ตอนที่แล้วตอนที่ 14 โลกภายนอก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 16 เมืองไอเรลัวอา

ตอนที่ 15 เส้นทางที่ยากลำบาก


ตอนที่ 15 เส้นทางที่ยากลำบาก

รถเหล็กพุ่งออกไปตามไหล่ผาด้วยความเร็วสูงสุด ดอนหันไปมองที่ด้านหลัง มีหมาป่าสีเทาขนาดยักษ์ 10 ตัว วิ่งตามมาติด ๆ

“ทางนั้น! เร็ว!”ดอนที่เห็นทางแยกที่ออกจากผาไปทางเนินเขาก็รีบชี้ออกไป

ทันใดนั้นมีเงาวิ่งออกมาจากทางด้านข้างพรุ่งตรงมาหาดอน มันอ้าปากที่เร็วจนแม้แต่ดอนยังมองไม่ทัน

“ระวัง !” มาเซออสรีบดึงดอนกล้มลง

“ปัง!” เสียงของฟันกรามหมาป่าขนาดสีเทางับเข้าที่บริเวณเหนือศีรษะดอนอย่างแรง

เสียงมันถึงกับทำให้ดอนหูอื้อไปเลย

ร่างของหมาป่าลอยข้ามรถไปด้วยท่าตีลังกาพร้อมกับพยายามงับดอนอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่โดน มาเซออสร่ายคาถาเสียงเบา ยกมือข้างซ้ายชี้ไปที่หมาป่า

ศรหนามที่เขียวสด ถูกยิงออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่ กระแทกเขาไปที่ร่างของหมาป่าอย่างรวดเร็วแต่มันกับไม่ทะลุผ่านผิวหนังและขนสีเทาของมันได้เลย

ระหว่างที่มันปะทะเข้ากับศรหนาม หมาป่าก็ใช้เท้าข้างหึ่งตบไปที่ข้างตัวรถทำให้เสียหลังเล็กน้อย ร่างของหมาป่ากระเด็นไปใส่ก้อนหินริมผาอย่างแรง แต่มันก็ไม่เป็นอะไรลุกขึ้นมาสะบัดขนแล้วก็วิ่งไล่รถต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากเพียงแค่ชั่วลมหายใจเท่านั้น ถ้ามาเซออสไม่ได้ดึงเขาหลบ หัวดอนคงลงไปอยู่ในท้องมันแล้ว

เหตุการที่เกิดขึ้นเมื่อสัครู่ที่ให้รถเสียหลังสายไปมาเล็กน้อยก่อนที่ มาเซออสจะความคุมรถและกลับมาวิ่งได้ต่อ

 

เขาต้องยอมรับเลยว่ามาเซออสขับรถเก่งมาก ถ้าเป็นในโลกเก่า มาเซออสคงเป็นแชมป์โลกได้เลย

จังหวะที่รถชะลอความเร็วลงเมื่อสักครู่หมาป่าอีก 10 ตัวก็ตามมาทัน

“เจ้าระวังไว้ให้ดี ก้มต่ำลงไว้ มันคือสัตว์ร้ายระดับ 3 พวกมันพยายามโจมตีคนที่อ่อนแอที่สุดก่อน!” มาเซออสพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

เขาก้มต่ำลงตามคำแนะนำทันที ตอนนี้มีหมาป่ายักษ์ 11 ตัวกำลังไล่ตามมาอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยราวกับพวกมันแค่หยอกเย้าพวกเขาเล่นเท่านั้น

ระหว่างที่หนี พวกเขาเจอหมาป่าซุ่มโจมตีโดยหมาป่าสีเทาระดับ 3 สองตัว แต่มันก็ไม่เป็นผล ดอนรู้สึกถึงรางสังหรณ์แปลก ราวกับพวกมันจงใจให้พวกเขามาทางนี้ บริเวณนี้เป็นทางแคบตามไหล่เขาไม่มีที่ให้ไปนอกจากข้างหน้าหรือย้อนไปข้างหลัง

และแล้วสิ่งที่เลวร้ายก็เกิดขึ้น ข้างหน้ามีหมาป่าสีเทาใหญ่เกือบเท่าช้างแอฟริกา ยืนขว้างทางอยู่ มันปล่อย อ่อร่าที่น่ากลัวออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งตัวของมันเป็นสีดำ จนแทบจะกลืนกับความมืดรอบข้างสนิท

