ตอนที่ 213-214
ตอนที่ 213 : เป้าหมายของปู้หลี่เกื๋อ
กาลเวลาก็เปรียบดังสายน้ำ บ่อยครั้งที่ผ่านแล้วก็ผ่านไป
เพียงพริบตา หลายวันได้ผ่านพ้น...
“เฮ้อ”
ด้วยถอดหมวกออก ปู้หลี่เกื๋อถอนหายใจยาว ความนึกคิดคล้ายหายไปจากสายตา ไม่ช้าจึงกลายเป็นเผยยิ้มเงอะงะ
ขณะนี้เป็นช่วงเย็นแล้ว
และนี่ก็เกือบจะได้เวลาปิดร้านต้นตำรับ
ขณะนี้ลูกค้าในร้านมีเพียงสอง ปู้หลี่เกื๋อและปู้ฉืออี
“พี่หญิง นี่ไม่ใช่แข่งขันเสียหน่อย ไฉนจริงจังเพียงนั้น?”
ปู้หลี่เกื๋อหันข้างมองปู้ฉืออีด้วยสีหน้าบ่งบอกว่าไม่อาจช่วย
ปู้ฉืออีถอดหมวกออกก่อนจะส่ายศีรษะเล็กน้อย เส้นผมสีดำขลับของนางจึงร่วงหล่นลู่ลงมา
นางหันมองปู้หลี่เกื๋อก่อนจะกลอกตามอง “หากไม่จริงจัง อย่างนั้นจะทราบหรือว่าเจ้าขาดแคลนที่ตรงใด? และเป็นข้าไม่ทราบว่าผู้ใดกันร้องขอให้ช่วยประมือเพื่อชี้แนะ”
ปู้หลี่เกื๋อกลายเป็นต้องเบ้หน้า
มันราวกับเขาเพิ่งกินยาขมเข้าไปก็ไม่ปาน
เขาคิดอยากเก่งกาจกว่านี้ ทราบว่าปู้ฉืออีมีกำลังแท้จริงสูงส่งกว่า ดังนั้นจึงคิดท้าทายเพื่อทดสอบ
แม้ในโหมดอารีน่ากำลังทั้งสองฝ่ายจะเป็นขอบเขตโชคชะตาทัดเทียมกัน
กระนั้นช่องว่างในด้านการควบคุมพลังเป็นสิ่งที่ไม่อาจถมเต็มได้!
นับเป็นโชคดีที่มันคือโลกเสมือน ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องอาการบาดเจ็บแต่อย่างใด
ด้วยเหตุนี้ จากบทเรียนชี้แนะ ปู้หลี่เกื๋อจึงโดนทำร้ายบาดเจ็บปางตายไปนับสิบรอบ...
ปู้หลี่เกื๋อหันมองทางปู้ฉืออีด้วยอาการตัดพ้อ
ท่านยังเป็นพี่สาวข้าอยู่หรือไม่!
ปู้ฉืออีหาได้ใส่ใจสายตาอีกฝ่าย ขณะนี้กล่าวถามตามตรง “ว่าไปแล้ว หลี่เกื๋อ นี่เจ้ารู้สึกว่าไกลห่างจากความก้าวหน้าอีกเพียงใด?”
ด้วยปรับเปลี่ยนอารมณ์รวดเร็ว ปู้หลี่เกื๋อจึงยกริมฝีปากเผยยิ้ม “เกือบแล้ว สักสองวันน่าจะได้!”
เพียงเวลาหนึ่งเดือน จากขอบเขตสัมผัสวิญญาณระดับที่แปด ตัวเขาขณะนี้ได้ก้าวหน้าถึงขอบเขตโชคชะตาระดับที่สอง
ความเร็วเช่นนี้แม้เป็นทั้งทวีปเทียนหลันก็ต้องกล่าวว่าชวนสะพรึง!
แน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้ความพยายามของปู้หลี่เกื๋อ
อย่างไรแล้วความก้าวหน้ารวดเร็วนี้ มันก็แลกมาด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสหลายครั้งครา
ทว่าเรื่องราวเหล่านี้ก็เป็นเรื่องของเวลา รวมถึงเป็นโชคดีที่นำพาเขามายังที่นี่ไม่ใช่ที่อื่น
อาการบาดเจ็บทมิฬที่ปู้หลี่เกื๋อเคยต้องแบกรับจนไม่อาจก้าวหน้า ขณะนี้มันได้กลายเป็นส่วนช่วยทำให้เขามีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
ด้วยเหตุนี้หลังฟื้นฟูอาการบาดเจ็บทมิฬมาได้ ความเร็วการฝึกฝนนั้นจึงพุ่งทะยาน!
“ความคืบหน้าค่อนข้างดี” ปู้ฉืออีพยักหน้ารับพึงพอใจ “ตั้งเป้าหมายและไปให้ถึง เอาเป็นปีนี้ก้าวไปให้ถึงขอบเขตโชคชะตาระดับที่ห้า”
ปู้หลี่เกื๋อโอดครวญตอบคำ “ขอบเขตโชคชะตาระดับที่ห้า? พี่หญิงล้อกันเล่นหรือ?”
ขณะนี้เหลือเวลาอีกราวหน้าเดือนก่อนจะหมดปี กล่าวได้ว่ามีเวลาเกือบครึ่งปี
ภายในครึ่งปีก้าวหน้าจากขอบเขตโชคชะตาระดับที่สองสู่ระดับที่ห้า เป้าหมายนี้เป็นความยากเย็นมหาศาล!
ปู้ฉืออีส่ายศีรษะ “ด้วยพรสวรรค์เจ้า คิดสำเร็จไม่ใช่เรื่องยาก”
ปู้หลี่เกื๋อจึงเผยยิ้มขื่นตอบรับ
แม้พรสวรรค์ดี ทว่าเป้าหมายนั้นไม่ใช่ง่ายสำเร็จ!
นั่นหมายความถึงในช่วงครึ่งหลังของปี เขาจะกลายเป็นไร้เวลาพักผ่อน ทั้งหมดต้องทุ่มเทกับการฝึกฝน!
นับเป็นโชคดีที่ร้านเถ้าแก่มีเกมให้เล่น ดังนั้นเรื่องราวควรง่ายดายขึ้นบ้าง
ปู้หลี่เกื๋อหันมองรับชมร้านต้นตำรับ มันทำให้เขารู้สึกภาคภูมิและคิดว่าตนเองโชคดี
“เถ้าแก่ พี่ซือหยาน พวกเราขอตัวก่อนแล้ว” ปู้หลี่เกื๋อกล่าวลาพร้อมเดินกลับไปกับเจียงเฉิงจวิน
“เดินทางปลอดภัย” เหยาซือหยานที่อยู่ด้านหลังโต๊ะพยักหน้ารับ
ส่วนทางด้านชั่วฉวน ขณะนี้จมดิ่งกับหอคอยแห่งการทดสอบอย่างไร้การตอบสนอง เป็นผลให้ไม่ทราบว่าคนทั้งสองพูดกล่าวอะไรกับตนเองไปบ้าง
ตอนที่ 214 : ฝนพร่างพราย
ด้วยลั่วฉวนไม่ตอบสนอง ปู้หลี่เกื๋อและปู้ฉืออีก็ไม่คิดสนใจ
เถ้าแก่เป็นเช่นนี้กับลูกค้าของร้านทุกคน อีกทั้งยังพบเห็นกันมาเนิ่นนาน
หากลั่วฉวนตอบสนอง เช่นนั้นจึงเป็นทั้งสองคนที่ควรต้องแปลกใจ
ผู้คนล้วนทราบว่าเถ้าแก่เฉยชา น้อยครั้งนักที่จะมีการตอบสนองหลังพูดกล่าวด้วยเชิงไม่จริงจัง
ครืน!
เสียงฟ้าคำรามดังกึกก้อง มวลเมฆสีดำบนฟากฟ้าเผยประกายสายฟ้าม้วนตัววูบวาบ อสรพิษสายฟ้ากำลังเคลื่อนตัวไปมา
หยาดน้ำฝนร่วงหล่นสู่พื้นแผ่นดิน เสียง “แปะ” จำนวนนับไม่ถ้วนดังขึ้น อากาศขณะนี้มีแต่กลิ่นดินที่เปียกชื้น
“ฝนตกแล้ว...”
รับชมขึ้นบนท้องฟ้า ปู้ฉืออีจึงพึมพำออกเสียงเบา
แรกมาถึงร้านต้นตำรับ ขณะนั้นฟ้ายังเจิดจ้าด้วยซ้ำ
แต่แล้วผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงกลับปรากฏสายฟ้าม้วนตัว
มันราวกับโลกนี้ไม่มีอันใดแน่นอน
มันราวกับไปเยือนร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่แล้วเล่นอยู่หมดทั้งค่ำคืน เมื่อกลับออกจากร้านก็พบว่าโลกคล้ายแปรเปลี่ยนไปเสียแล้ว...
“ฝนตกไม่หนัก รีบกลับน่าจะได้” ปู้ฉืออีดึงสติกลับคืนก่อนจะรวบรวมพลังวิญญาณไว้ด้านบนประหนึ่งร่ม
“กลับดีกว่า” ปู้หลี่เกื๋อพยักหน้ารับพร้อมตามติดด้านหลังปู้ฉืออี
ขณะนี้ปู้หลี่เกื๋อยังไม่อาจควบคุมพลังวิญญาณได้เทียบเท่าปู้ฉืออี
ขอบเขตโชคชะตาเป็นเพียงการเริ่มต้นคัดแยกออร่าออกจากร่างกาย
เพื่อให้เชี่ยวชาญและใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว ดังนั้นมันต้องใช้ระยะเวลายาวนานกว่าปู้หลี่เกื๋อจะทำเลียนแบบได้
เพราะฝนตก อุณหภูมิจึงกลายเป็นลดต่ำ ปู้หลี่เกื๋ออดไม่ได้ที่จะสั่นเล็กน้อย
ด้วยขาดแคลนระบบระบายน้ำภายในเมือง น้ำจึงขังเป็นหย่อม ภาพสะท้อนที่พบเห็นคืออาคารร้านรวงที่บิดเบี้ยวอย่างแปลกประหลาด
แต่แล้วขณะนี้เอง บรรยากาศมันคล้ายมีจิตสังหารเจือปน
ลั่วฉวนที่เล่นเกมอยู่รับรู้ถึงได้ ดังนั้นจึงถอดหมวกออกพร้อมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ดวงตานั้นมองผ่านกำแพงไปยังสุดปลายของตรอก
ลั่วฉวนถอนหายใจเสียงเบา “คิดทำร้ายลูกค้าประจำร้านงั้นหรือ? ซือหยานฝากด้วยแล้ว”
“รับทราบ” เหยาซือหยานยิ้มรับ
แปะ แปะ...
ปู้หลี่เกื๋อและปู้ฉืออีเดินบนเส้นทางปูด้วยหินในตรอก เสียงฝีเท้ากระทบน้ำขังดังสะท้อน
ทั้งสองที่กำลังจะเดินออกจากตรอกพลันต้องหยุดชะงัก
“เดี๋ยว!” ปู้ฉืออีขมวดคิ้วกล่าวคำ
“เป็นอะไรไป?” ปู้หลี่เกื๋อเผยสีหน้างงงัน
ปู้ฉืออีเม้มริมฝีปากก่อนหันมองรอบ สีหน้าขณะนี้เคร่งเครียด
พลังวิญญาณในร่างของนางเริ่มท่วมท้นคล้ายพร้อมรับศึกทุกเมื่อ
พบเห็นปฏิกิริยาของปู้ฉืออี ปู้หลี่เกื๋อจึงตระหนักเรื่องราวได้
เขาต้องสูดลมหายใจเข้าลึกพร้อมเผยสีหน้าอันสงบ
ขณะนี้เองที่สัมผัสอันเย็นเยือกไหลเวียนผ่านในดวงตา
ภาพฉากเช่นนี้คล้ายเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้า!
ปู้หลี่เกื๋อยังจดจำได้กระจ่างชัด ว่าครั้งนั้นเป็นมือสังหารที่ลงมือต่อตนเอง!
หากไม่มีทหารยามของคฤหาสน์ขุนนางใต้ ผู้ใดกันทราบว่าถัดจากเขาจะเป็นใครต่อ และมันอาจไม่ได้จบแค่บาดแผลทมิฬ
มือสังหารในวันนั้น ความแข็งแกร่งอย่างน้อยก็ขอบเขตจิตวิญญาณ
ครั้งนั้นเป็นเขาตระหนักระวังทันรู้ตัวจึงโดนลงมือเพียงครั้งเดียว
หนึ่งครั้งที่ไม่สำเร็จ ไม่ว่าสำเร็จหรือล้มเหลวมือสังหารต้องถอนตัวอย่างเร็ว นี่คล้ายเป็นกฎของมือสังหารทั้งหลาย
ผู้ใต้บัญชาของจี้อู๋ฮุยแทบพลิกนครจิ่วเหยา กระนั้นก็ไม่อาจหาเบาะแสมือสังหารได้พบ
เรื่องราวสุดท้ายจึงกลายเป็นเงียบหาย
ตามที่ผู้คนคาดเดา เป้าหมายแท้จริงของมือสังหารสมควรเป็นขุนนางใต้
อย่างไรแล้วปู้หลี่เกื๋อก็เป็นบุตรแห่งขุนนางใต้ หากเขาถูกสังหาร เช่นนั้นคือการเหยียบหน้าขุนนางใต้อย่างรุนแรง