ตอนที่ 12 ยาตื่นรู้
ตอนที่ 12 ยาตื่นรู้
เคนลอยมาหยุดอยู่ที่หน้าของดอน พร้อมกับลูกบาศก์วิญญาณที่ดูใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อย
“ข้ากลับมาแล้วขอรับนายท่าน” เคนคุกเขาลงทำความเคารพแบบอัศวิน
“อืม! เอาลูกบาศก์วิญญาณมาให้ข้าดู”
ดอนแบมือลูกบาศก์วิญญาณก็ลอยมาหาเขา ความรู้สึกที่สัมผัสได้จากลูกบาศก์ มันดูเหมือนว่าจะมีชีวิตชีวามากกว่าที่ผ่าน ๆ ราวกับผืนดินที่ได้รับสายฝนมาใหม่ ๆ ลูกบาศก์ใหญ่ขึ้นมาเกือบเท่ากำปั้นของดอน
แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจ สิ่งที่เขาสนใจจริง ๆ กลับเป็นเกาะ ไม่สิพื้นดินที่ลอยอยู่ตรงใจกลางของลูกบาศก์ กินเนื้อที่ประมาน 1 ใน 10 ของลูกบาศก์มันมีประมาน 100 ตารางเมตร พื้นดินเป็นสีน้ำตาลแดง มีรอยแตกเล็กน้อย
มีต้นกล้าเมเปิล 1 ต้นงอกอยู่อย่างเดียวดาย ราวกับมันกำลังยืนต่อสู้กลับผืนดินที่แห้งแล้ง ด้านข้างมีบ่อน้ำขนาดเล็ก ภายในมีน้ำสีใสบบริสุทธิ์ แต่เมื่อสังเกตุดีจะพบว่ามันไม่ใช่น้ำ
“นี่คืออะไร?” ดอนสงสัย
“พลังงานที่ถูกเก็บไว้ในลูกบาศก์ที่ได้จากการย่อยสลาย” เคนตอบด้วยท่าทีเหนื่อยล้าเล็กน้อย
ดอนเห็นวิญญาณของเคนดูไม่คอยจะเสถียรสักเท่าไหร ดูเหมือนการสร้างสิ่งเหล่านี้ จะสร้างไม่ง่ายอย่างที่คิด ดอนดูในลูกบาศก์ต่อแต่ก็ไม่พบอะไรอีก
“เจ้าเข้าไปพักก่อน แล้วค่อยมาพบข้าตอนเย็น”
เขามองดู เคนลอยหายเข้าไปในลูกบาศก์วิญญาณ และดอนก็เก็บลูกบาศก์กลับไป
หลังจากหาอะไรกินในตอนแบบง่าย ๆ ดอนก็หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ตอนนี้เขาอ่านถึงเรื่องของการทำพิธีตื่นรู้แล้ว
การทำพิธีนั้นง่ายมากมันก็แค่เป็นการกระตุ้นพลังจิตและอาณาเขตวิญญาณปรากฏออกมา จากนั้นก็ให้คงสภาพไว้ ในนั้นไม่ได้มีคำอธิบายมากนัก ส่วนในเรื่องของวัตถุดิบนั้นใช้ของอยู่สามอย่างคือน้ำตากิ่งก่า ดอกของต้นหินป่า ดอนไม่เคยได้ยินชื่อของน้ำตากิ่งก่า แต่ต้นหินป่าเขาเคยได้ยินแค่ว่ามันมีอยู่ในตำนานเท่านั้น มันเป็นต้นไม้ที่ว่าสามารถรักษาคนป่วยที่ไกล้ตายให้หายขาดได้และทั้งอายุไขของเขาจะไม่เจ็บป่วยอีกเรื่องนี้
มันเป็นเรื่องเล่าที่เล่าต่อ ๆ กันมาในเมือง และอย่างที่สามนั้นไม่ได้ระบุไว้แค่บอกว่ามันขึ้นอยู่กลับตัวของผู้ที่จะเข้าร่วมพิธีว่าต้องใช้อะไรตามธาตุพื้นฐาน
แสงที่สองลงมาจากกำแพงด้านบนเริ่มที่มืดลงเรื่อย ๆ มันเป็นเวลาเย็น ดอนนั่งอยู่กับพื้นพร้อมกับอ่าน เนื้อหาสุดท้ายของหนังสือพื้นฐานการเป็นผู้ใช้พลังฝึกหัด และเรียกลูกบาศก์ออกมา รอเคนอย่างใจเย็น
“ขออภัยน่ายท่าน ที่ทำให้รอนาน” เคนปรากฏออกมาตรงหน้าดอน
“เริ่มกันเถอะ” ดอนตอบอย่างใจเย็นผิดกับเสียงหัวใจที่เต้นแรงของเขา ตอนนี้เขารู้สึกตื่นเต้นมาพลังที่เขาเฝ้าหามานานมันกำลังจะมาอยู่ในมือของเขาแล้วถึงจะเป็นแค่การเดินก้าวแรกในเส้นทางของจอมอาคมก็ตาม
“รบกวนนายท่านเอาคัมภีร์พลังงานเพื่อทดสอบค่าสถานะของท่านก่อน” เคนชี้ไปที่ม้วนคัมภีร์
“ข้าจะใช้มันได้ยังไงในเมื่อข้าไม่ได้เป็นจอมอาคม?” ดอนหยิบม้วนคัมภีร์ขึ้นมาพร้อบกับถาม
“ข้าสามารถทำได้ ท่านแค่วางผลึกพลังงาน 2 ก้อนลงไปและท่านทำตามที่ข้าน้อยบอกก็พอ”เคนอธิบาย
ดอนวางม้วนคัมภีร์ลงบนพื้น มันเป็นผ้าสี่เหลี่ยมจตุหัส มีขนาดประมาน 1 เมตร ด้านในมีเส้นที่ทำจากทองคำถักติดกับผืนผ้า เป็นวงจรอาคมพื้นฐานสุด ๆ เท่านั้น ดอนวางผลึกพลังงานลงไปด้วยความระมัดระวัง เคนเตือนว่าถ้าคนธรรมดาเตะโดนวงจรอาคมมันจะดูดกลืนพลังงานจิตของไปจนหมด และสิ่งที่รออยู่มีแต่เพียงความตายเท่านั้น
พลังงานจิต คือความคิด การกระทำและจิตใจของแต่สิ่งมีชีวิตทุกสิ่งมีชีวิตมีมันอยู่เพียงแค่มันไม่เป็นรูปธรรมเท่านั้น ถ้าพลังจิตหมดลงสำหรับจอมอาคมแล้วมันก็แค่ทำให้ไม่มีแรง หรือแอ่ลงแค่รอฟืนคืนพลังจิตก็สามารถกลับมาเป็นปกติได้แล้ว แต่คนธรรมดาไม่สามารถฟื้นคืนได้ หลังจากวางผลึกลงไป เคนก็ลอยไปที่วงจรอาคม
ดอนเป็นพลังงานที่ไหลออกมาจากตัวของเคนอย่างช้า
“มันคือพลังจิต ถึงข้าไม่มีกายเนื้อในโลกใบนี้ แต่ข้าก็พอมีพลังจิต และ กายวิญญาณ เช่นเดี่ยวกับวิญญาณอาฆาต ถึงจะเป็นแค่ระดับต่ำสุดแต่ก็น่าจะพอให้ม้วนคัมภีร์ทำงาน” เคนอธิบายด้วยความเจ็บปวด
วงจรอาคมเริ่มเคลื่อนไหว มันค่อย ๆ ลอยออกมาจากคัมภีร์ นี่เป็นครั้งแรกที่เข้าเป็นสิ่งนี้
“มันน่าทึ่งมาก” ดอนมองอย่างหลงใหล
ทันใดนั้นวงจรที่ลอยอยู่ก็ลอยเข้ามาวนรอบตัวเขาอยู่สามรอบดอนมองมันอย่างไม่ตกใจมากนักเพราะเคนได้อธิบายขั้นตอนให้เขาฟังแล้ว วงจรวนกลับเข้าไปที่คัมภีร์จากนั้นก็ปรากฏข้อความลอยขึ้นมา
“เผ่า : มนุษย์”
“อายุ : 19”
“ระดับ : มนุษย์ธรรมดา”
“พลังจิต : 1 จุด” (1= คนธรรมดา)
“อาณาเขตวิญญาณ ขั้น 3 : 1 จุด” (ขั้น 3 รองรับอาณาเขตวิญญาณ ได้ 100 จุด)
“พลังกาย : 4(8) จุด”
“ความอึด : 3(7) จุด”
“ความเร็ว : 0.5 เมตร/วินาที”
“พลังงาน : 0 จุด”
“สัมพันธ์ธาตุ : โลหะ
50 % ,ดิน 17 % ”
ดอนอ่านอย่างรวดเร็ว ถ้าเจ้าสิ่งนี้มีอยู่ในโลกก่อนของเขาบางที่มันอาจจะเป็นการพัฒนาทางอารยธรรมของมนุษย์โลกครั้งใหญ่เลยก็ได้
“พลังจิต ข้ามีแค่ 1 เท่ากับคนธรรมดา ส่วนอาณาเขตวิญญาณตามที่เขียนในหนังสือ มันมี ถึงแค่ 7 ขั้น เริ่มจาก 0 ที่เป็นแค่คนธรรมดา ไปจนถึงขั้น 7 ผู้กลืนกิน มันคือศักยภาพในการรองรับพลังงาน ของข้าคืออาณาเขตวิญญาณ ขั้น 3 นั้นหมายความว่าถ้าข้าไม่สามารถพัฒนาอาณาเขตวิญญาณไปขั้นต่อไปได้ข้าก็จะติดอยู่ที่ขั้นนี้ไปจนตาย แต่ถ้าข้าไปถึงขั้นผู้ใช้พลังงานฝึกหัด ก็จะมีอายุขัยถึงสองร้อยปี ข้ายังมีเวลาให้คิดอีกนาน”
ดอนคิดขณะที่เอาหนังสือผู้ใช้พลังฝึกหัดออกมาเทียบดู
“พลังกายของข้ามี 4 จุด และความอึดแค่ 3 จุด ส่วนตัวเลขข้างหลังนั้นหมายถึงในร่างกายที่สมบูรณ์ ถ้าเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรงหรือนักฝึกหัด จะมี ค่าตั้งแต่ 9-15 เลยที่เดียว ร่างกายข้าอ่อนแอ่ราวกับเด็ก 10 ขวบ” ดอนสีหน้าเศร้าเล็กน้อย แต่เขาก็ยิ้มออกมา
“แต่ข้าก็มีเงื่อนไขครบในการเป็นผู้ใช้พลังฝึกหัด เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้เป็นนักรบขั้น 3 ข้าก็ไม่กลัว ฮ่า ๆ ๆ!!” ดอนหัวเราะแบบมีความสุขแต่ดูเหมือนเหมือนเขาจะลืมบางอย่างไป
“นา...ย..นายท่าน...” เสียงเคนที่ดูเหนื่อยล้าและดังขึ้นแบบขาด ๆ หาย ๆ
ดอนหันไปดูก็เห็นเคนที่ตอนนี้ดูเหมือนวิญญาณที่กำลังจะโปร่งแสงลงเรื่อย ๆ
“เจ้าเป็นอะไร?” ดอนถามอย่างกังวลทันที
ถ้าจู่ ๆ เคนมาหายไปเขาก็ขาดทุนแย่เลยนะสิ เพราะต้องเสียวิญญาณไปครึ่งหนึ่งเพื่อสร้างมันขึ้นมา แถมเขายังต้องพึ่งพามันอีกในการฟื้นฟูวิญญาณที่เสียหายไป
“นายท่าน....ดูเหมือนความทรงจำในวิญญาณอาฆาตของเคเซฟอนจะไม่สมบูรณ์...ทำให้ข้าคำนวณผิดในการใช้พลังจิต....ข้าคงต้องหลับไปสักพัก.....รบกวนท่านอย่าลืมเติมพลังงานเข้าไปในลูกบาศก์อย่างต่อเนื่องด้วย เพราต้นเมเปิ้ลเป็นแค่สิ่งที่สร้างขึ้นมันไม่ได้ถือกำเนิดมาเองดังนั้นมันต้องการพลังงานในการหล่อเลี้ยงอย่างต่อเนื่อง มันคือทางออกในการฟื้นฟูวิญญาณของท่านที่เสียหาย”
เคนเริ่มลอยเข้าไปในหน้าของลูกบาศก์วิญญาณของตน
“อีกเรื่องข้าแนะนำให้ท่านรีบหาทางออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุดเพราะข้าไปเจอ............”
ยังไม่ทันทีเคนจะพูดจบเสียงของเขาก็หายไปเคนลอยเข้าไปในหนึ่งในหน้าลูกบาศก์วิญญาณและหลับไหลไปทันที
“เฮ้!!!....เดียวสิเคน! มาอธิบายให้เข้าใจก่อน
ทำไมต้องรีบออกไปจากที่นี่?..........เจ้าได้ยินข้าไหม?” ดอนตะโกนเรียกเคนแต่ก็ไม่มีการตอบกลับมาแต่อย่างไร
“แล้วสภาพแบบนี้ ข้าจะออกไปอย่างไร?” ดอนมองไปที่ขาของตัวเอง
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดมากข้าต้องรีบเป็นผู้ใช้พลังให้เร็วที่สุด”
ดอนค่อย ๆ ใช้มือคานไปที่ เนื้อปลาแห้งและผลไม้ที่เขาใช้ความพยายามอย่างมากเก็บมา หลังจากกินเสร็จแล้วดอนก็หยิบหนังสืออีกเล่ม
มันคือหนังสือวัตถุดิบพื้นฐานรวมธาตุ มันไม่มีชื่อผู้เขียนแต่ดอนเดาว่ามันอาจจะเป็นของเคเซฟอนที่เขียนขึ้นมาแต่ยังไม่จบ
20 หน้าแรกอธิบายแค่ประวัติของเคเซฟอน
แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าจะเขียนมาทำไมเยอะขนาดนี้ ในเมื่อมันไม่ใช่หนังสือชีวประวัติ แต่เมื่ออ่านเขาก็พอจะเข้าใจ ดูเหมือนว่าเคเซฟอนจะเป็นจอมอาคมเขาเป็นคนเร่รอนไม่ด้รับการศึกษา ไม่มีที่อยู่เป็นหลังแหล่ง เริ่มต้นด้วยการเรียนรู้และศึกษาพลังงานและคาถาด้วยตัวเอง จากการเจอหนังสือพื้นฐานผู้ใชพลังฝึกหัดโดยบังเอิญ
แต่ต้องบอกเลยว่าเคเซฟอนถือว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์คนหนึ่งเลยทีเดียวเพราะเขาเริ่มเข้าสู่เส้นทางของจอมอาคมตอนอายุ 45 ปีเลยที่เดียว แต่กลับก้าวขึ้นเป็นจอมอาคมระดับผู้สร้างได้หลังจากผ่านไป 70 ปี และ อีก 100 ปี ต่อมา เขาก็ขึ้นมาเป็นจอมอาคมระดับผู้ทำลายได้ แต่กลับ ติดอยู่ในระดับผู้ทำลายมาตลอดไม่สามารถไปต่อได้
เส้นทางจอมอาคมของเคเซฟอนคือ เส้นทางโลหิต คาถาส่วนใหญ่จึงเป็นคาถาศาสตร์มืดเป็นส่วนใหญ่
หลังจากอ่านไปสักก็เจอสิ่งที่ตามหานั้นก็คือบันทึกของวัตถุพลังงานสูงที่มีตั้งแต่ระดับต่ำไปจนถึงระดับสูง และดอนก็หาเจอ “น้ำตากิ่งก่า และ ดอกต้นหินป่า”
ดอนรีบอ่านรายละเอียดของน้ำตากิ้งก่า และ ดอกต้นหินป่าทันที ดูเหมือนมันจะมีการลงรายละเอียดมากว่าอันอื่น ๆ อาจจะเป็นเพราะว่า มันคือสิ่งที่ช่วยในการตื่นรู้ ทำให้ เคเซฟอนดูจะสนใจมันมากกว่าปกติ
ในหนังสือมีการวาทรูปลงไว้ด้วย มันมีลักษณะเป็นลูกแก้วสีแดงโลหิตขนาดเท่ากำปั้น อั้นที่จริงมันเป็นผลของต้นไม้วิญญาณชื่อ ต้นกิ้งก่าแปลงมังกร มันไม่ถึงกับหายากมากนัก แต่ราคาของมันไม่ใช่เล่น ๆ เลย ส่วนดอกต้นหินป่ามันคือ ดอกไม้ธรรมดาที่ไม่ธรรมดา มันจะกินผลึกพลังงานถึงจะออกดอก 1 ผลึกต่อ 1 ดอกดอกมันเป็นสี ทองมีลายหินสีเทาสลับ มันหายากมากเป็นพิเศษเพราะส่วนใหญ่จะอยู่ตามภูเขาหินที่มีพวกสัตว์ร้ายจนถึงสัตว์อสูรที่ต่อสู้กับจอมอาคมได้เลย
ดอนคนในกระเป๋าก็เจอน้ำตากิ้งก่าและดอกต้นหินป่าและเขายังหาของอีกอย่างมันคือสิ่งสุดท้ายที่เป็นสิ่งที่มีธาตุโลหะหรือธาตุดิน เยอะที่สุดเขาเจออยู่สองอย่าง มีแร่โลหะดำก้อนเท่านิ้วก้อยที่ใช้ในการตีอาวุธอาคม และผลดินดารา มันคือแกนของดินที่ใช้ในการเลี้ยงดูต้นไม้วิญญาณบางชนิด
เขาต้องใช้มันเพราะมันจะช่วยให้เขาทนต่อการตื่นรู้ไปได้ตามความสัมพันธ์สายธาตุของเขา
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้วดอนสังเกตุจากดวงจันทร์ที่ลอยอยู่เหนือช่องแคบด้านบนเพดาน
จากในส่วนท้ายของหนังสือนั้น ในการทำพิธีตื่นรู้ไม่ยาก เมื่อครบเงื่อนไขการเป็นผู้ใช้พลังแล้ว ก็แค่ผสมวัตถุดิบทั้งหมดเข้าด้วยกันเป็นยาตื่นรู้อันที่จริงมันผสมได้ง่ายมากแม้แต่คนธรรมดาก็ทำได้
จากนั้นก็ดื่มและอดทนผ่านไปให้ได้ก็เท่านั้น ตามที่ส่วนท้ายของหนังสือพื้นฐานการเป็นผู้ใช้พลังฝึกหัด
ดอนเริ่มบดดอกต้นไม้หินในถ้วยหินที่ทำขึ้นพอหยาบ ๆ จากนั้นดอนบีบน้ำจากผลน้ำตากิ้งก่าลงไป
แค่มันสัมผัสกันก็ละลายทันที ทั้งดอกต้นไม้หินและน้ำตากิ่งก่าผสมกันจนใสราวกับน้ำเปล่า ถ้าดอนไม่ได้เป็นคนผสมเองเขาก็คงเชื่อว่ามันคือน้ำเปล่า
หลังมองดูสักพัก ก็ถึงขั้นตอนการใส่วัตถุตามธาตุที่สัมพันธ์แต่ในนี้ไม่ได้บอกว่าต้องใส่เท่าไหรเพราะร่างกายของแต่ละคนไม่เท่ากัน
เขาหยิบแร่โลหะดำและผลดินดาราขึ้นมา ใส่ทั้งสองลงไปทันทีที่วัตถุดิบทั้งสองสัมผัสกับน้ำยาตื่นรู้ในถ้วย มันก็เกิดแรงสันทันที การสันที่เกิดจากส่วนผสมในถ้วยทำให้ ถ้วยหินหยาบ ๆ เริ่มทนไม่ไหวและร้าวแตกแยกเรื่อย ๆ
ดอนที่เห็นแบบนั้นก็หน้าเปลี่ยนสีทันที
เขามีวัตถุดิบแค่ชุดเดียวถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมานั้นเท่ากับตัดโอกาศการเป็นผู้ใช้พลังของเขาทันที และการที่จะออกจากที่นี่หรือฟื้นฟูวิญญาณที่เสียหายก็ไม่ต้องไปคิดถึงอีกเลย
เขารีบยกถ้วยหินขึ้นมาแล้วใช้มือสองข้างกดไปตามรอยร้าวเพื่อไม่ให้มันแตกออกจากกัน
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล
ทันใดนั้น น้ำยาตื่นรู้ก็ผสานกันเสร็จเป็นสีเงินใสออกทอง ถ้าคนธรรมดาดื่มมันก็ไม่ต่างจากดื่มยาพิษ
แต่สำหรับคนที่มีศักยภาพในการเป็นผู้ใช้พลังนั้นมันเหมือนกับยาทิพย์ที่เป็นประตูสู่พลัง
ดอนรีบดื่มมันโดยไม่คิดทันที
-------------------------------------------------------------------
จากผู้เขียน : อ่านจบแล้วอย่าลืมคอมเม้นติชมกันนะครับ ขอบคุณสำหรับทุก ๆ วิวที่เข้ามาอ่านนะครับ