ตอนที่ 49 : ข้าขอเอาหัวโขกกับเต้าหู้ตายเสียดีกว่า ฟรี วันที่ 2020/12/12
หนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว จื่อฉางเหอปรากฎตัวขึ้นที่สวนอีกครั้ง เมื่อเขามองเซี่ยงเส้าหยุนซึ่งกำลังจดจ่อกับการฝึกฝนท่วงท่า เขารำพึง ‘ดูเหมือนเจ้าหนูนี่จะลืมท่วงท่าที่เราแสดงให้เห็นก่อนหน้างั้นรึ? เฮ้อ เจ้าได้สิ่งใดจากการพูดจาโอ้อวดกัน!’
“เส้าหยุน วิทยายุทธ์ระดับสองไม่ง่ายอย่างที่เจ้าคิด ใช่ไหม? จริงอยู่ที่เจ้ามีพรสวรรค์ แต่เจ้าทำตัวอวดดีเกินไป” จื่อฉางเหอเริ่มให้คำแนะนำต่อเซี่ยงเส้าหยุนด้วยความจริงใจ เขาหวังจะเห็นเซี่ยงเส้าหยุนรักษาความคาดหวังนี้จากใจจริง และเรียนรู้อย่างจริงจังแทนที่จะเป็นคนหลงตัวเองอย่างที่เป็นอยู่
เซี่ยงเส้าหยุนเลิกตาขึ้น และมองเห็นจื่อฉางเหอ เขาตะโกน “ศิษย์พี่ เชิญรับชมกระบวนท่าของข้า!”
ช่วงเวลาที่เขากล่าว เขากระโจนไปด้านหน้าด้วยท่วงท่าราวกับเสือ ขณะพุ่งไปด้านหน้าราวกับสายฟ้าและหอกปาหอกพุ่งไปราวกับสายรุ้งที่แล่นผ่านท้องฟ้า ด้วยแสงสีม่วง หอกพึ่งไปที่หน้าอกของจื่อฉางเหอทันที
วิชาหอกอัสนี! รวดเร็วราวกับสายฟ้า ยิ่งใหญ่ราวกับฟ้าผ่า! ซึ่งการแทงหอกเช่นนี้แสดงให้เห็นความชำนาญขั้นพื้นฐาน และเข้าถึงแก่นแท้ของวิชา จื่อฉางเหอเลิกคิ้วและกล่าว “บังอาจ! แสดงให้ข้าเห็นว่าเข้ามีค่าแค่ไหน เช่นนั้น! จงเข้ามา!”
ด้วยคำกล่าวของจื่อฉางเหอ เขาก้าวเล็กน้อย และหลบการแทง ทว่าเซี่ยงเส้าหยุนเห็นสิ่งที่กำลังเข้าใกล้ ในขณะที่เขาขยับหอกทันทีและส่งปลายหอกอีกด้านไปที่ฝ่ายรุก การโจมตีซึ่งใช้ท้ายหอกนั้นผูกมัดการแทงครั้งแรกอย่างสมบูรณ์แบบ และแทบจะไร้ซึ่งทางป้องกัน แววตาเผยความประหลาดใจในดวงตาของจื่อฉางเหอ ขณะฝ่ามือเผยประกายสีม่วงจาง จื่อฉางเหอป้องกันการโจมตีครั้งที่สองได้
“อั๊ก!”
เซี่ยงเส้าหยุนร้องออกและเริ่มแทงหอกอัสนีไปด้านหน้าอย่างบ้าคลั่งด้วยพลังทั้งหมด ราวกับจะไม่หยุดจนกว่าจะเอาชนะจื่อฉางเหอได้ หอกแทงไปได้หน้าอย่างไม่จบสิ้นด้วยท่างท่าประหลาด กระแสไฟฟ้าปะทุขึ้นบนอากาศโดยรอบ
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
แสงสีม่วงแผ่ไปทั่วทั้งบริเวณส่งเสียงฟ้าร้องดังกึกก้องในอากาศ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการแทงแต่ละครั้งนั้นรุนแรงเพียงใด ทว่าไม่ว่าจะโจมตีรุนแรงเพียงใด ก็ไม่อาจทำลายการป้องกันของจื่อฉางเหอได้ ในความเป็นจริงแล้วจื่อฉางเหอใช้มือเพียงข้างเดียวในการปัดป้องการโจมตีทั้งหมด แม้เขาจะทำราวกับเป็นสิ่งง่ายด้วย แต่ภายในเต็มไปด้วยความตกใจ
‘นะ นี่มัน...ในวันเดียว นี่เขาบรรลุพลังถึงสามในสิบของวิชาแล้วงั้นรึ? ไม่สิ มีบางสิ่ง วิชาหอกที่เขาใช้นั้นต่างจากวิชาหอกอัสนีของเรา ในแบบของเขานั้นดูราวกับมีพลังมากกว่างั้นรึ?’ จื่อฉางเหอตะโกนภายในใจ
หลังจากนั้นไม่นานเซี่ยงเส้าหยุนหยุดโจมตี และบ่นอย่างบึ้งตึง “ช่างเป็นพลังที่อ่อนแอเหลือเกิน”
แต่แน่นอนเขาเป็นเพียงระดับดวงดาวขั้นแรกซึ่งกำลังโจมตีใส่ระดับแปรสภาพ ความต่างชั้นนั้นมากเกินไป แน่นอนว่าพลังจะอ่อนแอหากนำมาเทียบกัน
เมื่อจื่อฉางเหอเห็นซี่ยงเส้าหยุนดูบึ้งตึง เขาปรอบโยน “เจ้าเป็นผู้ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ห้าดวงดาวส่องสว่างบนท้องฟ้า ดังนั้นเจ้าไม่ตำเป็นต้องรอถึงสิบปีในการไล่ตามข้าหรอก จงฝึกให้หนักขึ้น!”
“อะไรนะ? ข้าต้องใช้เวลาถึงสิบปี จึงจะบรรลุถึงระดับท่านรึ? ข้าคงเอาหัวโขกกับเต้าหู้ตายเสียดีกว่า” เซี่ยงเส้าหยุนตำหนิทันทีด้วยสีหน้าเกินจริงบนใบหน้า ด้วยการแสดงออกนั้น ราวกับว่าการไปถึงระดับเทียบเท่าจื่อฉางเหอในสิบปีนั้น จะเป็นคำดูถูกอย่างที่สุด
และด้วยเหตุนี้ เซี่ยงเส้าหยุนได้ทำลายอารมณ์ดีของจื่อฉางเหอ
“เอาที่เจ้าสบายใจ ข้าจะให้เวลาเจ้าสองวัน ในสองวันนั้นข้าต้องการเห็นเจ้าบรรลุวิชาหอกอัสนีได้ถึงเจ็ดในสิบ หากทำไม่ได้ เจ้าต้องถูกลงโทษ!” จื่อฉางเหอกล่าวด้วยใบหน้าไม่น่าดู
“แน่นอน เจ็ดในสิบภายสองวันไม่ใช่ปัญหา แต่ข้าจะทำไปเพื่ออะไรหากไม่ได้สิ่งใดตอบแทน?” เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มถามถึงเงื่อนไข
หลังจากเข้าใจถึงสิ่งที่เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว เกราะชั้นในปรากฏขึ้นในมือของจื่อฉางเหอ “สิ่งนี้จะเป็นรางวัลแก่เจ้า มันคือเกราะชั้นในระดับสาม ชั้นประถม ด้วยสิ่งนี้อาวุธระดับสามทั่วไปมิอาจทำอันตรายแก่เจ้าได้”
เซี่ยงเส้าหยุนรับเกราะ ชั่งน้ำหนักในมือและถอนหายใจ ‘แม้แต่ขยะเช่นนี้ก็มีค่าในที่แห่งนี้รึนี่’
นั่นอาจเป็นสิ่งที่เขาคิดอยู่ แต่เขามิอาจโต้แย้งสิ่งใดได้เพราะไม่ต้องการให้เกิดความบาดหมางต่อจื่อฉางเหอเพิ่ม เช่นนั้นเขาจึงกล่าว “ขอบคุณ ศิษย์พี่” เขาหยุดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวเสริม “ศิษย์พี่ นับตั้งแต่ท่านได้นามขุนนางอัสนีสีม่วง ท่านคงชำนาญพลังดวงดาวสายฟ้าสีม่วงใช่หรือไม่? เหตุใดจึงไม่ร่ำเรียนวิทยายุทธ์ระดับสี่ที่ข้ามี ข้าเชื่อว่าด้วยพลังต่อสู้ของท่านจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเพราะมันแน่”
แต่หลังจากกล่าวเสร็จ จื่อฉางเหอยกนิ้วให้พร้อมกล่าว “เจ้าจะตายใช้ไหมถ้าหากหยุดข่มผู้อื่นน่ะ?” จื่อฉางเหอติดตามเรื่องนั้นด้วย “ก็ได้ ถ้าเป็นไปได้ สองสามวันนี้พยายามอย่าออกไปข้างนอกแล้วกัน พี่น้องตระกูลอู่ได้ประกาศแล้วว่าจะเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านเจ้า”
หลังจากกล่าวจนจบ จื่อฉางเหอจึงเดินจากไป
“เราเกรงว่าพวกเขาทั้งหมดจะไม่มาตามหามากกว่า!” เซี่ยงเส้าหยุนบ่นคำเบาด้วยแววตาแปลกประหลาดในดวงตา นับตั้งแต่ตระกูลอู่พยายามจะเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านเขา พวกมันจะไม่หยุดจนกว่าเซี่ยงเส้าหยุนจะสอนบทเรียนแก่พวกมัน
ผ่านไปอีกวัน ยามเช้าได้มาถึง และเซี่ยงเส้าหยุนได้ดูดซับปราณสีม่วงตามปกติ หลังจากทำจนเสร็จแล้ว เขาสัมผัสได้ว่าพลังดวงดาวใกล้จะบรรลุถึงขั้นสองแล้ว จำเป็นต้องก้าวไปข้างหน้าอีกเพียงหนี่งก้าวเพื่อบรรลุขั้นสอง แต่ก็ยังคงระงับความก้าวหน้าอีกครั้ง ด้วยพลังงานส่วนเกิดที่เกิดจากการระงับนั้น เขาได้ผลักดันเข้าสู่ทะเลจักรวาลดวงดาวแทน ด้วยปรารถนาที่จะขยายทะเลจักรวาลดวงดาวเพื่อที่จะพกพาสิ่งของได้สะดวกขึ้น
เมื่อฝึกฝนการหายใจเสร็จสิ้น เซี่ยงเส้าหยุนยืดตัวก่อนออกจากลานของจื่อฉางเหอ เขาต้องการกลับไปที่พักของตนเองก่อนจะไปเยี่ยมเยียนลู่เสี่ยวฉิงและเซี่ยวหลิวฮุย แน่นอนว่าเข้ามิได้ลืมหวังเจิ้นฉวนซึ่งเป็นศิษย์ชั้นใน ด้วยยังคงรักษาสัจจะที่เคยกล่าวไว้กับหวังเจิ้นฉวน
ที่พักของจื่อฉางเหออยู่ในบริเวณของเหล่าผู้อาวุโสเท่านั้น เป็นสถานที่ซึ่งเงียบสงบและเปลี่ยว ล้อมรอบด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม ศาลาที่สง่างาม สะพานขนาดเล็ก และลำธาร สัตว์อสูรที่งดงามและอื่น ๆ กล่าวได้ว่าการก้าวแต่ละก้าวเพื่อชมภูมิทัศน์ใหม่ที่สวยงามจะปรากฏขึ้นตรงหน้า
แต่ก่อนหน้าที่เซี่ยงเส้าหยุนผู้ซึ่งเคยเป็นคุณชายผู้ทรงพลัง ภูมิทัศน์ที่นี่ไม่มีสิ่งใดพิเศษ
“แม้แต่ที่พักอาศัยของเหล่าผู้อาวุโสก็ยังดูหยาบ” เซี่ยงเส้าหยุนส่ายหัวขณะคร่ำครวญข้างทะเลสาบ ผู้คนซึ่งมาจากหลากสถานที่ย่อมมีมุมมองที่ต่างกัน
“ผู้ใดจะกล้าพูดจาไร้สาระที่นี่กัน!” เสียงโกรธเกรี้ยวดังขึ้น เซี่ยงเส้าหยุนครุ่นคิดกับตนเอง ‘เราจะไม่หยุดดึงดูดปัญหาและแผลงฤทธิ์แบบสุ่ม ใช่ไหม? เหตุใดเราจึงโชคดีเช่นนี้นะ?’
เมื่อหันไปมองต้นตอของเสียง ดวงตาของเขามืดมน “แล้วเจ้าล่ะ เด็กหญิงผู้เหลวไหลรึ?”
“อวดดีนัก! เจ้าคิดว่าเรียกผู้ใดเป็นเด็กหญิงผู้เหลวไหลกัน? เจ้าเบื่อหน่ายกับชีวิตแล้วรึ?” เด็กสาวตะโกนก่อนจะฟาดแส้มาที่เซี่ยงเส้าหยุน
เด็กสาวไม่อาจอดกลั้นได้ พลังดวงดาวของนางกำลังขับเคลื่อนแส้ หากมันฟาดเข้าที่ใบหน้าผู้ใด คนผู้นั้นจะต้องได้รับแผลเป็นแน่นอน โชคดีที่เซี่ยงเส้าหยุนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เขาเริ่มเปิดใช้งานพรสวรรค์สัญชาตญาณทันที เพื่อดูวิถีของแส้ที่เข้ามาอย่างชัดเจน และเอื้อมมือไปคว้าแส้โดยพลัน
“ปล่อยมันเดี๋ยวนี้!” เซี่ยงเส้าหยุนร้องเสียงหลงขณะดึงแส้ออกจากมือเด็กสาว
เด็กสาวไม่คาดคิดว่าเซี่ยงเส้าหยุนจะสามารถตอบโต้อย่างอย่างฉับไวเช่นนี้ ทำให้นางประหลาดใจ ก่อนที่จะได้ทันตอบโต้ นางก็สูญเสียแส้ไปเสียแล้ว แม้แต่ร่างกายของนางก็ถูกดึงไปด้านหน้า ทำให้เดินโซเซไปที่ทะเลสาบด้านข้าง
ซู่!
เมื่อไม่อาจปรับสมดุลได้ และท้ายที่สุดนางก็ตกลงไปในทะเลสาบ
“ฮ่า ฮ่า นี่เป็นกรรมของเจ้า หญิงโฉด!” เซี่ยงเส้าหยุนหัวเราะเสียงดัง
เด็กสาวที่ตกลงไปในทะเลสาบคือหลี่หงเอ๋อ หญิงสาวผู้เคยฟาดแส้ใส่หน้าเขา นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกมีความสุขเมื่อเห็นนางทุกข์ทรมาน