ตอนที่แล้วGuild Master ตอนที่ 56 คำครหา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGuild Master ตอนที่ 58 เป็ด

Guild Master ตอนที่ 57 ใช้ไปแล้ว


ตอนที่ 57

ใช้ไปแล้ว

“คราวนี้เมืองของเราเป็นหนี้พวกเจ้าแล้ว”หลังจากขับไล่แก๊งหมีใหญ่ออกไปได้ เหล่าทหารของเมืองการ์กันและผู้เล่นที่กวีเรียกตัวมาก็รวมตัวกันจัดการแก๊งดาวแดงที่ยังเหลืออยู่จนหมดอย่างง่ายดายเพราะแต่เดิมพวกเขาก็ไม่คิดจะต่อต้านอยู่แล้ว หลังจากต่อสู้กันตามบทบาทแก๊งดาวแดงก็โดนสังหารทั้งหมดโดยมีทหารของเมืองการ์กันเป็นผู้คว้าชัยร่วมกับสมาชิกเรดของกวีที่มีตราทหารอยู่ที่แขนเสื้อทั้งหมด

“คราวนี้เป็นเพราะพวกเราร่วมมือกันต่างหาก”กวียิ้มรับก่อนจะยื่นมือไปให้นายทหารผู้ที่ยามนี้เป็นหัวหน้าเหล่าทหารเมืองการ์กันท่ามกลางสายตาของชาวเมือง

“แต่พวกข้าก็ยังติดหนี้เจ้าอยู่ดี”นายทหารตอบก่อนจะจับมือกับกวีอย่างซึ้งใจ นานมากแล้วที่ในเมืองไม่เหลือผู้เล่นตัวสีแดงอีกเลย แถมทหารที่ส่งไปแจ้งเมืองหลวงก็ยังเดินทางออกจากเมืองได้อย่างปลอดภัย เท่านี้ขอเพียงรอเจ้าเมืองคนใหม่ถูกแต่งตั้งและส่งทหารมาช่วยหนุนเมืองการ์กันก็จะกลับมาสงบสุขอีกครั้ง

แปะ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

ท่ามกลางภาพการจับมือระหว่างกวีและหัวหน้าทหารเมืองการ์กัน เหล่าทหารลูกน้องสมาชิกเรดและชาวเมืองที่ได้เห็นต่างปรบมือประสานกันอย่างต่อเนื่อง ยามนี้ภายในสายตาของเหล่าชาวเมืองและทหารเมืองการ์กัน กวีคือผู้ช่วยเหลือและปลดปล่อยเมืองการ์กันออกจากสภาพเลวร้ายที่ถูกแก๊งทั้งหลายปกครอง และ....แน่นอนกวียังสามารถผ่านเควสที่หัวหน้าทหารมอบให้และได้ชื่อเสียงของเมืองเพิ่มขึ้น แถมเพราะกวีสามารถปกป้องเมืองต่อหน้าชาวเมืองได้อย่างงดงาม กวียังได้ชื่อเสียงต่อเมืองการ์กันเพิ่มเติมอีกไม่น้อย รวม ๆกันแล้วตอนนี้กวีมีค่าชื่อเสียงของเมืองการ์กันขึ้นไปถึง 88 หน่วยเลยทีเดียว

“ข้าคงให้อะไรตอบแทนเจ้าได้ไม่มาก แต่หลังจากแต่งตั้งเจ้าเมืองแล้วข้าจะรายงานเรื่องของเจ้าให้เจ้าเมืองคนใหม่ทราบ และจะเสนอให้ท่านมอบรางวัลให้พวกเจ้า”หัวหน้าทหารว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีอ่อนโยนขึ้นมาก สำหรับเขาตอนนี้ไม่ได้มองกวีเหมือนมองผู้เล่นคนอื่น ๆอีกต่อไปแล้ว

“แล้วผมจะรอ”กวีตอบก่อนจะมองไปยังเหล่าสมาชิกกิลด์ที่ตนเรียกมา ระหว่างต่อสู้ก่อนหน้านี้ไม่มีเวลาจัดการได้แต่ชวนทุกคนเข้าเรดและสู้ในฐานะผู้ช่วยเหลือเมืองเท่านั้น ตอนนี้ก็คงถึงเวลาต้องคุยกันแล้ว

.

.

“พี่กวี ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ”เหล่าสมาชิกเก่าของกิลด์สุริยันจันทราพากันเข้ามาหากวีด้วยท่าทีดีใจ แม้จะผ่านไปแล้ว 5 ปีแต่สมาชิกกิลด์ของกิลด์สุริยันจันทราจำนวนมากก็ยังรอการกลับมาของกวีเช่นเดียวกับสมาชิกหลักคนอื่น ๆ เพราะแบบนี้นี่เองทำให้คนที่รู้จักเรื่องของกวีต่างยังให้ความเกรงใจกวีอยู่ เพราะทันทีที่กวีกลับมาก็มีคนพร้อมเข้าร่วมโดยทันทีจำนวนมาก แถมสมาชิกเก่าของกิลด์สุริยันจันทราแต่ละคนต่างก็เป็นคนมีฝีมือทั้งนั้น

“ขอบใจมากที่มาช่วย ท่าทางทุกคนจะเก่งขึ้นนะ”กวียิ้มออกมาด้วยท่าทียินดีก่อนจะมองไปยังผู้เล่นเกือบ 30 คนที่วาร์ปมาช่วยกวีทันทีหลังจากกวีเรียกตัว น่าเสียดายที่พวกนาตาลีไม่ได้มาด้วยเพราะกำลังลุยดันเจี้ยนอยู่

“ขอบคุณครับ....ว่าแต่พี่กวี”พอได้รับคำชมเหล่าสมาชิกกิลด์ก็มีท่าทีดีใจกันไม่น้อย แต่พอได้อยู่ต่อหน้ากวีแล้วมันก็อดที่จะถามไม่ได้

“พี่จะสร้างกิลด์อีกหรือเปล่าครับ พวกเราอยากจะเข้ากิลด์ของพี่กันมาก ๆเลยนะครับ”ชายคนหน้าถามด้วยท่าทีเกรงใจ แต่พวกเขาก็อยากรู้จริง ๆว่ากวีจะสร้างกิลด์ขึ้นมาใหม่หรือเปล่า

“ไม่ใช่แค่สร้างกิลด์หรอก แต่ผมจะเอาชื่อกิลด์สุริยันจันทรากลับขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดเหมือนเดิมด้วย”กวีตอบด้วยท่าทีมั่นใจ แต่ทว่า....เหล่าสมาชิกกิลด์กลับมองหน้ากันไปมาด้วยท่าทีลำบากใจ

“พี่เมฆ พี่ยังไม่ได้บอกพี่กวีงั้นเหรอ”ลูกกิลด์คนหนึ่งถามพลางมองไปทางเมฆเหมือนจะโยนปัญหาตรงนี้ไปให้เมฆจัดการเสียอย่างนั้น

“เรื่องนั้น...”เมฆที่มีท่าทีนิ่งอยู่ตลอดได้ยินก็ทำหน้าลำบากใจออกมาทันที จะว่าไงดีล่ะมันเป็นเรื่องที่พูดยากนี่นา

“มีอะไรงั้นเหรอ”กวีขมวดคิ้วด้วยท่าทีสงสัย ปกติเมฆไม่เก็บความลับกับเขานี่นา ทำไมคราวนี้ถึงไม่ยอมพูดเหมือนเป็นเรื่องไม่ดีเสียอย่างนั้น

“กวี...ชื่อกิลด์สุริยันจันทราน่าจะมีคนใช้ไปแล้วล่ะ”เมฆตอบพลางยิ้มเจื่อน ๆออกมา

“ใช้ไปแล้ว ใครใช้งั้นเหรอ”กวีถามพลางขมวดคิ้วด้วยท่าทีสงสัย ปกติกวีจะเข้าไปบุกเบิกเกมใหม่ ๆร่วมกับเพื่อน ๆเสมอ และด้วยความเร็วในการเก็บเลเวลหรือหาไอเทมทำให้โอกาสที่กวีจะสร้างกิลด์ได้ก่อนชาวบ้านเป็นเรื่องแทบจะปกติ และชื่อกิลด์ สุริยันจันทรา ของกวีก็ไม่มีใครกล้าเอาไปใช้หรอก เพราะหากมีคนจำผิดอาจจะโดนเล่นงานแทนก็ได้

“ไอ้เจ้าเหน่งนะสิ....เจ้านั่นมันเอาชื่อกิลด์สุริยันจันทราไปตั้งเป็นชื่อกิลด์รองของมัน”เมฆตอบด้วยท่าทีลำบากใจ เหน่ง เป็นหัวหน้ากิลด์คนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มพันธมิตรเดียวกับกิลด์อัศวินนภา เสียดฟ้า และ หัตถ์อสูร กิลด์เหล่านี้ร่วมมือกันต่อต้านกิลด์ของกวีมาตลอดจนกระทั่งกวีหายตัวไป ไม่นึกเลยเหน่งจะแค้นขนาดเอาชื่อกิลด์สุริยันจันทราไปสร้างกิลด์เด็กแบบนั้น

“ไอ้เจ้านั่น”กวีกุมขมับด้วยท่าทีปวดหัว ไม่นึกเลยว่าหัวกิลด์ใหญ่จะทำนิสัยเป็นเด็กแบบนี้ แต่ชื่อกิลด์โดนเอาไปใช้แล้วก็ช่วยไม่ได้งั้นก็ต้องตั้งชื่อใหม่สินะ

“คงต้องสั่งสอนเจ้านั่นสักหน่อยแล้ว แต่ก่อนอื่นพวกเราต้องเก็บเลเวลกันให้ถึงห้าสิบเสียก่อน”กวีถอนหายใจออกมาก่อนจะเปิดหน้าต่างตัวละครของตนขึ้นมาดู การสร้างกิลด์จะต้องมีเลเวล 50 เป็นอย่างน้อย ตอนนี้กวียังขาดอยู่อีกนิดหน่อย

“พี่กวี ถ้าจะเก็บเลเวล พวกเราช่วยได้นะครับ”ลูกกิลด์ตรงหน้ากวีเสนอตัวช่วยเหลือทันที การพาผู้เล่นเลเวลน้อยเก็บเลเวลอย่างรวดเร็วนั้นสามารถทำได้ไม่ยาก ขอเพียงพวกเขาพากวีไปด้วยก็สามารถเลื่อนเลเวลเข้า 50 ได้ในพริบตา

“ไม่เป็นไร ผมมีที่ที่เล็งเอาไว้แล้ว”กวีตอบก่อนจะมองไปทางเจที่ยืนอยู่ด้านหลัง ตอนนี้พวกเจต่างมองกันไปมาด้วยท่าทีประหลาดใจ คนพวกนี้กวีเรียกมากะทันหัน แสดงว่าแต่ละคนต้องใช้วาร์ปเดินทางมาแน่ ๆ คนพวกนี้ไม่ใช่ผู้เล่นชนชั้นธรรมดา แต่กลับยอมเชื่อฟังคำสั่งกวีอย่างว่าง่าย เรื่องแบบนี้พวกเจแม้จะอยากชินแต่ก็ไม่ชินเสียที

.

.

“พี่กวี.....”หลังจากจัดการเรื่องการนัดหมายกับสมาชิกในกิลด์เสร็จ กวีก็พาปาร์ตี้ของตนเองมายังดันเจี้ยนแห่งหนึ่งที่อยู่ทางตะวันออกของเมืองการ์กัน ที่นี่เป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่ส่งกลิ่นอายน่าสยดสยองออกมาอย่างเห็นได้ชัด แถมที่หน้าถ้ำยังมีป้ายเขียนเอาไว้อีกต่างหาก

“ที่ที่พี่จะเก็บเลเวลคือที่นี่เหรอ”มีนถามพลางมองภาพตรงหน้าด้วยท่าทีอึ้ง ๆ ป้ายที่เขียนคำว่า ถ้ำผีดิบ ถูกสลักเอาไว้เบื้องหน้าอย่างเด่นชัด ไม่มีทางอ่านผิดไปได้แน่ ๆ แถมบรรยากาศทางเข้าดันเจี้ยนยังเห็นได้ชัด ๆเลยว่าเป็นสถานที่แบบไหน

“ใช่ ที่นี่มีมอนสเตอร์ผีดิบอยู่เยอะเลย อาจจะยากสักหน่อยแต่ได้ค่าประสบการณ์ดีแน่ ๆ”กวียิ้มด้วยท่าทีมั่นใจ แต่มีนที่อยู่ด้านหลังกลับมีท่าทีไม่อยากจะเข้าเสียเท่าไร

“พี่มีนกลัวผีเหรอคะ”ไอช่าถามพลางหันไปมองมีนด้วยท่าทีเป็นห่วง มีนเพิ่งเคยเล่นเกมเสมือนจริงอาจจะไม่ชินเหมือนกับคนอื่น แต่ในเกมมันก็ต้องมีมอนสเตอร์รูปแบบผีอยู่แล้ว

“ก็มัน......”มีนทำหน้าลำบากใจออกมาก่อนจะมองไปทางกวีเหมือนจะขอความเห็นใจ

“ที่นี่เป็นที่ที่ดีมาก พวกเรารีบเข้าไปกันเถอะ”กวียิ้มด้วยท่าทีใจดีแต่กลับไม่สนท่าทีกลัว ๆของมีนเลยสักนิด พอเห็นกวีทำท่าจะเดินเข้าไปแล้วมีนก็ได้แต่ฝืนเดินตามไปอย่างช่วยไม่ได้ จะให้แยกทางกันเพราะกลัวผีได้ยังไงกัน

“ชั้นหนึ่งไม่ค่อยมีอะไรมาก มีแค่ผีดิบทั่วไปเลเวลสี่สิบ พวกมันช้าแล้วก็นิ่มมากคงผ่านไปชั้นสองได้ไม่ยาก”เมฆพูดพลางชักดาบออกมาถือเตรียมพร้อมเอาไว้ ถ้ำผีดิบแห่งนี้อยู่ใกล้กับเมืองการ์กันก็จริงแต่ใกล้กับอีกเมืองมากกว่าทำให้มีผู้เล่นธรรมดาจากเมืองอื่น ๆมาเก็บเลเวลกันไม่น้อย ภายในถ้ำชั้นแรกเลยมีผู้เล่นเดินกันเต็มไปหมด แทบจะไม่มีอะไรให้พวกกวีทำเลย

“มีน.....ทำไมมาเดินใกล้แบบนี้ล่ะ”กวีถามพลางเหล่มองมีนที่เข้ามายืนด้านหลังตนเองไม่ห่างเสียอย่างนั้น ปกติมีนเป็นสายต่อสู้ระยะประชิดต้องยืนล้ำหน้ากวีไปนิดหน่อยถึงจะถูก

“เปล่าค่ะ.....”มีนตอบพลางส่ายหน้าช้า ๆ แต่สายตาก็ยังเหลือบไปมองเหล่าผีดิบที่กำลังต่อสู้กับปาร์ตี้อื่นไม่วางตา ภาพร่างมนุษย์ผิวซีดเซียวและมีรอยแผลที่ไร้เลือดไหลออกมานั้นดูน่ากลัวไม่น้อยเลย มันเหมือนได้เข้าไปอยู่ในหนังซอมบี้อย่างไงอย่างงั้นเลย

“แบบนี้จะไหวเหรอครับพี่กวี”เจถามพลางมองไปทางมีนด้วยท่าทีเป็นห่วง แม้ปากจะบอกว่าไม่มีอะไร แต่เธอกลัวอยู่ไม่ใช่หรือไง

“ถ้ามัวแต่กลัวแบบนี้ก็ทำหน้าที่ไม่ได้ไม่ใช่หรือไง”เมฆพูดพลางมองมาทางมีนด้วยท่าทีดุ ๆ หากคู่ต่อสู้เป็นพวกผีดิบแล้วจะสู้ไม่ได้เลยงั้นหรือ

“ขอโทษค่ะ”มีนตอบพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย ถึงจะเข้าใจว่ามอนสเตอร์พวกนี้เป็นแค่สิ่งจำลองขึ้นมาก็เถอะ แต่ความสมจริงของเกมสมัยนี้มันน่ากลัวมากจริง ๆนะ...

“อย่าเพิ่งเป็นห่วงคนอื่นเลย ตอนนี้เจต้องเป็นคนที่ทำใจเอาไว้มากที่สุดนะ”กวีหัวเราะออกมาก่อนจะยิงเวทมนตร์เข้าใส่ผีดิบที่เกิดขึ้นมาตรงหน้า

“เอ๋ ทำไมล่ะครับ”เจเลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัย ก่อนจะถือโล่เดินเข้าไปรับการโจมตีของผีดิบอย่างง่ายดาย

“เป้าหมายของเราอยู่ลึกลงไปที่ชั้นสี่ ที่นั่นมอนสเตอร์โจมตีแรงสุด ๆเลยล่ะ”กวียิ้มออกมาเหมือนกำลังแกล้งเจอยู่ไม่มีผิด สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ยอดนิยมในการเก็บเลเวลทำให้หาข้อมูลได้ไม่ยาก มอนสเตอร์ที่อาศัยอยู่ที่ชั้น 4 นั้นเป็นผีดิบที่มีร่างกายเป็นนักรบมาก่อน พวกมันเป็นทหารเกราะโลหะที่ภายในกลายเป็นผีดิบไปแล้ว นอกจากจะแข็งแกร่งเพราะมีชุดเกราะปกคลุม แต่ยังโจมตีได้รุนแรงจนผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่อยากเข้าไปในชั้น 4 กันเท่าไร

“พี่ว่าไงนะ”เจเบิกตากว้างด้วยท่าทีอึ้ง ๆ นึกว่าจะมาเก็บเลเวลที่ชั้น 2 อย่างที่คนอื่น ๆนิยมเสียอีก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด