บทที่ 68 7 ผู้พิทักษ์ครองฟ้า
บทที่ 68 7 ผู้พิทักษ์ครองฟ้า
ความแข็งแกร่งเช่นนี้สามารถต่อกรได้กับทวีปทรายทมิฬได้อย่างแน่นอน แต่ก็มิอาจมั่นใจว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้หรือไม่ ยามนี้กุนจวินคิดได้แต่ว่าจะขอให้กุนคุนช่วยเหลือในเรื่องนี้
“ท่านพ่อ ท่านประหลาดใจกับสิ่งที่ข้าให้หรือไม่?”
กุนไท่ที่ได้เห็นสีหน้าของกุนจวินเต็มไปด้วยความสุขก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
“มันยอดเยี่ยมมาก ตอนแรกพ่อคิดว่าจะให้ปู่ของเจ้าเข้าร่วมด้วย รวมถึง 7 ผู้พิทักษ์ครองฟ้าด้วย!”
“7 ผู้พิทักษ์ครองฟ้า?”
“7 ผู้พิทักษ์ครองฟ้าคือไพ่ตายของพวกเรา พวกท่านคือผู้อาวุโสทั้ง 7 คนซึ่งเคยเป็นผู้อาวุโสระดับสูงมาก่อน ในสมัยการปกครองของท่านปู่เจ้า! พวกท่านอยู่ที่ใดข้าก็มิอาจล่วงรู้ได้ มีแต่ท่านปู่ของเจ้าเท่านั้นที่ล่วงรู้!”
กุนไท่รู้สึกประหลาดใจกับความลับของทวีปอรุณเบิกฟ้า ยิ่งเขารู้ความลับมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่าทวีปอรุณเบิกฟ้าลึกลับมากขึ้นเท่านั้น
“ข้าจะเรียกเหล่าบุคคลที่ไว้ใจได้มาปรึกษาหารือกันก่อน คราวนี้พวกทวีปทรายทมิฬได้พังพินาศเป็นแน่!”
หลังจากนั้นไม่นานเหล่าผู้อาวุโสก็ถูกเรียกตัว ภายในห้องโถงนั้นมีเจ้าสำนักกุนจวินและกุนไท่ รวมถึงเหล่าบุคคลระดับสูงคนอื่นๆ
“ช่างน่าตกใจนักที่นายน้อยสามารถหาผู้ที่แข็งแกร่งจำนวนมากขนาดนี้ได้ ท่านช่างน่าเลื่อมใสอย่างแท้จริง ในเมื่อเรามีผู้บ่มเพาะระดับผู้เชี่ยวชาญมากขึ้นขนาดนี้ เราจะเริ่มวางแผนกัน!”
หญิงชายชราที่สวมอาภรณ์สีม่วงกล่าวขึ้น
“ในตอนนี้ข้าได้ข่าวมาจากข่าวกรองว่า พวกมันกำลังจัดเตรียมกองกำลังขนาดเล็กเพื่อที่จะค่อยๆกลืนกินพวกเราไป และเมื่อพวกเราส่งคนที่แข็งแกร่งไป พวกมันจะใช้ค่ายกลขังพวกเราเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถออกไปจากที่นั่นได้เป็นเดือน ด้วยจำนวนคนที่เยอะกว่า ทำให้พวกมันได้เปรียบและมีโอกาสได้รับชัยชนะ หากพวกเราทำอะไรหุนหันพลันแล่นจะทำให้พวกเราเป็นฝ่ายปราชัยไปได้!” ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวเสริมขึ้น
“ข้าจะส่งระดับผู้เชี่ยวชาญหนึ่งแสนคนไปจัดการ ทำให้เห็นว่าพวกเราทุ่มสุดตัวแต่แท้จริงแล้วพวกมันไม่รู้ว่าพวกเรามีระดับทลายขอบเขตมนุษย์ถึงร้อยคนที่ไท่เอ่อร์พามา หากรวมกับข้าและพวกท่านทั้งหลาย ก็จะมีถึงหนึ่งร้อยห้าสิบคน มันมากพอที่จะสามารถบดขยี้พวกมันพร้อมกันได้ ในตอนนี้สิ่งที่เราต้องทำคือการรอโอกาส รวมถึงความพร้อมทางด้านกำลังพลอีกด้วย คาดว่าคงใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะปะทะกันอย่างจริงจัง เพราะตอนนี้ทางฝั่งนั้นยังไม่ได้ส่งระดับทลายขอบเขตมนุษย์มาเลยสักคนเดียว ที่ส่งมามีแค่กองทัพระดับหลอมรวมพลังและผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แต่เนื่องจากจำนวนที่มากเกินไป มันทำให้พวกเราเสียเปรียบ! พวกเราจะแกล้งทำเป็นมิอาจสามารถสู้ได้ จนถึงที่มันมั่นใจว่าจะเอาชนะได้ เหล่าบุคคลระดับสูงของฝ่ายนั้นจะต้องโผล่หัวมาแน่ เมื่อตอนนั้นมาถึงมันจะเป็นการสวนกลับของเราอย่างเต็มรูปแบบ!”
กุนจวินเล่าแผนของตนออกมาทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย เพราะสถานการณ์ที่ตึงเครียดในยามนี้ไม่มีใครกล้าเสนอความคิด และที่จ้าวสำนักกุนจวินเล่าแผนการของตนออกมา ถึงแม้มันจะไม่ใช่แผนที่ดีที่สุดรวมถึงมีความเสี่ยงสูง แต่แผนนี้มันก็เป็นการทำให้ศัตรูสูญเสียบุคคลระดับสูงไป
กุนไท่นำหยกจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งออกมาแบ่งให้กับเหล่าผู้อาวุโสและบิดาของตน เพื่อที่จะทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มมากขึ้น แม้จะเล็กน้อยก็ตามแต่ก็ยังดีกว่าไม่เพิ่มเลย ด้วยสงครามขนาดเล็กจำนวนมาก ชายหนุ่มคิดว่าจะออกไปฝึกฝนกับภายในสนามรบและได้ช่วยเหลือผู้อื่นอีกด้วย
สงครามที่เมืองใหญ่จะมีผู้ที่มีความแข็งแกร่งระดับผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเข้าร่วม นี่ถือเป็นโอกาสในการฝึกฝนของเขา กุนไท่คิดว่าจะให้เหวินอี้มาฝึกฝนที่นี่ด้วย เขาได้ทำการส่งข้อความผ่านนกสืบข่าว ซึ่งเป็นสัตว์อสูรประเภทนกที่สามารถบินได้ มันมีขนาดที่เล็กแต่มีความเร็วในการบินสูงมาก
ระหว่างรอเหวินอี้เดินทางมาถึง กุนไท่เลยตัดสินใจไปช่วยเหลือผู้คนในทวีปอรุณเบิกฟ้าก่อนและยึดอาณาเขตกลับคืนมา เมืองเล็กใหญ่มีจำนวนมากต้องใช้เวลาหลายเดือนถึงจะสามารถยึดกลับมาได้หมด ยามนี้พวกมันคงเริ่มคิดส่งกองทัพมาโจมตีจักรวรรดิบ้างแล้ว แต่จักรวรรดิทั้งหลายที่อยู่ในทวีปอรุณเบิกฟ้าไม่ได้อ่อนแอเช่นนั้น คาดว่าคงใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะโจมตีสำเร็จ ชายหนุ่มตัดสินใจจะไปช่วยเหลือบรรดาเมืองที่ถูกยึดเสียก่อน เมื่อเหวินอี้มาถึงค่อยไปช่วยเหลือจักรวรรดิเหล่านั้น
กุนจวินได้ไปหากุนคุนเพื่อให้เรียกเจ็ดผู้พิทักษ์ครองฟ้ามา เขามีแผนสำรองเอาไว้เผื่อมีบุคคลระดับสูงบางคนกำลังคิดทรยศ แม้จะยังไม่มีผู้ใดน่าสงสัยแต่การป้องกันไว้ย่อมดีกว่าแก้และที่สำคัญสถานการณ์ในตอนนี้มันเอื้ออำนวยเป็นอย่างมาก
ภายในห้องฝึกลับของกุนคุนพลันปรากฏผู้อาวุโสสวมใส่อาภรณ์สีดำ มีชายห้าหญิงสองคน พวกมันคือผู้พิทักษ์ครองฟ้า!
แต่ละคนมีพลังต่อสู้ลึกล้ำแถมระดับการบ่มเพาะยังสูงถึงระดับทลายขอบเขตมนุษย์ ขอบเขตจักรพรรดิ ขั้นสูงสุดกันทุกคน! และที่สำคัญแต่ละคนสามารถสู้ข้ามขั้นได้อีกด้วยเพราะเมื่อตอนที่ยังเยาว์ พวกมันล้วนเป็นผู้มีพรสวรรค์สูงส่งไม่ได้ด้อยไปกว่าศิษย์ของนิกายฟ้าสวรรค์คำรามพิโรธเลยแม้แต่น้อย และตอนนี้อายุของแต่ละคนเพียงแค่ร้อยกว่าปีเท่านั้น
มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งมีรูปร่างกำยำสูงใหญ่ หัวล้านเรียบใบหน้าเต็ทมไปด้วยหนวดเครารุงรังยาว เขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเจ็ดผู้พิทักษ์ครองฟ้าและเป็นหัวหน้าของผู้พิทักษ์อีกด้วย!
กุนคุนมองไปที่พวกเขาด้วยรอยยิ้มที่เหี่ยวย่น ในที่นี่ความแข็งแกร่งของชายชราผู้นี้มีมากที่สุด เขาเป็นผู้ที่จัดตั้งตำแหน่งเจ็ดผู้พิทักษ์ครองฟ้าขึ้นมาด้วยตนเอง!
ตำแหน่งนี้มีสถานะที่ทรงเกียรติรองจากจ้าวสำนักอย่างกุนจวินเท่านั้น ถือเป็นนับหน้าถือตาของสำนัก การที่จะได้เป็นหนึ่งในเจ็ดผู้พิทักษ์ครองฟ้าจะต้องได้รับการยอมเสียก่อน ไม่ใช่แค่แข็งแกร่งเท่านั้นแต่จะต้องมีความซื่อสัตว์ต่อจ้าวสำนักด้วย
“คาราวะท่านผู้เฒ่าครองฟ้า!”
ผู้พิทักษ์ทั้งเจ็ดคนต่างคุกเข่าลงพร้อมกับกล่าวขึ้นมาด้วยความเคารพอย่างหาที่สุดมิได้ แววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเคารพนับถือและยังแฝงไว้ด้วยความเกรงกลัว เพราะกุนคุนนั้นถือเป็นที่สุดแล้วของสำนักลิขิตสวรรค์