ตอนที่ 15 เส้นทางที่ยากลำบาก
ตอนที่ 15 เส้นทางที่ยากลำบาก
รถเหล็กพุ่งออกไปตามไหล่ผาด้วยความเร็วสูงสุด ดอนหันไปมองที่ด้านหลัง มีหมาป่าสีเทาขนาดยักษ์ 10 ตัว วิ่งตามมาติด ๆ
“ทางนั้น! เร็ว!”ดอนที่เห็นทางแยกที่ออกจากผาไปทางเนินเขาก็รีบชี้ออกไป
ทันใดนั้นมีเงาวิ่งออกมาจากทางด้านข้างพรุ่งตรงมาหาดอน มันอ้าปากที่เร็วจนแม้แต่ดอนยังมองไม่ทัน
“ระวัง !” มาเซออสรีบดึงดอนกล้มลง
“ปัง!” เสียงของฟันกรามหมาป่าขนาดสีเทางับเข้าที่บริเวณเหนือศีรษะดอนอย่างแรง
เสียงมันถึงกับทำให้ดอนหูอื้อไปเลย
ร่างของหมาป่าลอยข้ามรถไปด้วยท่าตีลังกาพร้อมกับพยายามงับดอนอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่โดน มาเซออสร่ายคาถาเสียงเบา ยกมือข้างซ้ายชี้ไปที่หมาป่า
ศรหนามที่เขียวสด ถูกยิงออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่ กระแทกเขาไปที่ร่างของหมาป่าอย่างรวดเร็วแต่มันกับไม่ทะลุผ่านผิวหนังและขนสีเทาของมันได้เลย
ระหว่างที่มันปะทะเข้ากับศรหนาม หมาป่าก็ใช้เท้าข้างหึ่งตบไปที่ข้างตัวรถทำให้เสียหลังเล็กน้อย ร่างของหมาป่ากระเด็นไปใส่ก้อนหินริมผาอย่างแรง แต่มันก็ไม่เป็นอะไรลุกขึ้นมาสะบัดขนแล้วก็วิ่งไล่รถต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากเพียงแค่ชั่วลมหายใจเท่านั้น ถ้ามาเซออสไม่ได้ดึงเขาหลบ หัวดอนคงลงไปอยู่ในท้องมันแล้ว
เหตุการที่เกิดขึ้นเมื่อสัครู่ที่ให้รถเสียหลังสายไปมาเล็กน้อยก่อนที่ มาเซออสจะความคุมรถและกลับมาวิ่งได้ต่อ
เขาต้องยอมรับเลยว่ามาเซออสขับรถเก่งมาก ถ้าเป็นในโลกเก่า มาเซออสคงเป็นแชมป์โลกได้เลย
จังหวะที่รถชะลอความเร็วลงเมื่อสักครู่หมาป่าอีก 10 ตัวก็ตามมาทัน
“เจ้าระวังไว้ให้ดี ก้มต่ำลงไว้ มันคือสัตว์ร้ายระดับ 3 พวกมันพยายามโจมตีคนที่อ่อนแอที่สุดก่อน!” มาเซออสพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
เขาก้มต่ำลงตามคำแนะนำทันที ตอนนี้มีหมาป่ายักษ์ 11 ตัวกำลังไล่ตามมาอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยราวกับพวกมันแค่หยอกเย้าพวกเขาเล่นเท่านั้น
ระหว่างที่หนี พวกเขาเจอหมาป่าซุ่มโจมตีโดยหมาป่าสีเทาระดับ 3 สองตัว แต่มันก็ไม่เป็นผล ดอนรู้สึกถึงรางสังหรณ์แปลก ราวกับพวกมันจงใจให้พวกเขามาทางนี้ บริเวณนี้เป็นทางแคบตามไหล่เขาไม่มีที่ให้ไปนอกจากข้างหน้าหรือย้อนไปข้างหลัง
และแล้วสิ่งที่เลวร้ายก็เกิดขึ้น ข้างหน้ามีหมาป่าสีเทาใหญ่เกือบเท่าช้างแอฟริกา ยืนขว้างทางอยู่ มันปล่อย อ่อร่าที่น่ากลัวออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งตัวของมันเป็นสีดำ จนแทบจะกลืนกับความมืดรอบข้างสนิท
“บัดซบ !!! สัตว์อสูร ระดับ 1 หมาป่าทมิฬ” มาเซออสตะโกนออกมา
อาเซออสหยุดรถทันที เขายอมเจอหมาป่าสีเทา 13 ตัวดีกว่าเจอสัตว์อสูรตัวเดียว แต่หมาป่าทั้ง 13 ตัวกลับหยุดห่างออกไปเกือบ 100 เมตร พวกมันหมอบลงราว หางลู่ติดพื้น ทำท่าประจบหมาป่าทมิฬราวกับว่าพวกมันได้ส่งอาหารให้กับหัวหน้าแล้วเชิญชิมได้
ทั้งดอนและมาเซออสที่เห็นแบบนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าตนติดกับพวกมันให้แล้ว
“ท่านสู้มันได้ไหม?” ดอนกัดฟันแน่นแต่ไม่ได้มองไปที่หมาป่า
เขารู้ว่าแค่จ้องมันก็อาจจะตายได้ ตอนนี้แค่มันจ้องมาที่ดอนก็เหงือไหลไปทั้งตัวแล้ว
“ระดับมันห่างกันเกินไป ถึงแม้ข้าจะไกล้ก้าวข้ามไปเป็นจอมอาคมแล้ว แต่อสูรระดับ 1 นั้นเทียบได้กลับ จอมอาคมระดับ ผู้สร้าง เลยที่เดียว ถ้านับแค่ระดับพลังละก็นะ แต่ถ้านับที่ร่างกายสัตว์อสูรของมัน.......” มาเซออสเงียบไป ขณะที่จ้องตาของหมาป่าทมิฬไม่กระพิบ
“แล้วถ้านับละ” ดอนถามเสียงสั่นเล็กน้อย
“ก็เท่ากับจอมอาคมระดับผู้สร้าง 2-3 คนถึงจะสู้ได้ อสูรจะได้เปรียบเรื่องร่างกายที่มีพลังมากกว่ามนุษย์เรา” มาเซออสอธิบาย
ดอนได้ยินแบบนั้นก็มือสั่นทันที มาเซออสเห็นดอนที่ถูกครอบงำด้วยความกลัวแต่ก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร ดอนพึ่งเป็นแค่ผู้สัมผัสเท่านั้นอันที่จริงเรียกว่าแค่พึ่งก้าวขาเข้ามาในโลกของจอมอาคมเท่านั้น ก็ไม่แปลกที่จะถูกครอบงำได้ง่าย ๆ
ในระหว่างที่กำลังกลัวอยู่นั้น ดอนกลับรู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล ความรู้สึกมันส่งมาจากลูกบาศก์วิญญาณราวกับมันจะบอกว่า มันไม่พอใจต่อความกลัวและต่อท่าทีของหมาป่าทมิฬ เจ้าหมานั้นจะต้องตาย
ดวงตาของเขาเริ่มที่จะเป็นสีแดง ดอนรู้ได้ชัดเจนว่าโลกที่มองเห็นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง เขารีบหลับตาลงทันทีเพื่อไม่ให้มาเซออสสังเกตุเห็น
“ข้าเป็นอะไร?”ดอนพึมพำ
หลังจากสองสามลมหายใจ ดองตาเริ่มกลับมาเป็นปกติ เขารีบตบไปที่หน้าตัวเองอย่างแรงเพื่อเรียกสติกลับมาจากความกลัวที่ครอบงำในใจทันที
มาเซออสเห็นดอนหลุดจากการครอบงำด้วยความกลัวได้อย่างรวดเร็วก็อดชื่นชมไม่ได้ ถึงจะเป็นเขาเองก็ไม่ใช้เรื่องง่ายที่จะรักษาท่าทีสงบไว้
“ข้ามีแผน...จับไว้ให้แน่น” มาเซออสพูดลอย ๆ ไม่สนใจท่าทีของดอน
“เดี่ยว..” แต่ยังไม่ทันที่ดอนจะตอบ มาเซออสก็เหยียบคันเร่งพุ่งลงไปที่หน้าผาด้านข้างทันที
หมาป่าทมิฬที่เห็นแบบนั้นก็ หายวับไปกับตามาโพล่อีกที่ขวางหน้ารถไว้
“เร็วมาก!!!” ดอนที่มองไม่ทันก็ได้แต่ตกใจ
หมาป่าทมิฬดูท่าจะไม่ต้องการเสียเวลากลับเหยื่อตัวน้อยทั้งสองอีกแล้ว มันอ้าปากเตรียมจะกลืนกินทั้งสองเข้าไปพร้อมกับรถทันที
“ไม่!!!” มาเซออสตระโกนออกมาสุดเสียง
หยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋า และขว้างไปขวางระหว่างหมาป่าทมิฬและพวกเขา มันขยายใหญ่ออกมาเป็นโล่โลหะขนาดใหญ่ ป้องกันทั้งคนและรถไว้ด้านหลัง
มาเซออสรีบถ่ายพลังงานเข้าไปอย่างรวดเร็ว
จากนั้น มาเซออสก็หยิบม้วนคัมภีร์สีเงินออกมาก แล้วเริ่มร่ายคาถาทันที ดอนไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่ดูท่าจะทำให้หมาป่าทมิฬดูลังเลเล็กน้อย
มันตบไปที่โล่อย่างแรงจนโล่กระเด็นลอยไปฝังข้างในกำแพงหน้าผา ไม่สามารถต้านได้แม้แต่การโจมตีเดียว
มาเซออสอาศัยเวลานี้ร่ายคาถาจนเสร็จ หอกแสงสีเขียวราวกับต้นไม้ยักษ์ยิงออกมาจากม้วนคำภีร์ พร้อมกับที่มาเซออสกระอักเลือดกองใหญ่ออกมา
ทันทีที่หอกพุ่งออกไปหมาป่าทมิฬก็หายตัวไปทันที หอกโจมตีโดนแค่เงาหมอกจาง ๆ ที่คล่อย ๆ หายไปมันไม่ได้โง่ ที่จะรับตรง ๆ ถึงแม้มันจะรับได้ก็ตาม เพราะมันสามารถหลับได้อย่างง่ายด่าย
“อึก...บ้าเอ้ย!!! มันเร็วเกินไป” มาเซออสบ่นพร้อมกับกลืนเลือดที่ไหลออกมาจากปาก
“ไปเร็ว!!!”ดอนตะโกนออกมาเพื่อเตือนมาเซออสที่บ่นอยู่ รถยังคงวิ่งตรงไปที่หน้าผา
หมาป่าภายในดวงตาของหมาป่าทมิฬมีวงจรอาคมหมุนวนอย่างต่อเนื่อง มันจ้องมาที่มาเซออส ร่างของมาเซออสสั่นทันที มีเส้นใยเงาสีเทารัดตัวมาเซออสไว้ เขาเริ่มที่จะกะเกิดอาการชักทันที
ดอนเห็นแบบนั้นก็รีบเอนตัวเข้าไปจับพวกมาลัยรถ แต่ก็ไม่ทันรถเริ่มเสียหลังสายไปมา
หมาป่าทมิฬกระโดดแค่ทีเดียวก็มาโพล่ที่ท้ายรถเขาได้อย่างง่ายดาย มันใช้กรงเล็บตบลงไปที่รถอย่างแรง
ดอนรู้สึกราวกับโดนชนด้วยรถสิบล้อ แรงปะทะส่งทั้งเขาทั้งมาเซออสที่เลือดท่วมตัวจากเส้นไยที่รัดแน่นจนบาดเนื้อหนัง และรถกระเด็นคว่ำหงายท้องอยู่ตรงขอบผา ผลึกพลังงานของมาเซออสที่ไม่ยอมเก็บไป ที่อยู่หลังรถกระเด็นเกลือนไปทั่วบริเวนรถ ทั้งดอนและมาเซออสนอนกระอักเลือดกันอีกรอบทันที
“ไอ้ หมาป่าเวร ถ้าร่างนี้ข้าเป็นอะไรเจ้าตายแน่” มาเซออสด่า
ดอนมองดูหมาป่าที่กำลังเดินมาอย่างช้า ๆ ด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย แต่อยู่ ๆ มันก็หยุดลง และเงยขึ้นไปที่ท้องฟ้า หมาป่าสีเท่าตัวอื่น ๆ ก็ทำเช่นเดี่ยวกัน
ทันใดนั้น หมาป่าทมิฬก็ถูกเหยียบด้วยกรงเล็บขนาดใหญ่ติดพื้นทันที มันพยายามจะดินเต็มที่แต่ก็ถูกจิกด้วยจงอยปากขนาดใหญ่ขาดครึ่งตายทันที
ดอนมองเห็นแต่กรงเล็บและจงอยปากมันคลายกับอินทรี ตัวกรงเล็บไม่ใหญ่มากนักมันพอดีแค่คีบตัวหมาป่าได้ แต่แค่นั้นก็เกินพอ หมาป่าทมิฬไม่สามารถสู้กลับไปได้เลย
หมาป่าที่เหลือก็ถูกกินลงไปทั้งตัวโดยที่มันไม่สามารถตอบโต้ได้เลย
หลังจากกินเสร็จนกนั้นก็มองมาที่ซากรถ ทั้งดอนและมาเซออส ถึงกลับกลั้นหายใจทันที
แต่อยู่ ๆ มันก็หยุดนิ่งไป เลือดไหลตามขามันลงมา แต่กลับไม่ใช้เลือดของหมาป่าพวกนั้นแต่เป็นเลือดของมันเองดูท่ามันจะบาดเจ็บ มันรีบใช้ปากดูดกลืนผลึกที่กระจายอยู่บนพื้นไปจนหมดจากนั้นก็ทะยานขึ้นฟ้าไปอย่างรีบร้อน
“ฟู่ ๆๆๆ” ทั้งดอนและมาเซฟอนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ดอนไม่ได้เห็นตัวมันชัดเจนมากนักนอกจากกรงเล็บและจงอยปากสีแดงโลหิต
“มันคือ นกเพลิงเซนเลฟอน อสูรระดับ 3 ข้านึกว่ามันถูกฆ่าไปหมดจากวงแหวนที่ 4 แล้ว” มาเซฟอนพูด
ตาเฒ่ามาเซออสดูเหมือนจะร่างกายฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว เขาเดินไปที่ หยดเลือดของนกเพลิงเซนเลฟอน จากนั้นก็หยิบขวดออกมาใส่เลือด เลือดที่อยู่บนพื้นค่อย ๆ ลอยลงไปในขวด
ดอนมองดูอย่างสนใจ
“เอานี่ให้เจ้า” ตาเฒ่ามาเซออสโยนขวดเลือดมาให้ดอนอย่างไม่ใส่ใจ
“ท่านไม่ต้องการหรือ”
“ไม่ละ ก็แค่เลือดนกธรรมดา ไม่มีประโยชน์กับข้า” ตาเฒ่ามาเซออสกล่าวพร้อมกับเดินไปเก็บซากรถเหล็กโยนลงไปในเหวด้านล่าง
ดอนมองไปที่ขวดที่อยู่ในมือ “เลือดที่มาจากอสูรระดับ 3 มันน่าจะมีราคาที่แพงมาก แต่ดูตาเฒ่ามาเซออสจะไม่สนใจหรือมันจะไม่มีค่าจริง ๆ”
ทั้งสองคนพักอยู่สักพัก ก็รีบออกจากบริเวณนี้ทันทีเพราะกลิ่นของเลือดจะล่อสัตว์ตัวอื่น ๆ มาอีก
ดอนถูกลากมาโดยมาเซออส เขาต้องขอบคุณตาแก่มาเซออสจริง ๆ เพราะถึงขนาดนี้ก็ยังไม่ยอมทิ้งเขา
หลังจากออกห่างมาได้ระยะที่ปลอดภัยแล้ว ทั้งสองคนก็พักและหลับเป็นตายกันทันที
-------------------------------------------------------------
หลังจากที่ทั้งสองคนออกไปได้ราว ๆ ครึ่งวัน
ก็มีรถมาขนาดใหญ่ที่ถูกลากโดยม้าเหงื่อโลหิต 5 ตัว วิ่งนำขบวนมา ตามหลังด้วยรถม้าขนาดกลางอีก 10 กว่าคัน
ส่วนใหญ่จะบรรทุกเนื้อสัตว์ป่า สัตว์ร้ายบางชนิดเช่น หมีโพลงกับหนูยักษ์ที่เป็นสัตว์ป่าธรรมดา และที่มีค่าก็คงเป็นกวางเขาหยกสัตว์ร้ายระดับ 2 ที่อยู่กันเป็นฝูง ถูกใส่ไว้เกือบ 20 ตัว เป็นพวกพืชสมุนไพรที่ทีค่าต่าง ๆ กับเสบียงอาหารหยุดลงห่างออกไปทางเนินเขา
“นายน้อยเรามาถึงที่ ๆ บอกแล้วขอรับ” อัศวิน ขั้น 1 ที่ใส่ชุดเกาะเต็มยศเดินออกไปรายงานกับรถม้าคันหน้าสุดทันที
“อืม ส่งคนลงไปตรวจสอบดู” ชายหนุ่มที่นั้งอยู่ในรถม้าสั่งออกมาทันที
“ขอรับ” หัวหน้าอัศวินคนนั้น สั่งให้ลูกน้องที่เป็นนักรบสองคนลงไปดูทันที
“บัลเลเซ่ เจ้าว่าจะเจออะไรไหม มูยูของเรทิก้าได้กลิ่นเลือดมาจากทางนี้” นาเฟย์ หญิงสาวอายุราว 18 ปี ผมสีดำ ตาสีฟ้า นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบัลเลเซ่ถามขึ้น
“น่าจะเจอ เพราะกลิ่นเลือดแรงมาก บางทีอาจจะได้ของครบตามภารกิจ เราจะได้กลับกันเร็ว ๆ” บัลเลเซ่พูด
“มูยูของข้า ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอนไม่งั้นเราจะได้กวางเขาหยกมามากขนาดนี้หรือ ตามที่ตกลงกวางเป็นของข้าครึ่งหนึ่ง” เรทิก้าแสยะยิ้มมุมปาก
บัลเลเซ่ขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้พูดอะไร แต่นาเฟย์ดูจะไม่พอใจจึงพูดออกมา
“เจ้าก็แค่ช่วยค้นหากวางไม่ได้ทำอะไรอีกเลยนอกจากนั่งอยู่แต่ในนี้ จะเอาถึงครึ้งได้อย่างไรแล้ว คนอื่น ๆ ละ” นาเฟย์มองไปที่เพื่อนในทีมอีก 3 คน “เจ้าว่าไงฟรีต้า และชาเซอิลละ ถ้าให้เรทิก้าไปครึ่งนึ่งพวกเราจะได้แค่ คนละ 2 ตัวเองนะทั้งที่เราก็ช่วยกันล่า รีเดียเห็นด้วยกลับข้าใช่ไหมที่จะให้แบ่งเท่า ๆ กัน”
“ข้าเห็นด้วยกับนาเฟย์ เราควรตกลงแบ่งของกันใหม่ ” รีเดียพูดขึ้นมา
“ข้าก็ด้วย ขอเพิ่มอีก” ชาเซอิลพูดออกมาพร้อมกับไขมันที่กระเพื่อมไปมาตามแก้มที่กำลังเคี่ยวขาหนูย่างอย่างมูมมาม
“ข้ายังไงก็ได้แล้วแต่บัลเลเซ่”ฟรีต้ามองไปที่บัลเซ่ด้วยสายตายั่วยวน
“พวกเจ้า !!!” เรทิก้าตระโกนออกมา
“พอแล้ว เอาเป็นว่าตามเสียงข้างมากก็แล้วกัน เจ้าเอาไปแค่ 4 ตัวพอ ที่เหลือก็ให้แบ่งกัน” บัลเลเซพูดออกมาพร้อมกับมองไปที่รีเดียด้วยรอยยิ้ม
ทุกคนยิ้มออกมาทันทีที่ได้ส่วนแบ่งเพิ่ม
เรทิก้าได้แต่กำมือแน่น เธอมีระดับแค่ ผู้ใช้พลัง และมีพรสวรรค์แค่ระดับ 3 เท่านั้น แต่เธอมีความสามารถในการใช้สัตว์แกะลอยที่ดี
ตอนรับภารกิจมาเธอไม่คิดว่าเพื่อนร่วมทีมที่ชวนเธอมาร่วมภารกิจจะเอาเปรียบเธอแบบนี้ ‘ข้าไร้เดียงสาเกินไป’ เพราะว่าเธอไม่ได้มาจากตระกูลจอมอาคม แต่มาจากตระกูลคนธรรมดาเท่านั้น แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้เพราะทุกคนที่นี่มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาและมาสถานะที่เหนือกว่าเธอทั้งนั้น
เรทิก้ากำลังจะพูดท้วงแต่ก็มีเสียงของอัศวินเข้ามารายงาน
“นายท่าน เราเจอผู้ใช้พลังสองของขอติดรถม้าไปด้วยขอรับ”
-------------------------------------------------------------------
จากผู้เขียน : อ่านจบแล้วอย่าลืมคอมเม้นติชมกันนะครับ ขอบคุณสำหรับทุก ๆ วิวที่เข้ามาอ่านนะครับ