ตอนที่แล้วตอนที่ 15 เส้นทางที่ยากลำบาก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17 ตัดสินใจ

ตอนที่ 16 เมืองไอเรลัวอา


ตอนที่ 16 เมืองไอเรลัวอา

ดวงอาทิตย์ตกเหลือเพียงครึ่ง แสงสีส้มแดงสะท้อนกับผืนดิน ตามหินผา ขบวนรถม้าเดินทางมาหยุดอยู่ริมแองน้ำตามธรรมชาติขนาดเล็ก ข้ารับใช้เริ่มก่อกองไฟเตรียมอาหาร บางส่วนเริ่มจัดเตรียมวางเวรยาม

ที่ท้ายขบวนบนรถม้าคันสุดท้าย ชายชราแบกเด็กอายุ 19 ลงจากรถ พามาที่ริมน้ำ

“ดูท่าเจ้าจะเจ็บหนัก?” มาเซออสถามดอน ขณะที่โยนดอนลงพื้นอย่างแรง

“โอ้ย !!!” ดอนมองไปที่มาเซออส ถ้าเขาไม่ต้องการความช่วยเหลือจากตาแก่มาเซออส เขาคงจะด่าตาแก่นี่ชุดใหญ่ไปแล้ว

“ระวังตัวด้วย ที่นี่มีผู้ใช้พลังฝึกหัดเยอะ  และหนึ่งในนั้นเป็นระดับผู้ควบคุมด้วย” มาเซออสกล่าว

ดอนและมาเซออสล้างตัวกันอย่างรวดเร็ว พวกเขายังระวังตัวอยู่เสมอ ไม่ได้ถอดผ้าคุมหน้าออกจนหมด เพื่อไม่ให้มีใครเห็นหน้า

ตอนนี้ระวังตัวเพราะตอนนี้สถานะของพวกเขายังเป็นนักโทษอยู่ แม้ว่าสถานการณ์ที่คุกเมืองนรกจะดูเลวร้ายมากแต่เขาก็จะไม่ตัดโอกาศที่จะมีคนตามหานักโทษที่หลบหนี

มาเซออสและดอนกลับมาที่รถม้าได้สักพัก อัศวินเอเวนก็เดินเข้ามาหา

“ท่านดอน นายท่านบัลเลเซ่ให้ข้าเอารถเข็นมาให้ขอรับ และเชิญท่านทั้งสองไปร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน ขอรับ” อัศวินเอเวนที่ตามมาด้านหลังเข็นรถเข็นไม้มาให้ดอน

มันเหมือนรถเข็นสำหรับคนพิการทั่ว ๆ ไป เพียงแค่มันถูกทำจากไม้ทั้งคัน ออกจะดูหยาบเล็กน้อย ดอนเดาว่ามันคงพึ่งถูกสร้าง เพราะดูไม้จะยังชื้นอยู่

“อืม ฝากไปบอกว่า พวกข้าจะไป” มาเซออสตอบโดยที่ไม่มองไปทางอัศวินเอเวนแม้แต่น้อย

หลังจากอัศวินเอเวนออกไป ดอนก็ลองรถเข็นดูมันออกจะเข็นยากสักหน่อย เพราะตัวไม้ที่เป็นเพลามันออกจะฝืด ๆ ดอนนั่งบนรถเข็นขณะที่มือทั้งสองข้างเข็นรถไปพร้อมกับที่มาเซออสเดินอยู่ด้านข้าง

“เจ้าต้องระวังให้มาก พยายามอย่าพูดอะไร พวกนั้นจะไม่สนใจเจ้า เพราะเจ้ามีพลังแค่ผู้สัมผัสเท่านั้น” มาเซออสสั่งออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่มาเซออสมีท่าทีแสดงออกแบบไม่สนใจเขาราวกับว่าเป็นคนที่มีสถานะต่างกัน

เมื่อเดินมาถึงด้านหน้าขบวน มีเต็นท์กลางอยู่ ที่ด้านข้างเหล่าคนรับใช้กำลังปรุงอาหารกันอยู่ ภายในเต็นท์มีโต๊ะไม้ยาวกับเก้าอี้ 8 ตัว มีคนนั่งอยู่แล้ว 5 คน ที่หัวโต๊ะเป็นบัลเลเซ่นั่งอยู่ และ นาเฟย์และรีเดีย ที่นั่งอยู่ซ้ายขวา ตามด้วย ฟรีต้าและชาเซอิลตามลำดับ สุดท้ายคือ เรทิก้า ที่นั่งอยู่เงียบ ๆ

“ข้าบัลเลเซ่ จากตระกูลวอซิล มาทำภารกิจของสถาบันศาสตร์อาคมเอราธาเมีย ยินดีที่ได้พบท่าน” บัลเลเซ่ลุกขึ้นมาทักทายมาเซออส แต่ไม่ได้มองมาที่ดอนเลยแม้แต่น้อย

“ข้ามาเซออส องค์กรพฤกษาโลหิต ยินดีที่พบเช่นกันขอขอบคุณท่านที่ให้การช่วยเหลือ” มาเซออสตอบด้วยน้ำเสียงปกติ

“เรื่องแค่นี้ไม่นับเป็นอะไร เชิญท่านนั่งก่อน” หลังจากที่บัลเลเซ่เชิญได้ยินถึงชื่อองค์กรพฤกษาโลหิต เขาก็เชิญมาเซออสนั่งลงอย่างเกรงใจทันที และให้คนเอาอาหารมาเสิร์ฟ

ดอนรู้สึกแปลกใจที่เห็นท่าทีของบัลเลเซ่ก็ถึงกลับสงสัยว่ามาเซออสและ องค์กรพฤกษาโลหิต มันมีที่มาอย่างไรกันแน่

บนโต๊ะมีอาหารมาวางไว้หลายอย่างแต่ส่วนใหญ่เป็นอาหารจานเนื้อมันคือเนื้อกวางเขาหยก ที่ถูกปรุงมาหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นย่าง ตุ๋น หรือผัดกับผักบางชนิด มันถือว่าหรูมากแม้แต่ในเมือง ทุกคนเริ่มลงมือกินกันแล้ว ถึงมันจะเป็นกลางป่ากลางภูเขาก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีพ่อครัวส่วนตัวติดตามมาด้วยช่างเป็นการออกล่าที่ฟุ่มเฟือยจริง ๆ ทุกคนเริ่มลงมือกินกันแล้ว ดอนเองก็เริ่มกินเช่นกัน

“ท่านมาเซออสกำลังเดินทางไปที่ไหน? แลัวมาทำอะไรแถวนี้?” บัลเลเซ่ถามออกมา ขณะมองไปที่มาเซออสที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะอีกฝั่ง

“ข้ากำลังเดินทางไปที่เมืองไอเรลัวอา นี่คือของตอบแทนที่ท่านให้พวกข้าติดรถม้าไปด้วย” มาเซออสตอบพร้อมกับเอากล่องไม้ออกมา กล่องไม้ค่อย ๆ ลอยไปหาบัลเลเซ่

บัลเลเซ่ยื่นมือไปรับกล่องไม้ระหว่างที่มือสัมผัสกับกล่องไม้บีลเลเซ่ก็มือสั่นเล็กน้อย พร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่เขาก้ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขารู้ว่านี่คือการขมขู่จากมาเซออสว่าอย่าถาม

หลังนั้นทั้งคู่ก็เงียบลงไปทั้งอย่างนั้น ทำให้ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาอีก

“นี่คือเนื้อกวางเขาหยก อย่ากินมากไปไม่งั้นเจ้าจะตายจากพลังงานที่อยู่ภายในเนื้อ”มาเซออสหันไปกระซิบกับดอน

ดอนที่กำลังจะกินเนื้อจานที่ 5 ลงไปก็หยุดทันที เพราะเขารู้สึกว่าเริ่มที่จะมีพลังงานส่งมาให้เข้ามากขึ้นเรื่อย ๆ จนรู้สึกอึดอัด

ดอนหันไปมองตาเฒ่ามาเซออสอย่างขอบคุณที่เตือน

“ข้าชื่อเรทิก้า เจ้าชื่ออะไร” เรทิก้าหันมาถามดอนที่นั้งอยู่ด้านข้าง

ดอนมองไปที่เด็กสาวมาดมั่น ไว้ผมยาวสีดำขับ ตาสีดำเข้มที่มองมาที่เขา

“ดอน แค่ดอน” ดอนตอบออกไป

“เจ้าเป็นอะไรถึงเดินไม่ได้?” เรทิก้ามองไปที่ขาของดอน

“ข้าบาดเจ็บทางวิญญาณ” ดอนตอบพร้อมกับดื่มไวน์แดงราวกับเลือดลงไป

เรทิก้าได้ยินแบบนั้น ก็มองดอนด้วยสายตาที่ส่งสาร คนที่สูญบาดเจ็บทางวิญญาณนั้นแบบจะตัดโอกาศในการพัฒนาพลังไปครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว ถ้าไม่สามารถรักษาได้

เขาสังเกตสีหน้าของเรทิก้าแล้วก็ได้แต่ยิ้มเจือน ๆ ตอบไป

ส่วนคนที่อยู่รอบข้างถึงแม้พวกนั้นจะไม่ได้ให้ความสนใจกับคนที่เป็นแค่ผู้สัมผัสก็ตามแต่พอได้ยินแบบนั้น ก็แสดงสีหน้าหยามเหยียดออกมาทันที โดยเฉพาะ นาเฟย์ที่ดูจะดูถูกดอนเป็นพิเศษ

“ก็แค่พวกไม่สมประกอป”นาเฟย์พูดพร้อมยิ้มด้วยความรังเกียจออกมา

มาเซออสไม่ได้สนใจแต่ก็มองไปที่นาเฟย์ด้วยสายตาด้านชา หลายคนไม่ได้พูดออกมาเพราะเกรงใจมาเซออสแต่ก็คงจะไม่มองดอนอยู่ในสถานะผู้ใช้พลังฝึกหัดอีก

หลังจากที่รับประทานอาหารมื้อนี้เสร็จแล้ว ทั้งสองคนก็บอกลาบัลเลเซ่กลับไปที่รถม้า

ถึงแม้ว่าบัลเลเซ่จะให้คนจัดเต็นท์ไว้ให้แต่มาเซออสปฏิเสธไป

เขาก็ไม่ได้ท้วงอะไร เพราะเขาก็เริ่มที่จะชินกับการนอนในรถม้าแล้ว

เมื่อกลับมาถึงรถม้าคันสุดท้าย มาเซออสก็นอนทันทีปล่อยให้ดอนเป็นคนเฝ้ายอมในกะแรก

เช้าวันต่อมาก็มีคนมาเชิญมาเซออสไปรับประทานอาหารกับพวกของบัลเลเซ่อีกแต่ก็ถูกปฏิเสธไปอีกเช่นเคย

“ทำไมท่านถึงปฏิเสธ” ดอนถามมาเซออส

 

 “ทุกอย่างย่อมมีราคาของมัน อย่าไว้ใจจอมอาคม” มาเซออสตอบแบบปัด ๆ

บางทีบัลเลเซ่พยายามจะผูกมิตรกับมาเซออสเพื่อหวังผลประโยชน์บางอย่าง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเพราะมันไม่ใช่เรื่องของเขา แต่ถึงแบบนั้นเขาก็เห็นด้วยกับมาเซออสว่าอย่าไว้ใจจอมอาคม

หลังจากที่ออกเดินทาง ขบวนรถม้าก็วิ่งกลับไปที่เมืองไอเรลัวอาโดยตรงเพราะของที่ล่ามาได้นั้นเต็มรถแล้ว ดอนนั่งมองไปที่ทุ่งกว้างอย่างสนใจ พอเริ่มเข้าไกล้เมืองก็จะเห็นป่าและแหล่งน้ำสองสามแห่ง มีต้นไม้มากขึ้น ดูแล้วสวยงามมากกว่าพื้นดินที่แห้งแล้ง หน้าผาที่สูงชันมีแต่หินเป็นไหน ๆ ที่สำคัญคืออากาศที่เย็นขึ้นมาเล็กน้อย

รถม้าวิ่งด้วยความเร็มที่สูงมากราว ๆ 150 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง และมาถึงเมืองไอเรลัวอาก็ตอนเย็นพอดี ตัวเมืองไม่ได้ต่างจากเมืองชาลันมากนัก มีกำแพงสูงกว่า 100 เมตรขนาดใหญ่ล้อมรอบเมืองกว่า1000 กิโลเมตร

บนกำแพงมีปืนใหญ่โลกันต์ติดตั้งระยะห่างกันทุก 20 เมตร ยาวตามกำแพงไปจนรอบ ตามพื้นมีหลุมจากการยิงของปืนใหญ่อยู่เต็มไปหมดราวกับมันคือพื้นผิวของดวงจันทร์ไม่มีผิด ที่กำแพงดอนเห็นรอยกรงเล็บลากยาว ผ่าเข้าไปในเนื้อเหล็กที่กำลังมีคนซ่อมแซมอยู่

ด้านบนมีทหารประจำการเดินตรวจตาอย่างเข้มขึม ทหารพวกนี้คือทหารของสหพันธ์

บนท้างฟ้ามีเรือเหาะขนส่งทรัพยากรและคน เดินทางเข้าออกอย่างต่อเนื่อง ดอนเริ่มผ่านเข้ามาในเมืองอย่างง่ายดายกับขบวนของบัลเลเซ่

ดอนและมาเซออสแยกออกจากขบวนหลังจากที่เข้าไปในเมือง เดินตามถนนสายหลัก มาที่ท่าเรือเหาะ

 

เรือเหาะขนส่งทรัพยากรของเมืองมันเป็นตึกสูง กว่า 30 เมตร ด้านบนเป็นเรือเหาะจอดเรียงรายกว่า 10 ลำ มีทั้งขนาดเล็กตั้งแต่ 20 - 1000 เมตรเลยทีเดียว บางลำติดอาวุธไว้เหมือนกับที่ดอนเห็นที่คุกเหมืองนรก

เรือเหาะส่วนใหญ่จะมีปีกข้างและบอลลูนอยู่ด้านบน มีลวดลายที่อยู่ตามลำเรือที่ช่วยในการลอยและขับเคลื่อนไปข้างหน้า เรือเหาะพวกนี้ใช้ผลึกพลังงานในการทำงาน

ที่นี่มีผู้คนนำของมาขายให้กลับพวกพ่อค้า ที่เอาเรือมาจอดรับรอซื้อของ บางคนก็มาซื้อตัวเดินทาง

อันที่จริงของพวกนี้นั้นเป็นธุรกิจของจอมอาคมหรือไม่ก็องค์กรต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะจ้างคนธรรมดาและนักรบมาคอยดูแล เพราะส่วนใหญ่แล้วจอมอาคมจะยุ่งอยู่แต่กับการทดลองต่าง ๆ หรือใช้เวลาฝึกฝนซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ต้องการทรัพยากรจึงมีตระกูลข้ารับใช้เกิดขึ้นที่คอยรวบรวมทรัพยากรให้กับจอมอาคมหรือองค์กร

ดอนและมาเซออสเดินมาหยุดอยู่ที่ซื้อตั๋วบริเวณท่าเรือเหาะ เขามองมาที่มาเซออสทันทีพร้อมกับถาม

“ตาแก่ ท่านจะไปตอนไหน?”

“ตอนนี้ แต่เจ้าจะไม่เปลี่ยนใจไปกลับข้าเข้าร่วมองค์กรกับข้าแน่นะ” มาเซออสมองดอนอย่างคาดหวัง

ตั้งแต่แยกตัวออกมา มาเซออสก็ชวนดอนเข้าร่วมองค์กรพฤกษาโลหิตตลอดทั้งทาง ดอนไม่รู้ว่าเหตุผลอะไรที่มาเซออสถึงสนใจในตัวเขานัก ถึงจะอ้างว่ามันคือโชคชนะที่นำพามาพบ แต่ดอนไม่เชื่อตาแก่นี่แน่นอน

ทุกอย่างต้องมีการแลกเปลี่ยนไม่ก็ทางใดทางหนึ่ง

“ไม่ละข้ามีเส้นทางของข้า” ดอนตอบไปแบบไม่ใยดี แต่เขาก็รู้สึกขอบคุณมาเซออสจริง ๆ ที่ช่วยเขาไว้หลายครั้ง

แต่เขาก็ยังระวังตัว และเว้นระยะห่างจากมาเซออสอยู่เพราะเขายังมีความลับหลายอย่าง อีกทั้งการเข้ารวมองค์กรจะต้องมีกฎที่เข้างวดแน่นอน

“เอานี่เก็บไว้ถ้ามีปัญหาอะไรก็เอาไปให้คนขององค์กรพฤกษาโลหิตพวกนั้นจะติดต่อมาหาข้าเอง หวังว่าจะได้เจอเจ้าอีก” มาเซออสยื่นตราเหล็กให้กับดอนด้านในเป็นรูปต้นไม้ทองคำนูนออกมามันใหญ่ประมานนิ้วโป้งเท่านั้น

หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปซื้อตั๋วและเดินหายไปที่ท่าจอดเรือเหาะ

ดอนมองมาเซออสจนพ้นสายตาก็ใช้มือเข็นรถเข็นออกไปจากที่นี่ตรงไปที่ตลาดวัตถุดิบพลังงานทันที

หลังจากที่เข็นไปถึงหน้าตลาดวัตถุดิบพลังงานมันก็เป็นเวลาเย็นแล้ว ที่นี่คือตลาดวัตถุดิบเดือนดับ ที่ชื่อนี้เพราะตลาดจะปิดช่วง 6 โมงเย็นเป็นต้นไป

เขาเข็นรถมาหยุดที่หน้าทางเข้า มองไปมองมาอย่างสงสัย มันเต็มไปด้วยเสียงถามคนที่พึ่งเคยมาเหรือต้องการคนนำทางเป็นจำนวนมาก

“นายท่าน ท่านพึ่งเคยมาที่นี่ใช่หรือไม่ ต้องการคนนำทางหรือไม่ขอรับข้าคิดแค่ 100 เครดิตต่อวันเท่านั้น”

“ข้าคิดแค่ 90 เครดิตเท่านั้น”

“60 ข้าคิดแค่ 60 เครดิตนายท่านสนใจหรือไม่”

ดูเหมือนคนนำทางบางคนจะเป็นนักรบขั้นที่ 1 ด้วย ซ้ำแต่ราคาก็จะแพงขึ้นเพราะถูกมองว่ามีพลังมากย่อมมีความรู้เยอะและรู้แหล่งขายและวัตถุดิบที่มากขึ้น

เสียงทั้งหญิงและชายแย่งกันแข่งเสนอราคากับคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่หลายคน แต่ไม่มีใครสนใจดอนที่นั่งรถเข็นไม้มาเลย

เขาเห็นเด็กสาวอายุราว ๆ 15 ปี แต่ตัวด้วยชุดผ้าสีฟ้าออกเทาเก่า ๆ ผมที่ปล่อยยุ่งเล็กน้อย หน้าที่ผอม ออกคล้ำและเหงื่อตามตัวจากการตะโกนแข่งกับคนนำทางหลายคนอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยด้วยร่างเล็ก ๆ นั้น

“เจ้าเป็นคนนำทางใช่หรือไม่ คิดเท่าไหร่?” เด็กสาวคนนั้นได้ยินคนถามก็ดีใจเป็นอย่างมากที่จะได้ลูกค้ารายแรกแล้ว

แต่เมื่อเห็นว่าเป็นดอนรอยยิ้มก็หายไปบางส่วน แต่เด็กสาวก็ยังตอบอย่างสุภาพ

 

“30 เครดิต เจ้าคะ” เด็กสาวตอบแบบไม่คิดอะไรมาก คนที่พิการนั่งรถเข็นไม้ แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ดูเก่ากว่าเขาอีก ปิดหน้าปิดตาด้วยผ้าคุมมิดชิดราวกับโจร จะหาเงินจากไหนมาจ่ายตอนแรกเขาจะบอกว่า 35 เครดิตแต่ตั้งใจลดราคาลงอีก 5 เครดิตเพราะเขาไม่มีคนจ้างมา 2 วันแล้ว

“ข้าให้เจ้า 100 เครดิตเลย แต่เจ้าช่วยข้าเข็นรถเข็นด้วยข้าจะจ่ายให้ตอนจบงาน” ดอนพูดออกไปพร้อมกับมองไปที่เด็กสาวที่ตอนนี้มองดอนตาไม่กระพิบ เขารู้สึกถูกชะตากลับเด็กสาวคนนี้มาก

“ท่านพูดจริง ๆ เหรอ” เด็กสาวถามดอนอีกครั้ง

“จริงสิหรือเจ้าจะไม่รับงาน”

“รับ ๆ” เด็กสาวพยักหน้าราวกับไก่จิกข้าวสาร รีวิ่งมาเข็นดอนเข้าไปในตลาดทันทีด้วยกลัวว่าจะมีใครแย่งลูกค้า

“ให้ข้าเรียกเจ้าว่าอะไร”

“ท่าน เรียกข้าว่า อายู ก็ได้คะ” อายูตอบ

“อายู พาข้าไปที่ร้านแลกเปลี่ยนเงินก่อนก็แล้วกัน” ดอนสั่ง

อายูพาดอนไปที่ร้านแรกเปลี่ยนเงินทันที

-------------------------------------------------------------------

จากผู้เขียน : อ่านจบแล้วอย่าลืมคอมเม้นติชมกันนะครับ ขอบคุณสำหรับทุก ๆ วิวที่เข้ามาอ่านนะครับ

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด