งน้ำตา
“ทำไมข้าจะต้องช่วยพวกนาง ช่วยแล้วได้ประโยชน์อันใด ที่ข้าต้องซื้อเจ้ามานั้นเพียงเพราะต้องการคนค่อยรับใช้สักคน อย่าสำคัญตัวผิดไป อีกอย่างข้ามีสิทธิ์ในตัวเจ้าเต็มที่ เพราะเจ้าถือว่าเป็นข้ารับใช้ของข้า”
อายูที่ได้ยินเช่นนั้นก็เงียบไปทันทีได้แต่กำมือแน่นกล้มหน้าลงพร้อมกลับน้ำตาที่หยดลงมา
ทหารที่เห็นทั้งสามคน เมื่อได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย อย่างน้อยก็ยังได้เด็กสาวสามคน
“พาข้ากลับไปที่พัก” ดอนหันไปสั่งอายู
อายูรีบเช็ดน้ำตาแล้วพาดอนกลับไปที่ห้องพัก ระหว่างทางกลับอายูร้องไห้ตลอดทาง เขาไม่ได้สนใจได้แต่ปล่อยให้อายูร้องแบบนั้นจนหยุดไปเอง
เมื่อไปถึงห้องพักเขาก็ให้อายูพามานั้งที่เตียง
“เจ้าอย่าคิดว่าข้าเห็นแก่ตัว แต่จงดีใจซะได้มาอยู่ตรงนี้ ถ้าเจ้ายังเห็นใจคนอื่นอยู่ต่อไปเจ้าจะต้องตายเพราะความเห็นใจ” ดอนพูดให้อายูฟัง แต่ในใจเขารู้ดีว่ากำลังพูดให้ตัวเองฟัง
อายูที่ได้ยินก็มองไปที่ดอน “ขอบคุณคะนายท่าน อายูจะจำเอาไว้”
“อืม เอาละตอนนี้ถือว่าเจ้าเป็นคนของข้าแล้ว เอาเงินนี่ไปซื้ออาหารและเสื้อผ้าไว้”ดอนมองไปที่เสื้อผ้าอายู “ของเจ้าด้วยและเตรียมตัวออกเดินทางตอนเย็น”
“นายท่านจะไปที่ไหนหรือเจ้าคะ?” อายูมองดอนด้วยความสงสัย
“ไปทำตามที่สั่งเดี่ยวก็รู้เอง ซื้ออะไรเข้ามากินด้วยข้าเริ่มหิวแล้ว”
ดอนส่งเงินให้กลับอายู 10 เหรียญทอง อายูที่ถือเหรียญทองอยู่นั้นก็ตาโตขึ้นมาทันที นี่คือเงินมากที่สุดในชีวิตที่นางเคยจับ
หลังจากผ่านไป 1 ชั่วโมงอายูก็กลับมาพร้อมกลับกระเป๋าใบใหญ่ 1 ใบ และใบเล็กที่หลังของนาง 1 ใบ ของในกระเป๋าเป็นพวกผ้าชุดคุม รองเท้า เป้นอนและของทุกอย่างเท่าทีจะหาได้เช่นพวกไปไม่ขีดไป ไฟแช็ค มันราวกับว่าจะไปเดินป่าอย่างนั้น
เขาที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ดูท่าอายูน่าจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาไปออกล่า แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเตรียมให้พร้อมไว้ก่อนก็ดีเวลาที่ใช้ในการเตรียมของทุกอย่างนี้ถือว่าน้อยมากสมควรแล้วที่อายูเป็นคนนำทางภายในเมืองนี้
อายูกำลังจะยื่นเงินที่เหลือคืนมาให้เขา แต่ดอนก็ปฏิเสธไป
“เจ้าเก็บไว้เถอะ เผื่อมีเรื่องฉุกเฉินจะได้นำออกมาใช้ได้”
ดอนมองอายูที่กำลังจัดวางกล่องอาหารบนโต๊ะ อายูแต่งตัวด้วยชุดนักล่า สีขาวตัดดำ ชุดที่ดูเรียบง่าย เสื้อแขนยาว กางเกงขายาวที่ถูกทับด้วยกระโปรง และเสื้อฮู้ดที่ถูกใสทับเพื่อป้องกันความหนาวเย็น บวกกับหน้าตาและผมที่ถูกมัดอย่างดี มันทำให้อายูดูน่ารักขึ้นมามากกว่าเมื่อก่อนอีก ราวกับสาวน้อยที่หลุดออกมาจากโลกเวทมนต์ ถึงแม้ว่าผิวของเธอจะคล้ำไปสักเล็กน้อยก็ตาม
....................
ดวงอาทิตย์ที่เริ่มตกลงสาดแสงสู่ผืนดินปะทะเข้ากับกำแพงที่เต็มไปด้วยร่องรอยการต่อสู้ เรือเหาะขนาดใหญ่ยาวกว่า 1000 เมตรค่อย ๆ ลอยพ้อกำแพงเมือง
ดอนที่นั่งอยู่บนรถเข็นมองไปเมืองแห่งนี้เป็นครั้งสุดท้ายถึงแม้เขาจะมาที่นี่ได้แค่ 2 วันก็ตามแต่มันก็ถือว่าเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นบนเส้นทางจอมอาคม
อายูที่ยืนอยู่ข้างหลังดูจะกังวลแต่ในขณะเดียวกันก็ดูตื่นเต้นเล็กน้อย นี่คือครั้งแรกที่เธอได้ออกจากเมืองนี้
“อากาศเริ่มหนาวแล้ว ไปที่ห้องกันเถอะ” ดอนหันไปสั่งอายู
เขาซื้อตั๋ว VIP เดินทางระยะยาวไปที่เมืองยาลันซ่าด้วยราคา 9000 เครดิตเลยทีเดียว ทั้งสองคนก็ตก 18000 เครดิต โดยราคานี้ถือว่าไม่แพงมากนักถ้าเทียบกับระยะทาง และ ดอนยังได้จองห้องส่วนตัวไว้อีก 1 ห้อง ไม่เช่นนั้นเขาก็คงต้องไปนอนรวมกับคนอื่น ๆ
ในเรือเหาะแบ่งออกเป็น 10 ชั้น และ 1 โกดังใหญ่ใต้ท้องเรือ ในแต่ละชั้นมีห้องถึงนอนรวม 4 คน 100 ห้อง ยกเว้นห้อง 3 ชั้นบนที่มีแค่ 20 ห้องต่อชั้น เรื่อบรรจุคนได้ถึง 3000 คน
ภายในห้องไม่กว้างมากนัก มันมีเตียง 2 เตียง 1 ห้องน้ำและหน้าต่างทรงกลมที่มองเห็นเมฆข้างนอก
ดอนหยิบพลึกพลังงานออกมาเตรียมดูดซับต่อทันที
โดยไม่สนใจอายูที่ตอนนี้ดูเก้ ๆ กัง ๆ เธอต้องนอนรวมกับผู้ชายถึงแม้จะเป็นนายท่านของเธอก็ตาม ตอนที่เธออยู่บ้านของท่านยายเธอก็ได้แต่นอนรวมกับแต่กับเด็กผู้หญิงเท่านั้น
หลังจากดูดซับพลังงานเสร็จ เขาก็ลืมตาขึ้นเมื่อมองไปที่เตียงตรงข้ามก็เห็นอายูที่นอนหลับปุ้ยอยู่บนเตียง โดยไม่รู้ตัวด้วยความเหนื่อยล้าและเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ทั้งวัน
ดอนมองแล้วก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย และหยิบแหวนขึ้นมาแล้วเชื่อมต่อกับเครือข่ายของเรือเหาะ เรือเหาะที่เป็นเรือขนส่งส่วนใหญ่จะมีเครือข่ายที่เชื่อมต่อระยะไกลกับเมืองต่าง ๆ อีกทีทำให้ ทำให้เครือข่ายข้อมูลยังใช้ได้อยู่
หลังค้นหาข้อมูลและลงทะเบียนเป็นสมาชิกรายเดือน เดือนละ 100 เครดิต กับข่าวกับช่องข่าวที่ดังสุดคือ ช่องข่าวขององค์กรพิราบขาว
ข่าวที่เขาสนใจคือ เรื่องของคุกเหมืองนรกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อค้นหาสักพักก็เจอ ดอนส่งข้อมูลจากแหวนไปที่อุปกร์ฉายภาพที่อยู่บนหัวเตียง ภาพขยายใหญ่ขึ้นมาทันที นักข่าวสาวสวยก็พูดออกมา
“สวัสดีคะเมื่อวันที่ 18 มกราคม ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการต่อสู้ที่น่าตื่นตาตื่นใจมากจากจอมอาคมระดับสูงจำนวนสองท่านกับสัตว์อสูรที่ได้รับการยืนยันแล้วว่าคือสัตว์อสูรวาบี.............”
“โดยทางเราได้ถูกห้ามไม่ให้พูดชื่อของจอมอาคมทั้งสองท่านแต่เหตุการที่เกิดขึ้นนั้นได้เปลี่ยนภูมิประเทศของสันเขาโลหิตไปเป็นทะเลสาบขนาดยักษ์กินพื้นที่กว่า 30 % ของสันเขาเลยที่เดียวคะ ทางเราควาดว่าเหตุการณ์ที่ต่อสู้กันนั้นน่าจะเกิดมาจากอสูรวาบีต้องการยึดครองเมืองในเขตสันเขาโลหิตเพื่อใช้ในการทำรัง”
“แต่สิ่งที่น่าเหลือเชื่อกว่านั้นคือคุกแห่งนี้เป็นเหมืองที่ผิดกฎหมายของสหพันธ์ ขณะนี้ทางสหพันธ์กำลังเร่งตรวจสอบอยู่ว่าเหมืองนี้เป็นของใคร รายงานล่าสุดบอกว่านักโทญเกือบทั้งหมดเสียชีวิตและพวกที่รอดมาได้ทางการกำลังเร่งติดตามตัวโดยรายชื่อมีดังนี้..................”
เมื่อฟังมาถึงตรงนี้เขารีบมองหารายชื่อของตัวเองทันที แต่น่าแปลกกับไม่พบรายชื่อของเขาเลย และของมาเซออสก็ไม่มีเช่นกัน ดอนเดาว่าวงเป็นเพราะท่านหญิงเรน่าเป็นคนจัดการไม่ให้มีชื่อเขา
แต่นั้นก็กลับกลายเป็นความโชคดีของเขา นั้นหมายความว่าไม่มีใครรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว จะไปตามหาจากศพก็คงเป็นเรื่องยากเพราะศพทั้งหมดแทบจะสลายหายไปในการต่อสู้แล้ว
ดอนนอนมองเพดาน ‘ตอนนี้ข้ายังไม่ต้องรีบมากนัก ต้องอยู่บนเรือเหาะอีกเกือบ ๆ 2 สัปดาห์ ข้ายังมีเวลาอีกมาก’
เช้าวันต่อมาดอน ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเห็นเห็นอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะดูเหมือนว่าอายูจะไปเอาอาหารมาให้เขาแล้ว แต่ก็คงไม่แปลกเพราะเขาตื่นสายพอสมควร ดอนได้ยินเสียงอาบน้ำดังมาจากในห้องน้ำก็รู้ว่าอายูคงอาบน้ำอยู่ดอนเกิดความคิดแปลก แต่เขาก็รีบสายหัวทันที
วันนี้ทั้งวันไม่มีอะไรให้ทำเขาจึงได้แต่นอนอ่านเรื่องของการสำรวจแดนร้าง อันที่จริงสิ่งที่เรียกว่าแดนร้างก็คือพื้นที่ ๆ ยังไม่ได้รับการสำรวจว่ากันว่า มันมีอาณาเขตไม่สิ้นสุด เพราะตั้งแต่มีการสำรวจและตั้งถิ่นถ่านของมนุษย์เมือยุคบุกเบิกและได้ก่อตั้งสหพันธ์ขึ้นมา
จนปัจจุบันก็ 4855 ปีแล้ว รัศมีการสำรวจตั้งแต่วงแหวนที่ 1 จนถึงวงแหวนที่ 4 นั้น ก็กินอาณาบริเวณกว่า 1 ล้านกิโลเมตรแล้ว ดอนไม่อาจเข้าใจได้เลยว่า 1 ล้านกิโลเมตรนั้นมันกว้างใหญ่แค่ไหน โลกที่เขาจากมาระยะทางรอบโลกก็แค่ 40,077 กิโลเมตรเท่านั้น
ทุกปีจะมีการขยายวงสำรวจออกไปเรื่อย ๆ โดยในการสำรวจแต่ละพื้นที่นั้นต้องได้รับการเห็นชอบจากทางสหพันธ์ก่อน คนที่บุกเบิกสำเร็จจะมีเวลาในการเก็บเกี่ยวทรัพยากรถึง 5 ปีเต็มจากนั้น ก็จะเปิดให้คนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในการสำรวจนั้น ๆ เข้าไปได้ นั้นทำให้เกิดการแย่งสิทธิ์ในการสำรวจ
ดินแดนใหม่ ๆ จะนำมาซึ่งทรัพยากรและทรัพยากรจะนำมาซึ่งอำนาจ โดยเฉพาะกับจอมอาคมที่มีชีวิตยืนยาวนั้น การใช้ทรัพยากรต่อคนั้นถือว่านากลัวมาก
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้เขาก็สะดุดเข้ากับเรื่อง ๆ หนึ่งคือในการสำรวจยุคแรก ๆ มนุษย์ไม่ได้มีจอมอาคมเข้าร่วมมากนัก แต่จอมอาคมนั้นมีชีวิตที่ยืนยาว แล้วจอมอาคมในยุคก่อน ๆ ทำอะไร เกิดอะไรขึ้นถึงได้พึ่งมาก่อตั้งสหพันธ์
ดอนลองคนหาเรื่องเกี่ยวกับจอมอาคมในยุคก่อตั้งสหพันธ์แต่กลับไม่มีข้อมูลอะไรเลย นอกจากการสันนิษฐานจากจอมอาคม หรือผู้ใช้พลังฝึกหัดที่สนใจในประวัติศาสตร์ของสหพัน แต่ข้อมูลพวกนี้ก็เสียเครดิตเข้าไปอ่าน
แต่มันก็คงไม่แปลก คงไม่มีใครเอาข้อมูลที่แน่ชัดหรือหลักฐานในเรื่องแบบนั้นมาโพสต์ลงไว้ในเครือข่ายข้อมูลแบบนี้แน่นอน เพราะขนาดจอมอาคมที่ออกมาต่อสู้กับสัตว์อสูรวาบียังถูกห้ามไม่ให้พูดถึง
ข้อมูลพวกนี้น่าจะถูกเก็บบันทึกไว้ในหอสมุดตามองค์กร สหพันธ์หรืออะไรพวกนี้มากกว่า
แต่มันก็อาจจะคิดไปได้อีกแบบก็คือไม่มีใครรู้หรือไม่มีหลักฐานในเรื่องของจอมอาคมในก่อนยุคบุกเบิก
-------------------------------------------------------------------
จากผู้เขียน : อ่านจบแล้วอย่าลืมคอมเม้นติชมกันนะครับ ขอบคุณสำหรับทุก ๆ วิวที่เข้ามาอ่านนะครับ