ย้อนชีวิตพิชิตเซียน - บทที่ 7 : แผนการ
บทที่ 7 : แผนการ
เหล่าฮั๋วทำสีหน้างุนงง ใบหน้าของเขาบ่งบอกถึงความสงสัย เพราะความจริงที่เขาพบเห็นก็คือบนยอดเขาไม่มีพลังชีวิตเหลืออยู่เลย และเขาก็เห็นซูอานนั่งขัดสมาธิอยู่บนต้นสนเก่าแก่นั่น อีกทั้งก่อนหน้านี้ซูอานยังยอมรับว่าตนเป็นผู้ฝึกบ่มเพาะพลังด้วย แต่เหตุใดเวลานี้จึงบอกว่าตนไม่รู้จักศิลปะการต่อสู้
เหล่าฮั๋วคิดว่าการที่ซูอานปฏิเสธนั้น อาจจะต้องมีเหตุผลจำเป็นบางอย่าง!
เหล่าฮั๋วครุ่นคิดเล็กน้อย แต่ก็พอที่จะคาดเดาถึงความจำเป็นของซูอานได้ เขารู้ว่าเวลานี้ซูอานกำลังหลบหนีภัยอันตรายอยู่ จึงไม่ต้องการที่จะบอกเล่าเรื่องราวของตนเองมากนัก เมื่อคิดได้เช่นนี้เหล่าฮั๋วจึงเลิกเซ้าซี้ซูอานอีก และไม่คิดที่จะถามเรื่องกำลังภายในต่อ ได้แต่ถามออกไปว่า
“พ่อหนุ่ม นี่เธอกินอิ่มหรือยังล่ะ?”
ซูอานพยักหน้าพร้อมกับเอามือตบท้องตัวเองแทนคำตอบ
ในชีวิตก่อนหน้านี้ เขาเป็นถึงจักรพรรดิแห่งเซียน จึงไม่จำเป็นต้องอาศัยเม็ดข้าวเพื่อความอิ่มท้องเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้เขามาเกิดใหม่ในร่างของคนธรรมดา จึงไม่อาจหนีพ้นเรื่องโลกๆดังเช่นมนุษย์ทั่วไปได้พ้น
ก่อนหน้านี้เขาเองก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับความเป็นมนุษย์ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็จำต้องยอมรับ แต่เวลานี้อาหารจีนอันแสนโอชะบนโต๊ะเมื่อครู่ ก็ได้ทำให้เขาหลงรักชีวิตการเป็นมนุษย์ขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
“เอาล่ะถ้าอิ่มแล้วพวกเราก็ออกเดินเล่นยืนเส้นยืดสายกันหน่อยดีกว่า”
เหล่าฮั๋วเดินนำออกไปโดยมีเด็กสาวและซูอานเดินตามออกมาจากภัตตาคาร เหล่าฮั๋วเดินไปกระซิบบอกคนขับรถสองสามคำ จากนั้นคนขับรถก็พยักหน้าแล้วขับรถออกไปทันที
“หลังกินข้าวแล้วก็ควรต้องเดินเล่นให้อาหารย่อยเสียก่อน ฉันสั่งคนขับรถแล้วว่าให้ไปรับพวกเราที่ไหน?”
ซูอานพยักหน้าพร้อมกับเดินตามเหล่าฮั๋วไปตามท้องถนน ตามถนนเวลานี้ค่อนข้างพลุกพล่านวุ่นวาย แต่เหล่าฮั๋วไม่ได้สนใจนักเพราะเขาสนใจแต่กับคนที่กำลังเดินตามมามากกว่า
“เธอเห็นตึกที่สูงที่สุดทางฝั่งโน้นมั๊ย?” เหล่าฮั๋วเป็นฝ่ายถามขึ้น
ซูอานเพียงแค่พยักหน้า เพราะตึกที่สูงที่สุดในบริเวณนี้ ไม่มีใครที่มองไม่เห็นแน่
“นั่นเป็นตึกของฉันเอง ฉันวางแผนก่อสร้างมาตั้งแต่เมื่อสองปีที่แล้ว และตอนนี้ก็เสร็จสิ้นดีแล้ว ตึกนั่นทำเงินให้ฉันปีละหลายร้อยล้านเชียวล่ะ!”
เหล่าฮั๋วแสร้งทำเป็นพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่ออวดฐานะทางการเงินของตนเองให้ซูอานรู้ แต่ซูอานกลับไม่มีท่าทีสนใจเลยแม้แต่น้อย ทำให้เหล่าฮั๋วอดนึกขันในใจไม่ได้
ซูอานไม่สนใจเงินทองหรือสิ่งอื่นใดบนโลกนี้ เขาเพียงแค่ต้องการฝึกบ่มเพาะให้สำเร็จโดยเร็ว เพื่อที่จะได้สามารถกลับไปในเทวโลกที่ตนจากมาได้อีกครั้ง!
เมื่อเห็นสีหน้าที่เรียบเฉยไร้ซึ่งความตื่นเต้นของซูอาน เหล่าฮั๋วถึงกับเก้อเขินไปเล็กน้อย เขาจึงไม่พูดอะไรเกี่ยวกับฐานะของตัวเองอีก
ความจริงแล้วเหล่าฮั๋วอยากจะทดสอบดูว่าซูอานเป็นเด็กหนุ่มเช่นใดกันแน่ และท่าทีที่แสดงออกของซูอานก็ทำให้เขาทั้งประหลาดใจ และพอใจไปพร้อมๆกัน
แต่ในระหว่างที่รถประจำทางจอดที่ป้ายอยู่นั้น ผู้คนในรถก็เร่งเดินลงมา และในระหว่างนั้นก็มีชายหนุ่มสวมเสื้อมีฮู้ดคลุมหัวไว้ เดินถือมีดเข้าไปกระชากกระเป๋าในมือของผู้หญิงคนหนึ่งมา
“อย่าตามมาล่ะ! ไม่งั้นกูแทงมึงมิดด้ามแน่!” โจรผู้นั้นกระซิบบอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงดุดัน แววตาเต็มไปด้วยความเลือดเย็น
หญิงเจ้าของกระเป๋าได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก แต่เมื่อได้สติจึงได้โผเข้ากอดขาพร้อมอ้อนวอนขอร้องโจรว่า
“ได้โปรดเถอะนะคะ! ฉันไหว้ล่ะ อย่าเอากระเป๋าของฉันไปเลย นี่เป็นเงินที่ฉันจะเอาไปช่วยชีวิตของลูกสาว!”
แต่มีหรือที่โจรชั่วจะเห็นใจ มันยกขาขึ้นเตะผู้หญิงคนนั้นอย่างแรง พร้อมกับร้องตะโกนใส่หน้าว่า
“นี่! ถ้ามึงยังปล่อยขา กูจะฆ่ามึงทิ้งซะ!”
“แกปล้นเงินฉันไปแบบนี้ ลูกสาวฉันก็ไม่มีทางรอดอยู่ดี ถ้าอย่างนั้นก็ฆ่าฉันทิ้งซะดีกว่า!”
ผู้หญิงอ่อนแอคนนี้เป็นเพียงแม่คนหนึ่งเท่านั้น!
ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์โดยรอบต่างก็พากันหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่าย แต่ไม่มีใครเข้าไปช่วยเหลือเลยแม้แต่คนเดียว
โจรนั่นมีมีดอยู่ในมือ ใครบ้างที่จะกล้าเข้าไปช่วยเล่า?
เหล่าฮั๋วซึ่งยืนดูอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห “กลางวันแสกๆ แกยังกล้าปล้นคนอีกรึ?”
“ไอ้แก่! หุบปากไปเลย ขืนยังพล่ามไม่หยุด กูจะแทงมึงให้ตายเลย!”
แต่เหล่าฮั๋วกลับไม่มีท่าทีตกใจหรือหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย และตอบกลับโจรชั่วไปว่า “หึ! ดูซิว่าฉันจะกระทืบแก หรือแกจะแทงฉันกันแน่!”
แต่ทันใดนั้น โจรชั่วก็แทงมีดในมือเข้าไปที่ร่างของหญิงสาวซึ่งกำลังกอดขาของตนไว้ ในวินาทีแห่งความเป็นความตายนั้น ซูอานก็เริ่มเคลื่อนไหวทันที เขาคว้าลังเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่วางอยู่ข้างตัวขว้างเข้าใส่ที่ใบหน้าของโจรชั่วอย่างรวดเร็ว
ลังไม้กระแทบเข้ากับแก้มของโจรหนุ่มจนล้มลงไปกองกับพื้นทันที และเวลานี้ใบหน้าของมันก็บวมเปล่ง..
ซูอานที่เวลานี้อยู่ในขั้นปรับพื้นฐานลมปราณ แม้จะยังนับว่าอ่อนแอ แต่ก็สามารถจัดการกับคนธรรมดาทั่วไปได้อย่างสบาย
ความจริงแล้วซูอานไม่อยากทำร้ายใคร แต่เพราะเขามีจิตใจที่อ่อนโยนเปี่ยมไปด้วยเมตตา ในที่สุดก็ต้องยื่นมือเข้าช่วยหญิงเคราะห์ร้ายรายนี้
แววตาของเหล่าฮั๋วเป็นประกายขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นซูอานลงมือเช่นนี้..
เมื่อโจรชิงทรัพย์ล้มลงไปกับพื้น มีดสั้นในมือของเขาก็หลุดออกจากมือเช่นกัน ผู้คนที่ยืนมุงดูเหตุการณ์อยู่นั้น จึงรีบเข้าไปเตะมีดที่หล่นอยู่นั้นออกไปทันที
จากนั้นคนอื่นๆต่างก็หยุดถ่ายรูป และรีบเข้าไปช่วยกันจับโจรหนุ่มไว้แล้วโทรแจ้ง 110 ทันที ผู้คนในบริเวณนั้นต่างพากันปรบมือให้กับซูอานด้วยความชื่นชม
ในเวลานั้น หญิงเคราะห์ร้ายจึงรีบโผเข้าคว้ากระเป๋าของตัวเองไว้ และรีบเปิดดูเงินในกระเป๋าด้วยท่าทีร้อนรน จากนั้นจึงคลานเข่าตรงเข้าไปหาซูอานพร้อมกับโขกศรีษะขอบคุณ
“ขอบคุณผู้มีพระคุณ ฉันไม่รู้จะตอบแทนคุณยังไงจริงๆ!”
ซูอานถึงกับนิ่งอึ้งไปกับท่าทีของหญิงสาวเคราะห์ร้าย ความจริงแล้วเขาไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวหากไม่ใช่วินาทีวิกฤติแบบนั้น
เพราะในฐานะจักรพรรดิ เขาคุ้นเคยกับการเข่นฆ่า การสวามิภักดิ์ รวมทั้งกระบี่ และโลหิตที่ไหลหลั่งจนเป็นเรื่องปกติ
แต่ตอนนี้เขากลับรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ หัวใจที่เต้นแรง และความรู้สึกบีบคั้นเบาบาง
การที่ใครคนหนึ่งซาบซึ้งในบุญคุณของเราที่ได้ช่วยเหลือเขานั้น มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากเช่นนี้นี่เอง!
ในเวลานั้นเอง ความรู้สึกและมุมมองของซูอานต่อโลกใบนี้ก็เริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น!
“ส่งมือของเจ้ามา!”
ซูอานร้องบอกเสียงเบา และค่อยๆพยุงร่างของหญิงผู้นี้ให้ลุกขึ้น
เหล่าฮั๋วจึงรีบร้องบอกหญิงสาวว่า “เอาล่ะไปได้แล้ว กลับไปทำธุระของคุณต่อได้แล้ว +”
หญิงผู้นั้นพยักหน้าและเอ่ยขอบคุณซูอานอีกครั้งก่อนจะรีบร้อนจากไปในที่สุด ในเวลานั้นก็เป็นจังหวะที่ตำรวจมาถึงพอดี และได้นำตัวโจรหนุ่มไปที่สถานีตำรวจ
ฝูงชนที่มุงดูอยู่ต่างก็พากันสลายตัวไป และบริเวณนั้นก็กลับสู่สภาพปกติเช่นเดิม เหล่าฮั๋วจ้องมองซูอานด้วยใบหน้าที่แฝงไว้ด้วยความงุนงง
“ตอนนี้จะยอมรับกับฉันได้หรือยังล่ะพ่อหนุ่ม?”
ซูอานหันไปมองเหล่าฮั๋วงงๆ พร้อมกับถามขึ้นว่า “ยอมรับอะไรงั้นรึ?”
“เฮ้อ.. หยุดแกล้งทำเป็นโง่ได้แล้ว!” เหล่าฮั๋วขมวดคิ้วและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก
ซูอานยกมือขึ้นโบกไปมา พร้อมตอบกลับไปเพียงแค่สั้น “ก็ได้ๆ”
แต่แล้วซูอานก็ทำสีหน้าไม่พอใจพร้อมกับถามเสียงห้วน “นี่เจ้าหลอกข้างั้นรึ?”
ซูอานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเมื่อสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ และในที่สุดเขาก็พอจะคาดเดาได้ว่าเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้นน่าจะเป็นการจัดฉากที่เหล่าฮั๋วสร้างขึ้น และจงใจดึงให้เขาแสดงความสามารถของตัวเองออกมา
เหล่าฮั๋วยิ้มออกมาอย่างพอใจพร้อมกับถามกลับไปว่า “เธอพูดอะไรฉันไม่เข้าใจ?”
“อ่อ.. ไม่เข้าใจงั้นรึ? คนที่นี่แก่ตัวไปคงจะเป็นเช่นเจ้ากันหมดสินะ?”
ซูอานโกรธจนถึงกับตำหนิเหล่าฮั๋วออกไป แต่เหล่าฮั๋วกลับไม่ตอบ และไม่ยอมรับในคำกล่าวหาของซูอาน
เขาไม่ยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้นเป็นฝีมือการจัดฉากของตนเอง เพราะซูอานเองก็ไม่ยอมรับกับเขาตามตรงว่าตนเองนั้นเป็นผู้ฝึกวรยุทธหรือไม่?
ในเวลานั้นเอง รถของเหล่าฮั๋วก็กลับมารับทั้งสามคนตรงจุดเกิดเหตุ แล้วขับออกไปจากบริเวณนั้นทันที
รถยนต์แล่นออกไปได้ราวครึ่งชั่วโมง ก่อนจะมาจอดอยู่ที่หน้าโรงเรียนสอนวรยุทธที่หรูหราแห่งหนึ่ง ซูอานไม่เข้าใจว่าเหล่าฮั๋วจะพาเขามาที่นี่ทำไม?
แต่ซูอานไม่ได้รีบร้อนกลับนัก เขาจึงอยากอยู่เล่นกับเหล่าฮั๋วต่ออีกสักพัก และอยากจะรู้ว่าชายชราต้องการสิ่งใดกันแน่?
*****
[ฝากนิยายแปลอีกเรื่องของทีมงานนะคะ: จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
จักรพรรดิเทพมังกร
(Dragon Emperor - Martial God)
ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด
จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..
******