“บัดซบ !!!  สัตว์อสูร ระดับ 1 หมาป่าทมิฬ” มาเซออสตะโกนออกมา

อาเซออสหยุดรถทันที เขายอมเจอหมาป่าสีเทา 13 ตัวดีกว่าเจอสัตว์อสูรตัวเดียว แต่หมาป่าทั้ง 13 ตัวกลับหยุดห่างออกไปเกือบ 100 เมตร พวกมันหมอบลงราว หางลู่ติดพื้น ทำท่าประจบหมาป่าทมิฬราวกับว่าพวกมันได้ส่งอาหารให้กับหัวหน้าแล้วเชิญชิมได้

ทั้งดอนและมาเซออสที่เห็นแบบนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าตนติดกับพวกมันให้แล้ว

“ท่านสู้มันได้ไหม?” ดอนกัดฟันแน่นแต่ไม่ได้มองไปที่หมาป่า

เขารู้ว่าแค่จ้องมันก็อาจจะตายได้ ตอนนี้แค่มันจ้องมาที่ดอนก็เหงือไหลไปทั้งตัวแล้ว

“ระดับมันห่างกันเกินไป ถึงแม้ข้าจะไกล้ก้าวข้ามไปเป็นจอมอาคมแล้ว แต่อสูรระดับ 1 นั้นเทียบได้กลับ จอมอาคมระดับ ผู้สร้าง เลยที่เดียว ถ้านับแค่ระดับพลังละก็นะ แต่ถ้านับที่ร่างกายสัตว์อสูรของมัน.......” มาเซออสเงียบไป ขณะที่จ้องตาของหมาป่าทมิฬไม่กระพิบ

“แล้วถ้านับละ” ดอนถามเสียงสั่นเล็กน้อย

“ก็เท่ากับจอมอาคมระดับผู้สร้าง 2-3 คนถึงจะสู้ได้ อสูรจะได้เปรียบเรื่องร่างกายที่มีพลังมากกว่ามนุษย์เรา” มาเซออสอธิบาย

ดอนได้ยินแบบนั้นก็มือสั่นทันที มาเซออสเห็นดอนที่ถูกครอบงำด้วยความกลัวแต่ก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร ดอนพึ่งเป็นแค่ผู้สัมผัสเท่านั้นอันที่จริงเรียกว่าแค่พึ่งก้าวขาเข้ามาในโลกของจอมอาคมเท่านั้น ก็ไม่แปลกที่จะถูกครอบงำได้ง่าย ๆ

ในระหว่างที่กำลังกลัวอยู่นั้น ดอนกลับรู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล ความรู้สึกมันส่งมาจากลูกบาศก์วิญญาณราวกับมันจะบอกว่า มันไม่พอใจต่อความกลัวและต่อท่าทีของหมาป่าทมิฬ เจ้าหมานั้นจะต้องตาย

ดวงตาของเขาเริ่มที่จะเป็นสีแดง ดอนรู้ได้ชัดเจนว่าโลกที่มองเห็นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง เขารีบหลับตาลงทันทีเพื่อไม่ให้มาเซออสสังเกตุเห็น

“ข้าเป็นอะไร?”ดอนพึมพำ

หลังจากสองสามลมหายใจ ดองตาเริ่มกลับมาเป็นปกติ เขารีบตบไปที่หน้าตัวเองอย่างแรงเพื่อเรียกสติกลับมาจากความกลัวที่ครอบงำในใจทันที

มาเซออสเห็นดอนหลุดจากการครอบงำด้วยความกลัวได้อย่างรวดเร็วก็อดชื่นชมไม่ได้ ถึงจะเป็นเขาเองก็ไม่ใช้เรื่องง่ายที่จะรักษาท่าทีสงบไว้

“ข้ามีแผน...จับไว้ให้แน่น” มาเซออสพูดลอย ๆ ไม่สนใจท่าทีของดอน

“เดี่ยว..” แต่ยังไม่ทันที่ดอนจะตอบ มาเซออสก็เหยียบคันเร่งพุ่งลงไปที่หน้าผาด้านข้างทันที

หมาป่าทมิฬที่เห็นแบบนั้นก็ หายวับไปกับตามาโพล่อีกที่ขวางหน้ารถไว้

“เร็วมาก!!!” ดอนที่มองไม่ทันก็ได้แต่ตกใจ

หมาป่าทมิฬดูท่าจะไม่ต้องการเสียเวลากลับเหยื่อตัวน้อยทั้งสองอีกแล้ว มันอ้าปากเตรียมจะกลืนกินทั้งสองเข้าไปพร้อมกับรถทันที

“ไม่!!!” มาเซออสตระโกนออกมาสุดเสียง

หยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋า และขว้างไปขวางระหว่างหมาป่าทมิฬและพวกเขา มันขยายใหญ่ออกมาเป็นโล่โลหะขนาดใหญ่ ป้องกันทั้งคนและรถไว้ด้านหลัง

มาเซออสรีบถ่ายพลังงานเข้าไปอย่างรวดเร็ว

จากนั้น มาเซออสก็หยิบม้วนคัมภีร์สีเงินออกมาก แล้วเริ่มร่ายคาถาทันที ดอนไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่ดูท่าจะทำให้หมาป่าทมิฬดูลังเลเล็กน้อย

มันตบไปที่โล่อย่างแรงจนโล่กระเด็นลอยไปฝังข้างในกำแพงหน้าผา ไม่สามารถต้านได้แม้แต่การโจมตีเดียว

มาเซออสอาศัยเวลานี้ร่ายคาถาจนเสร็จ หอกแสงสีเขียวราวกับต้นไม้ยักษ์ยิงออกมาจากม้วนคำภีร์ พร้อมกับที่มาเซออสกระอักเลือดกองใหญ่ออกมา

ทันทีที่หอกพุ่งออกไปหมาป่าทมิฬก็หายตัวไปทันที หอกโจมตีโดนแค่เงาหมอกจาง ๆ ที่คล่อย ๆ หายไปมันไม่ได้โง่ ที่จะรับตรง ๆ ถึงแม้มันจะรับได้ก็ตาม เพราะมันสามารถหลับได้อย่างง่ายด่าย

“อึก...บ้าเอ้ย!!! มันเร็วเกินไป” มาเซออสบ่นพร้อมกับกลืนเลือดที่ไหลออกมาจากปาก

“ไปเร็ว!!!”ดอนตะโกนออกมาเพื่อเตือนมาเซออสที่บ่นอยู่ รถยังคงวิ่งตรงไปที่หน้าผา

หมาป่าภายในดวงตาของหมาป่าทมิฬมีวงจรอาคมหมุนวนอย่างต่อเนื่อง มันจ้องมาที่มาเซออส ร่างของมาเซออสสั่นทันที มีเส้นใยเงาสีเทารัดตัวมาเซออสไว้ เขาเริ่มที่จะกะเกิดอาการชักทันที

ดอนเห็นแบบนั้นก็รีบเอนตัวเข้าไปจับพวกมาลัยรถ แต่ก็ไม่ทันรถเริ่มเสียหลังสายไปมา

หมาป่าทมิฬกระโดดแค่ทีเดียวก็มาโพล่ที่ท้ายรถเขาได้อย่างง่ายดาย มันใช้กรงเล็บตบลงไปที่รถอย่างแรง

ดอนรู้สึกราวกับโดนชนด้วยรถสิบล้อ แรงปะทะส่งทั้งเขาทั้งมาเซออสที่เลือดท่วมตัวจากเส้นไยที่รัดแน่นจนบาดเนื้อหนัง และรถกระเด็นคว่ำหงายท้องอยู่ตรงขอบผา ผลึกพลังงานของมาเซออสที่ไม่ยอมเก็บไป ที่อยู่หลังรถกระเด็นเกลือนไปทั่วบริเวนรถ ทั้งดอนและมาเซออสนอนกระอักเลือดกันอีกรอบทันที

“ไอ้ หมาป่าเวร ถ้าร่างนี้ข้าเป็นอะไรเจ้าตายแน่” มาเซออสด่า

ดอนมองดูหมาป่าที่กำลังเดินมาอย่างช้า ๆ ด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย แต่อยู่ ๆ มันก็หยุดลง และเงยขึ้นไปที่ท้องฟ้า หมาป่าสีเท่าตัวอื่น ๆ ก็ทำเช่นเดี่ยวกัน

ทันใดนั้น หมาป่าทมิฬก็ถูกเหยียบด้วยกรงเล็บขนาดใหญ่ติดพื้นทันที มันพยายามจะดินเต็มที่แต่ก็ถูกจิกด้วยจงอยปากขนาดใหญ่ขาดครึ่งตายทันที

ดอนมองเห็นแต่กรงเล็บและจงอยปากมันคลายกับอินทรี ตัวกรงเล็บไม่ใหญ่มากนักมันพอดีแค่คีบตัวหมาป่าได้ แต่แค่นั้นก็เกินพอ หมาป่าทมิฬไม่สามารถสู้กลับไปได้เลย

หมาป่าที่เหลือก็ถูกกินลงไปทั้งตัวโดยที่มันไม่สามารถตอบโต้ได้เลย

หลังจากกินเสร็จนกนั้นก็มองมาที่ซากรถ ทั้งดอนและมาเซออส ถึงกลับกลั้นหายใจทันที

แต่อยู่ ๆ มันก็หยุดนิ่งไป เลือดไหลตามขามันลงมา แต่กลับไม่ใช้เลือดของหมาป่าพวกนั้นแต่เป็นเลือดของมันเองดูท่ามันจะบาดเจ็บ มันรีบใช้ปากดูดกลืนผลึกที่กระจายอยู่บนพื้นไปจนหมดจากนั้นก็ทะยานขึ้นฟ้าไปอย่างรีบร้อน

“ฟู่ ๆๆๆ” ทั้งดอนและมาเซฟอนถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ดอนไม่ได้เห็นตัวมันชัดเจนมากนักนอกจากกรงเล็บและจงอยปากสีแดงโลหิต

“มันคือ นกเพลิงเซนเลฟอน อสูรระดับ 3 ข้านึกว่ามันถูกฆ่าไปหมดจากวงแหวนที่ 4 แล้ว” มาเซฟอนพูด

ตาเฒ่ามาเซออสดูเหมือนจะร่างกายฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เขาเดินไปที่ หยดเลือดของนกเพลิงเซนเลฟอน จากนั้นก็หยิบขวดออกมาใส่เลือด เลือดที่อยู่บนพื้นค่อย ๆ ลอยลงไปในขวด

ดอนมองดูอย่างสนใจ

“เอานี่ให้เจ้า” ตาเฒ่ามาเซออสโยนขวดเลือดมาให้ดอนอย่างไม่ใส่ใจ

“ท่านไม่ต้องการหรือ”

“ไม่ละ ก็แค่เลือดนกธรรมดา ไม่มีประโยชน์กับข้า” ตาเฒ่ามาเซออสกล่าวพร้อมกับเดินไปเก็บซากรถเหล็กโยนลงไปในเหวด้านล่าง

ดอนมองไปที่ขวดที่อยู่ในมือ “เลือดที่มาจากอสูรระดับ 3 มันน่าจะมีราคาที่แพงมาก แต่ดูตาเฒ่ามาเซออสจะไม่สนใจหรือมันจะไม่มีค่าจริง ๆ”

ทั้งสองคนพักอยู่สักพัก ก็รีบออกจากบริเวณนี้ทันทีเพราะกลิ่นของเลือดจะล่อสัตว์ตัวอื่น ๆ มาอีก

ดอนถูกลากมาโดยมาเซออส เขาต้องขอบคุณตาแก่มาเซออสจริง ๆ เพราะถึงขนาดนี้ก็ยังไม่ยอมทิ้งเขา

หลังจากออกห่างมาได้ระยะที่ปลอดภัยแล้ว ทั้งสองคนก็พักและหลับเป็นตายกันทันที

-------------------------------------------------------------

หลังจากที่ทั้งสองคนออกไปได้ราว ๆ ครึ่งวัน

ก็มีรถมาขนาดใหญ่ที่ถูกลากโดยม้าเหงื่อโลหิต 5 ตัว วิ่งนำขบวนมา ตามหลังด้วยรถม้าขนาดกลางอีก 10 กว่าคัน

ส่วนใหญ่จะบรรทุกเนื้อสัตว์ป่า สัตว์ร้ายบางชนิดเช่น หมีโพลงกับหนูยักษ์ที่เป็นสัตว์ป่าธรรมดา และที่มีค่าก็คงเป็นกวางเขาหยกสัตว์ร้ายระดับ 2 ที่อยู่กันเป็นฝูง ถูกใส่ไว้เกือบ 20 ตัว เป็นพวกพืชสมุนไพรที่ทีค่าต่าง ๆ กับเสบียงอาหารหยุดลงห่างออกไปทางเนินเขา

“นายน้อยเรามาถึงที่ ๆ บอกแล้วขอรับ” อัศวิน ขั้น 1 ที่ใส่ชุดเกาะเต็มยศเดินออกไปรายงานกับรถม้าคันหน้าสุดทันที

“อืม ส่งคนลงไปตรวจสอบดู” ชายหนุ่มที่นั้งอยู่ในรถม้าสั่งออกมาทันที

“ขอรับ” หัวหน้าอัศวินคนนั้น สั่งให้ลูกน้องที่เป็นนักรบสองคนลงไปดูทันที

“บัลเลเซ่ เจ้าว่าจะเจออะไรไหม มูยูของเรทิก้าได้กลิ่นเลือดมาจากทางนี้” นาเฟย์ หญิงสาวอายุราว 18 ปี ผมสีดำ ตาสีฟ้า นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบัลเลเซ่ถามขึ้น

“น่าจะเจอ เพราะกลิ่นเลือดแรงมาก บางทีอาจจะได้ของครบตามภารกิจ เราจะได้กลับกันเร็ว ๆ” บัลเลเซ่พูด

“มูยูของข้า ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอนไม่งั้นเราจะได้กวางเขาหยกมามากขนาดนี้หรือ ตามที่ตกลงกวางเป็นของข้าครึ่งหนึ่ง” เรทิก้าแสยะยิ้มมุมปาก

บัลเลเซ่ขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้พูดอะไร แต่นาเฟย์ดูจะไม่พอใจจึงพูดออกมา

“เจ้าก็แค่ช่วยค้นหากวางไม่ได้ทำอะไรอีกเลยนอกจากนั่งอยู่แต่ในนี้ จะเอาถึงครึ้งได้อย่างไรแล้ว คนอื่น ๆ ละ” นาเฟย์มองไปที่เพื่อนในทีมอีก 3 คน “เจ้าว่าไงฟรีต้า และชาเซอิลละ ถ้าให้เรทิก้าไปครึ่งนึ่งพวกเราจะได้แค่ คนละ 2 ตัวเองนะทั้งที่เราก็ช่วยกันล่า รีเดียเห็นด้วยกลับข้าใช่ไหมที่จะให้แบ่งเท่า ๆ กัน”

“ข้าเห็นด้วยกับนาเฟย์ เราควรตกลงแบ่งของกันใหม่ ” รีเดียพูดขึ้นมา

“ข้าก็ด้วย ขอเพิ่มอีก” ชาเซอิลพูดออกมาพร้อมกับไขมันที่กระเพื่อมไปมาตามแก้มที่กำลังเคี่ยวขาหนูย่างอย่างมูมมาม

“ข้ายังไงก็ได้แล้วแต่บัลเลเซ่”ฟรีต้ามองไปที่บัลเซ่ด้วยสายตายั่วยวน

“พวกเจ้า !!!” เรทิก้าตระโกนออกมา

“พอแล้ว เอาเป็นว่าตามเสียงข้างมากก็แล้วกัน เจ้าเอาไปแค่ 4 ตัวพอ ที่เหลือก็ให้แบ่งกัน” บัลเลเซพูดออกมาพร้อมกับมองไปที่รีเดียด้วยรอยยิ้ม

ทุกคนยิ้มออกมาทันทีที่ได้ส่วนแบ่งเพิ่ม

เรทิก้าได้แต่กำมือแน่น เธอมีระดับแค่ ผู้ใช้พลัง และมีพรสวรรค์แค่ระดับ 3 เท่านั้น แต่เธอมีความสามารถในการใช้สัตว์แกะลอยที่ดี

ตอนรับภารกิจมาเธอไม่คิดว่าเพื่อนร่วมทีมที่ชวนเธอมาร่วมภารกิจจะเอาเปรียบเธอแบบนี้ ‘ข้าไร้เดียงสาเกินไป’ เพราะว่าเธอไม่ได้มาจากตระกูลจอมอาคม แต่มาจากตระกูลคนธรรมดาเท่านั้น แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้เพราะทุกคนที่นี่มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาและมาสถานะที่เหนือกว่าเธอทั้งนั้น

เรทิก้ากำลังจะพูดท้วงแต่ก็มีเสียงของอัศวินเข้ามารายงาน

“นายท่าน เราเจอผู้ใช้พลังสองของขอติดรถม้าไปด้วยขอรับ”

-------------------------------------------------------------------

จากผู้เขียน : อ่านจบแล้วอย่าลืมคอมเม้นติชมกันนะครับ ขอบคุณสำหรับทุก ๆ วิวที่เข้ามาอ่านนะครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด