ตอนที่แล้วตอนที่ 13 โชคชะตานำพา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 15 เส้นทางที่ยากลำบาก

ตอนที่ 14 โลกภายนอก


ตอนที่ 14 โลกภายนอก

ดอนมองไปรอบ ๆ ตอนนี้เขานอนอยู่บนพาหนะที่เหมือนกับ รถจิ๊บขนาดกลาง ด้านหน้าเป็นเบาะนั่งสองเบาะ ข้างหลังเป็นกระบะขนาดเล็ก ดูเหมือนจะใส่หินอะไรสักอย่างไว้ มีผ้าปูทับอยู่

เขานั่งอยู่ด้านบนมองไปที่มาเซออส ด้วยความสับสน เขาจำได้แค่ว่างตนนอนอยู่บนต้นไม้ที่ลอยตามน้ำไปตอนนั้นเขารู้สึกหนาวสั่นเพราะพิษไข้แล้วก็หลับไป

“ข้ามาอยู่นี่ได้ไง” ดอนจ้องไปที่ดวงตามาเซออส

“ข้าเก็บเจ้าได้ตามทางระหว่างขับรถผ่าน” มาเซออสตอบพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งค้นหาของในกระเป๋าข้างเบาะคนขับ “เอานี่ กินอะไรก่อนอย่างน้อยก็จะได้มีแรง”

เขากำลังจะถามกลับไปว่า ทำไมถึงช่วยแต่ดอนก็ไม่ได้พูดออกไป ช่วยก็คือช่วยไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เขาก็เป็นหนี้มาเซออสแล้วที่ค่ายครั้งหนึ่งจะเพิ่มอีกสักครั้งจะเป็นอะไรไป “ข้าเป็นหนี้ท่าน 2 ครั้ง”

ตามเฒ่ามาเซออสไม่ได้ตอบอะไรกลับมา

ดอนก็นั่งกินอาหารที่มาเซออสส่งมาให้ ตอนแรกเขาคิดว่ามันคงจะเป็นเนื้อแห้ง แต่กลับผิดมันเป็นมันเผา เนื้อที่สีเหลืองทองข้างในต่างจากผิวด้านนอกที่ไหมจนเกรียม ช่างชวนน้ำลายไหล

เขารีบกัดไปคำใหญ่หนึ่งคำมันอร่อยมาก ถึงแม้ว่าจะเย็นชืดแล้วก็ตาม

“แคก ๆ” ดอนไอหน้าเขียวเพราะมันที่กัดคำใหญ่ไปจนติดคอ

“น้ำอยู่ข้างหลัง” มาเซออสบอก

ดอนรีบหันไปเอาขวดน้ำขนาดประมาน 5 ลิตรยกขึ้นมากินอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันจะได้หายใจทันเขาก็ถามมาเซออส

“มันเกิดอะไรขึ้น? ใครกันที่ต่อสู้บนท้องฟ้าเหนือเหมือง? แล้วเจ้าตัวใหญ่ยักษ์นั้นมันตัวอะไร? แล้ว...” ดอนยิงขำถามไม่หยุด

“ค่อย ๆ ถาม ข้าตอบไม่ทัน! เหมืองถูกอสูรวาบีโจมตี มันต้องการทำรังที่นั้นเนื่องจากมีผลึกพลังงานที่สำคัญช่วยให้มัน ข้าม่านไปสู้ระดับต่อไปได้ ส่วนคนที่สู้อยู่บนฟ้าเจ้าไม่รู้จะดีกว่า” มาเซออสอธิบาย

“แล้วนักโทษคนอื่น ๆ ละ”

“ส่วนใหญ่ตายหมด รวมทั้งพวกผู้คุม” ตั้งแต่การโจมตีคลื่นน้ำรอบแรกจากอสูรวาบี

ดอนมองไปที่มาเซออสจริงจัง แม้แต่นักรบยังตายแต่มาเซออสรอดออกมาได้ ทั้งยังมีรถเหล็กขับออกมาด้วย

เขาวางขวดน้ำลงที่เดิบแต่เขาก็ต้องหยุดมือ เพราะตรงบริเวณที่เขาเอาขวดน้ำมานั้น มีผลึกพลังงานอยู่ ไม่สิเขานั่งทับมันอยู่กองที่เขาคิดว่าเป็นหินหรือแร่ แต่ที่จริงแล้วมันเป็นกองผลึกพลังงาน

“เจ้า!!! เอามันมาจากไหนกัน? เจ้าเป็นใครกันแน่?” ดอนถามไปทั้งที่ตกจน

“ข้าก็เป็นเหมือนกับเจ้า เอานี่ของเจ้า ข้าขอของบางอย่างไปนะ แต่ไม่เอาเปรียบเจ้าหรอก ข้าให้ผลึกพลังงานกับเจ้าครึ่งหนึ่งก็แล้วกัน” มาเซออสโยนกระเป๋าเวทมาให้ดอน

ดอนรับไปอย่างลืมตัว เขามองไปที่กระเป๋าเวทมันมีคือกระเป๋าของเขาทียึดมาจากเคเซฟอน เขานึกมามันหายไปกลับน้ำแล้วแต่ปรากฏว่ามันอยู่กับมาเซออส

ดอนนึกขึ้นได้ถึงคำพูดที่ว่า มาเซออสเอาของบางอย่างไป เขารีบเปิดกระเป๋าดูสิ่งที่เอาไปนั้นคือของทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือแม้แต่ของที่อยู่ในกล่องที่เคเซฟอนเก็บ มันดูเหมือนว่ามาเซออสจะจงใจทำแบบนั้น

 

แต่เขาก็ไม่ได้โง่ ที่จะถามออกไป ถ้ามาเซออสต้องการที่จะฆ่าเขาแล้วก็เอาของไปก็ได้ แต่กลับไม่ทำแบบนั้นกลับเสนอผลึกพลังงานให้เขา

ไม่สิต้องบอกว่าบังคับให้ยอมรับมากกว่า

ดอนไม่ได้ถามอะไรและดูเหมือนมาเซออสก็จะรู้ว่าเขาไม่ได้โง่  ที่สำคัญคือ เขารับรู้ได้ว่าเคเซฟอนก็เป็นผู้พลังฝึกหัดเช่นเดียวกันแต่ไม่รู้ว่าระดับไหน ดอนรู้แค่ว่าเขาไม่มีทางสู้มาเซออสได้แม้แต่น้อย

เซออสน่าจะมีเบื้องและเหตุผลที่ต้องปลอมตัวเข้ามาในคุกเหมืองนรกที่สันเขาโลหิต และมันอาจจะเกี่ยวข้องกับเคเซฟอน บางทีเขาอาจจะขอคำตอบจากเคนได้ถ้าเขาตื่นขึ้นมา

เขาไม่รอช้าเข้ารีบโกยผลึกพลังงานด้านหลังทันทีอย่างน้อยก็ไม่ได้เสียของไปฟรี ๆ แล้วยังรักษาชีวิตไว้ได้ก็คุ้มค่าแล้ว

ได้ผลึกพลังานเกือบ 2,000 ผลึกพวกนี้ก็น่าจะมาจากเหมืองและรถคันนี้ก็น่าจะเหมือนกัน

หลังจาก 2 ชั่วโมง ก็จัดการผลึกพลังงานเสร็จแล้ว ที่เสียเวลาขนาดนี้เป็นเพราว่าดอนมัวแต่นั่งนับไปมาจนเพลิน แต่ใครจะไม่เป็นบ้างละ กับผลึกพลังงาน ถ้าแปลงมาเป็นเหรียญทอง มันจะอยู่ราว ๆ 1 ผลึกพลังงานเท่ากับ 10 เหรียญทองและเท่ากับ 10,000 เหรียญเครดิต ตอนนี้เขากลายเป็นเศรษฐีไปแล้ว

ดอนก็ย้ายมานั่งที่เบาะข้าง ๆ คนขับ เขามองทิวทัศรอบข้างนั้นไม่มีอะไรมานักนอกจากหน้าผาสูงชัน ภูเขาที่อยู่ใกล้ และดินที่แห้งแล้ง แทบไม่มีพืชขึ้นเลย

นอกจากต้นไม้ที่เรียกว่า ‘จาโชว’ (Joshua) รูปร่างแปลกตา ที่พบเห็นได้ตลอดทาง ที่มักจะขึ้นแทรกอยู่ตามร่องหิน ไม่ต่างจากทะเลทรายโมฮาวีในโลกเก่าของเขามานัก

“เรากำลังจะไปที่ไหนกัน?” ดอนหันไปถาม

“เราจะไปที่เมืองไอเรลัวอา” มาเซออสส่งแผนที่ให้ดอนราวกับรู้ว่าดอนต้องการ

เมืองระดับ 4 ไอเรลัวอา หนึ่งในเมืองใหม่ ที่เป็นหน้าด่านสำรวจแดนร้าง ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อไม่กี่ปีนี้ ห่างจากเทือกเขาไปประมาน 4,026 กิโลเมตรจากเทือกเขาโลหิต เป็นที่ ๆ อันตรายพอสมควรเนื่องจากมันเป็นแนวหน้ารับมือกับสัตว์ร้ายแลสัตว์อสูร แต่มันก็เป็นโอกาศเช่นเดียวกันเพราะมันมีทรัพยากรมากมายที่ยังไม่มีใครหรือองค์กรใดครอบครองอยู่เต็มไปหมด

“ตอนนี้เราเป็นนักโทษหลบหนี จะไปที่เมืองชาลันก็ไม่ได้ โอกาศที่จะโดนจับได้มีสูงมากเกินไป ข้าจะไปที่เมืองไอเรลัวอา เพื่อขั้นเรือเหาะขนส่งไปที่เมืองอื่นต่อไป แล้วเจ้าละ?”

“ข้าจะไปลงที่เมืองไอเรลัวอาด้วย จากนั้นเราก็แยกกัน” ดอนไม่ได้ตอบ อันที่จริงเขายังไม่มีแผนต่อไป นอกจากการหาซื้อเทคนิคการฝึกฝนพลังจิตสักอัน

แต่มีอีกเหตุผลเขาไม่ไว้ใจมาเซออสมากนัก และที่สำคัญเขาไม่ต้องการให้มาเซออสรู้เกี่ยวกับตัวเขามากกว่านี้ เพราะอาจจะสืบสาวราวเรื่องไปจนถึงเรื่องที่เขาฟื้นขึ้นมาจากความตาย

ทั้งสองนั่งรถไปด้วยกันอย่างเงียบ ๆ หลังจากที่แสงของดวงอาทิตย์เริ่มหมดลง ทั่งสองก็หาที่พัก เพราะกานเดินทางตอนกลางคืนมีแต่จะไปเป็นเป้าสังหารของสัตว์ร้ายที่หากินในกลางคืนเท่านั้น

มาเซออสลงไปก่อไฟไว้ข้างตัวรถ จากนั้นก็ไปเติมพลังงานรถเพื่อให้พร้อมสำหรับเหตุการฉุเฉิน ดอนมองดูอย่างสนใจเขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ารถนี้มันทำงานอย่างไร

มาเซออสเปิดฟากระโปงรถด้านหน้าออก เผยให้เห็นแกนกลางพลังงานมันมีแค่แกนกลางพลังงานและช่องใส่ผลึก 8 ช่องด้านข้าง ดอนไม่เห็นเครื่องยนต์ ลูกซูบหรือมอเตอร์เลยสักตัว

มาเซออสหยิบพลึกพลังงานด้านหลังรถแล้วไปเปลี่ยนผลึกพลังงานที่หมดแล้วออก ตัวแกนพลังงานก็กลับมาหมุนด้วยความเร็วคงที่อยู่สักพักก่อนที่จะดับลงราวกับว่ามันทดสอบว่าใช้งานได้ปกติ

“มันทำงานอย่างไร?” ดอนสงสัย พร้อมกับชโงกหัวไปดู

“โอ้! เจ้าสนใจงั้นเหรอ มันก็ทำงานคลาย ๆ กับเมล็ดพันธุ์ชีวิตนั้นและ เพียงแต่ใช้กับเครื่องจักรเท่านั้น แกนพลังงานจะเก็บพลังงานในผลึกแล้วแปลงมันเป็นพลังกลในการขับเคลื่อนล้อทั้ง 4 ข้างพร้อม มันทำความเร็วได้ 600 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยที่เดียว เท่าที่ข้ารู้ละนะ ถ้าเจ้าสนใจจริงคงต้องไปศึกษาในเรื่องกลไกลอาคมดู” มาเซออสเล่าด้วยรอยยิ้ม

“กลไกอาคม” ดอนรีบจำมันไว้ในหัวอย่างรวดเร็ว เพราะสิ่งที่สร้างรถคันนี้ก็ไม่ได้ต่างจากหลักการของโลกเก่าเขานัก

มันเพียงแต่แค่เปลี่ยนจากพลังงานน้ำมัน ไฟฟ้า เป็นพลังงานธรรมชาติที่อยู่ในผลึก บางที่มันอาจจะเป็นเบาะแสที่ทำให้รู้ว่าโลกนี้มีความเกี่ยวข้องยังไงกลับโลกเก่าของเขาแล้ว แล้วเขาเป็นใครกันแน่ ทำไม่ถึงมาอยู่ที่โลกใบนี้

ดอนเอนเบาะลงนอน ไม่สนใจมาเซออสอีกต่อไป และหลับตาเข้าไปในอาณาเขตวิญญาณ ที่ข้างในยังเหมือนเดิม ดอนมองไปที่ลูกบาศก์วิญญาณที่ตอนนี้ลอยอย่างสงบนิ่ง ต้นอ่อนเมเปิ้ลตอนนี้โตขึ้นมาประมาน 2 เมตรแล้ว

อันที่จริงตั้งแต่ที่เคนบอกว่ามันเกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูวิญญาณที่เสียหายของเขา ดอนก็ได้ให้พลังงานทั้งหมดในการล่อเลี้ยงมันอย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้พลังงานไกล้จะหมดลงแล้วดอนจึงได้แต่ลดการให้พลังงงานพอแค่มันจะไม่สลายตายไปเท่านั้น

ดอนอยากจะเติมพลังงานแต่เขายังไม่มีโอกาศดอนจะไม่ให้ใครเห็นลูกบาศก์วิญญาณเป็นอันขาด มันคือไพ่ตายของเขา ถ้ามีใครเห็นมันแล้วอาจจะคิดวิธีรับมือกับมันได้ก็ได้ ดอนเชื่อว่าโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่ไร้ซึ่งจุดอ่อน

เขากลับออกมาและพักผ่อนทันทีเนื่องจากเขายังไม่หายจากการเป็นไข้

วันต่อมาการเดินทางเริ่มขึ้นตั้งแต่เช้า

หลังจากที่มาเซออสบังคับกรอกยาแก้ไข้เขาไปเกือบกำมือ ทั้งวันดอนได้แต่เพ้อจากยาที่กินไปจำนวนมาก ทำให้เขาเอาแต่นอน แต่มันกลับเป็นช่วงที่เขาได้เปิดหูเปิดตามาก เพราะเขาออกจากเทือกเขาโลหิตและเข้าสู่วงแหวนที่ 4 แดนร้างอย่างแท้จริง

ตามทางดอนเห็นนกที่รู้ร่างแปลกตามากมาย พวกมันมี 4 ปีก 6 ปีก บางตัวเคลื่อนที่ได้เร็วราวกลับสายฟ้าก็มี และพวกสัตว์ร้ายที่ล่ากันเป็นฝูกทำให้เราต้องอ้อมออกจากเส้นทาง ไปเล็กน้อยมาทางหุบเขาดาวตก เย็นวันที่สองกับการเดินทางด้วยรถเหล็กกับมาเซออสก็หมดลง

ดวงอาทิตย์ที่เริ่มตกลง

มาเซออสก็ก่อไฟทำอาหารแต่มื้อนี้พิเศษกว่าปกติ เพราะระหว่างทางอยู่มาเซออสก็ร่ายคาถาระดับพื้นฐาน ศรหนาม ที่มีพลังทำลาย 20 หน่วยยิงนกหน้าตาประหลาดตายลงอย่างง่ายดาย

นกมีรูปร่างคลายกับแร้งแต่มันคอยาวเป็นอย่างมาราวกับงูขนสีฟ้าขาว ทำให้มันกลมกลืนไปกลับท้องฟ้าได้อย่างง่ายได้ มันคือสัตว์ร้าย ที่มีพลังเท่ากับ ผู้ใช้พลังฝึกหัดระดับผู้ใช้หรือเท่ากับอัศวินกันเลยทีเดียว แต่มันกลับตายอย่างง่ายดายโดย คาถาเดียวของมาเซออส

“มันมีชื่อไหม?” ดอนมองไปที่นกขนาดเท่าลูกวัว ที่ถูกย่างอยู่

“มันคือนกเคลบีฟี แร้งคอยาว”

เคลบีฟี ถูกย่างทั้งขน พอจนสุกมาเซออสก็ลอกหนังมันออกเผยให้เห็นเนื้อสีชมพูชุ่มฉ่ำ ส่งกลิ่นหอมพร้อมที่เกิดจากการย่างด้วยไม้ฟืนออกมา

ดอนและมาเซออสไม่รอช้ารีบเข้าไปฉีกมากันคนละน่อง ถึงแม่ดอนจะเดินไม่ได้แต่เขาก็ฉีกเนื้อออกมาไม่ได้ช้ากว่ามาเซออสเลยแม้แต่น้อย

คำแรกที่เขากัดลงไปมันเป็นความรู้สึกนุ่มมาก นุ่มจนละลายในปากได้เลย

“ไม่น่าเชื่อมันไม่ได้ปรุงอะไรเลย แต่กลับอร่อยได้ขนาดนี้” ดอนกินไปพูดไปอย่างมูมมาม แต่พอหันมาเขาเห็นมาเซออสกำลังไปจัดการกับเนื้ออีกชิ้นแล้ว

เนื้อที่กินลงไปนั้นเพิ่มพลังงานให้ดอนเป็นอย่างมาก ตอนนี้เขาน่าจะมีพลังงานที่ย่อยจากเนื้อประมาน 3 จุด กว่าๆ เลยที่เดียว

หลังจากแย่งเนื้อกับมาเซออสเอาเป็นเอาตายไปข้างหนึ่ง เมื้อเย็นก็จบลง

ดอนนอนก่อนและให้มาเซออสเฝ้ายามผัดแรกในคืนนี้ แต่พอสักเทียงคืนเขากลับถูกปลุก

มาเซออสยกมือขึ้นมาส่งสัญญาณให้เงียบ ๆ ไว้ พร้อมกับชี้ไปที่เนินเขาห่างออกไป 3 กิโลเมตร

“โบร๋วๆ!!!”

“โบร๋วๆ!!!”

ทันที่ทีมีเสียงหอนแรกออกมาก็มีอีกหลายเสียงหอนดังออกมารับส่งต่อ ๆ กันไปเรื่อย ๆ 

“เราถูกมันล้อมไว้แล้ว...เตรียมตัวให้ดีเราต้องฝ่าออกไป” มาเซออสกระซอบบอกดอนด้วยสีหน้ากังวล

ดอนเริ่มเครียดขึ้นมา สัตว์ร้ายที่ทำให้มาเซออสกังวลได้นั้นต้องมีพลังที่น่ากลัวอย่างแน่นอน

ทันทีที่เสียงหอนหยุดลง รอบข้างก็เงียบสงบมากจนน่ากลัว แสงจากกองไฟ ทำให้เห็นเงาที่วิ่งอยู่รอบข้างราวกับภูตผี

“กรรช์ ๆๆๆ” หมาป่าสีเท่าตัวใหญ่เท่าวัว เดินออกมาจากความมืดมันขู่มาที่ดอนและมาเซออสราวกับจะบอกว่าให้ยอมจำนนและตายแต่โดยดี

“ไป” มาเซออสรอจังหวะอยู่ก็เปิดไฟรถ และขับพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วไม่สนใจหมาป่าสีเท่าข้างหน้าแม้แต่น้อย

-------------------------------------------------------------------

จากผู้เขียน : อ่านจบแล้วอย่าลืมคอมเม้นติชมกันนะครับ ขอบคุณสำหรับทุก ๆ วิวที่เข้ามาอ่านนะครับ

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด