Ep.348 - คนรู้จัก
4/4
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.348 - คนรู้จัก
“ฉิน … เฟิง?” ซงจินควงรู้สึกเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน
“ขอรับ เขาคือคนๆเดียวกับที่ได้รับแก่นอบิลิตี้จักรพรรดินกยูงเพลิงฟ้าไป เป็นตัวตนที่ยากจะต่อกร”
ซงจินควงหัวเราะเย็นชา
“ช่างเป็นปีศาจน้อยจอมละโมบ เขาไม่ควรได้รับทุกสิ่งอย่างแต่เพียงผู้เดียว”
“จริงอย่างที่ท่านพูด เหตุใดเจ้าเด็กคนนี้ถึงได้รับผลประโยชน์จากแหที่หว่านออกเพียงลำพัง และปัจจุบันเขายังครอบครองเทคนิคลับเหิงหลงที่บลัดฮันเตอร์ยอมขายให้ ยังไม่พอ เจ้าเด็กนี่น่าจะมีเมล็ดบัวพิสุทธิ์อยู่ในมือ! และสิ่งที่บลัดฮันเตอร์ขโมยไปจากตระกูลซงของเรา ล้วนถูกขาดทอดในตลาดมืดของเขา!”
สิ่งเหล่านี้ แม้ล่อตาล่อใจตัวตนเลเวล D มากมาย แต่ก็ไม่มีใครกล้าไปสร้างปัญหาแก่สถานชุมชนเฟิงหลี เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการยั่วยุฉินเฟิง เพราะสุดท้ายแล้ว ฉินเฟิงคือผู้ที่ได้รับแก่นอบิลิตี้จักรพรรดินกยูงเพลิงฟ้า ส่งผลให้อบิลิตี้ไฟของเขากลายพันธุ์เป็นสีฟ้า ดุดัน ร้อนแรงยิ่งกว่าเดิม
“อย่างงั้นหรือ …” สำหรับข้อนี้ ซงจินควงก็คิดว่าเป็นปัญหาเช่นกัน เขาไม่แน่ใจว่าหากลงมือ มันจะคุ้มค่าหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เป็นซงหยูหมังที่ยิ่งมายิ่งกระตุ้นความโลภอีกฝ่าย
“ยังไม่หมด จากข่าวที่ข้าได้มา พบว่าช่วงที่เขาประจำในปราการชาตง ฉินเฟิงล่าสังหารราชันย์สัตว์ร้ายไปมากมาย ทำธุรกรรมกับกลุ่มหวันซ่ง แลกเปลี่ยนซื้อขายแก่นอบิลิตี้ราชันย์สัตว์ร้ายกับแก่นพลังงาน เป็นมูลค่ากว่า 200,000 ล้านเหรียญ!”
ประกายสว่างวาบผ่านดวงตาของซงจินควง
“ข่าวนี้ยืนยันได้หรือไม่?”
“กว่า 8 ใน 10 ส่วนเชื่อถือได้ ช่วงเวลาทำธุรกรรมคือวันนี้ แต่ข้าไม่รู้ว่าเขาต้องการแก่นพลังงานทั้งหมดนั้นไปเพื่ออะไร” ซงหยูหมังกล่าว ในหัวใจของเขาเต้นแรง ตนรู้สึกได้ว่าใกล้โน้มน้าวให้ท่านผู้นำลงมือสำเร็จแล้ว “นี่ถือว่าโชคดีจริงๆ เพราะถ้าเงิน 200,000 อยู่ในบัญชีเขา ต่อให้ฆ่าเขาไปพวกเราก็ไม่มีทางได้มา แต่ตอนนี้ ฉินเฟิงนำมันไปแลกกับแก่นพลังงาน นั่นหมายความว่าในพื้นที่มิติของเขามีทรัพย์สินกว่า 2แสนล้านอยู่ในมือ …”
คราวนี้ กระทั่งซงจินควงก็ยังถูกล่อลวง
สำหรับผู้ใช้พลังเลเวล C แม้จะรายได้สูง แต่มันไม่สม่ำเสมอ ทั้งหมดล้วนมาจากการต่อสู้ไม่ก็ออกสำรวจ ซึ่งอาจจะกินเวลานานกว่าครึ่งปีถึงหนึ่งปี
อย่างไรก็ตาม ราคาของวัตถุดิบสัตว์ร้ายเลเวล C อย่างแก่นพลังงานระดับนายพลสัตว์ร้ายของมันมีมูลค่า 2,000 ล้านเหรียญ ส่วนแก่นพลังงานระดับราชันย์เลเวล C จะมีมูลค่ามากถึง 30,000 ล้านเหรียญ
กล่าวได้ว่าจำนวนเงิน 200,000 ล้าน มันเทียบเท่าได้เลยกับ 7 แก่นพลังงานราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล C
แต่ตราบใดที่สังหารคนๆเดียว ก็ไม่จำเป็นต้องทุ่มเททำงานหนัก ออกสำรวจเป็นเวลาหลายปี
สามารถคว้าพายเนื้อหวานฉ่ำจากฟากฟ้าได้อย่างง่าดาย
ซงจินควงไม่รอช้า ตัดสินใจเคลื่อนไหวทันที
ในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้สึกอิจฉาฉินเฟิงลึกๆในจิตใจ
“ดูท่าว่าฉินเฟิง มันต้องกุมความลับบางอย่างเก็บซ่อนเอาไว้อยู่แน่ๆ มิฉะนั้นคงไม่สามารถสั่งสมความมั่งคั่งได้ถึงขนาดนี้ คุ้มค่าแล้วให้ข้าลงมือด้วยตนเอง!”
ความละโมบกระพริบไหวในแววตาของซงหยูหมัง
เพราะยังไงเสีย ตระกูลซงเดิมก็เป็นตระกูลผู้ใช้วรยุทธชั่วร้ายอยู่แล้ว ดังนั้นเป็นเรื่องปกติที่จะใช้กำลังหาผลประโยชน์
อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าคราวนี้ พวกมันดันชนเข้ากับตอใหญ่ซะแล้ว
…
ในเมืองชาตง ฉินเฟิงกับลู่หวันเปาเชคแฮนด์ร่ำลา
“มิสเตอร์ฉิน หวังว่าพวกเราจะได้ทำธุรกิจกันอีกในอนาคต”
“แน่นอน และเรื่องนี้ต้องขอบคุณ คุณมากจริงๆ”
ลู่หวันเปายืนเฝ้ามองฉินเฟิงเดินจากไป ตนรู้ว่าลึกๆแล้วฉินเฟิงกำลังปิดซ่อนอะไรเอาไว้
“ฉินเฟิง เจ้าหนูคนนี้ ถ้าสามารถรอดชีวิตไปได้ … เติบใหญ่ไปถึงในอนาคต เขาคงไม่พ้นได้กลายเป็นหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ของโลกใบนี้อย่างแน่นอน”
ในยุคโลกาวินาศ การเติบใหญ่(ในแง่ผู้ใช้พลัง) เป็นกระบวนการที่ยากลำบากนัก
วิกฤตในทุ่งล่า ทำให้มนุษย์ต้องฆ่ากันเอง เหตุการณ์แบบนี้ก็เกิดขึ้นได้มากมาย
แต่เรื่องนี้มันใหญ่เกินไป ลู่หวันเปาไม่อาจทำอะไรได้ แต่อย่างน้อยเขาก็เตือนฉินเฟิงถึงเรื่องนี้
ย้อนกลับมาทางฉินเฟิง ในหัวใจของเขาฟุ้งไปด้วยความสุข ขณะกำลังขับรถสายฟ้าสีเงิน พาไป๋หลีกลับมายังอพาร์ตเมนต์
“พวกของนี้น่าจะมากพอแล้วที่จะช่วยวิวัฒนาการเธอไปถึงเลเวล C แค่นี้ฉันก็หมดห่วงแล้ว!”
ไป๋หลียกระดับเป็นเลเวล D คราวก่อน ก็เล่นเอาเงินในกระเป๋าฉินเฟิงแห้งไปครั้งนึงแล้ว และตอนนี้ ฉินเฟิงก็กลายเป็นคนยากจนอีกครั้ง
ทว่าหากมันช่วยให้ไป๋หลียกระดับขึ้นเป็นเลเวล C นี่ถือเป็นการรับประกันสองชั้นสำหรับเขา
ในคืนนั้น ฉินเฟิงปล่อยให้ไป๋หลีเข้าไปในเขตแดนสุสานเทพสงคราม คาดว่าเธอไม่น่าจะได้ออกมาสัก2 - 3 วัน
ระหว่างรอ ฉินเฟิงมิได้อยู่เฉย วันถัดมาเขาก็เริ่มออกล่าอีกครั้ง
ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!
อุปกรณ์สื่อสารสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง ฉินเฟิงก้มลงมอง และพบว่ามันเป็นสายฉุกเฉินจากปราการชาตง
“นายพลสัตว์ร้ายบุกชาตง! ผู้ใช้พลังเลเวล D ทั้งหมดโปรดกลับมาร่วมมือกันโดยด่วน”
ปราการชาตง คือสถานที่ๆสัตว์ร้ายสามารถบุกโจมตีได้ทุกเมื่อ
ฉินเฟิงไม่ได้อยู่ไกลจากชาตง ดังนั้นไม่ได้นำเมฆครามออกมา เขาระเบิดอบิลิตี้ สยายปีกเพลิงนกยูง และทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า ตรงไปยังทิศทางของเมือง
3-4 นาทีต่อมา สายตาของฉินเฟิงก็เห็นปราการชาตงอยู่ไกลๆ ไม่เพียงเท่านั้น ยังปรากฏฝูงสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ขึ้นอีกด้วย
“นั่นมันแมลงแมมมอธ!”
แมมมมอธ : คือสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่จากโลกยุคโบราณอันไกลโพ้น รูปลักษณ์คล้ายกับช้าง แต่มีขนและงาที่ยาวกว่า
และแมลงตนนี้ มันคือสิ่งมีชีวิตที่ได้รับสืบทอดเอกลักษณ์เฉพาะของแมมมอธมา มันมีสี่ขาที่ใช้เคลื่อนไหวได้อย่างกระฉับกระเฉง ขนยาวปกคลุมทั้งตัว บนปากมีงายาวราวกับช้าง ครอบครองพละกำลังมหาศาล กินจุจนน่าอัศจรรย์ใจ นอกจากนี้ยังอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม
จากในสายตา สามารถกะได้อย่างรวดเร็ว ว่าในฝูงมีแมลงแมมมอธอย่างน้อย 100 ตัว และหนึ่งในนั้นเป็นนายพลสัตว์ร้าย
เปรี้ยง!
หินบนพื้นแหลกละเอียด แมลงแมมอธตัวเล็กจะมีขนาดเท่ากับรถมินิแวน ส่วนแมลงตัวใหญ่จะมีขนาดพอๆกับรถบรรทุก
ปัง ปัง ปัง ปัง
กระสุนนับไม่ถ้วนสาดยิงออกไป ต่อกรกับฝูงสัตว์ร้ายกลุ่มมนี้ ปืนสลายอนุภาคก็ถูกยิงออกไป แต่สามารถสร้างได้เพียงรอยขีดข่วนบนร่างกายเท่านั้น
ผู้ใช้พลังในเลเวล D เป็นกำลังหลัก ส่วนเลเวล E กับ F กระจายอยู่ทั่วทั้งสนามรบ
ทันใดนั้นเอง ผู้ใช้พลังคนหนึ่งพลันสะดุดล้มลง แมลงแมมมอธตัวใหญ่สับเท้าเข้าหา งาช้างแทงทะลุผ่านผู้ใช้พลังโชคร้ายที่ไม่อาจหลบหนีได้ทัน
พรวดดด!
ช่วงลำตัวถูกเจาะ ลำไส้ไหลทะลักออกมา
แมลงแมมมอธตัวใหญ่สะบัดหัวโยนศพออกไปอีกทาง ร่างไร้วิญญาณของผู้ใช้พลังลอยไปตกลงกลางฝูงแมลง และถูกพวกแมลงแมมมอธกัดกินไปในพริบตา
สนามรบก็เป็นอะไรที่โหดร้ายแบบนี้
“เทคนิคมังกรไฟ!”
ร่างของฉินเฟิงที่อยู่ห่างจากฝูงแมลงแมมมอธราวๆ 100 เมตร พลันเร่งเร้าพลังสมาธิ มังกรเพลิงผงาดขึ้นกลางอากาศ อ้าปากโฉบลงไปกลางดงของพวกมัน
โฮกกก!
มังกรไฟคำราม งับเข้าใส่นายพลแมลงแมมมอธทันที
“อย่าอยู่เลย!”
มีดกษัตริย์ครามในมือฉินเฟิงสาดแสงไฟสว่างไสวออกมา ตัดเฉือนเข้าใส่ร่างของนายพลแมลงแมมมอธ
“ปุ …”
เลือดสีขุ่นทะลักออกมา ลำตัวของนายพลแมลงแมมมอธ ถูกหั่นแยกเป็นซีกโดยฉินเฟิง!
นายพลแมมมอธเดิมคิดขัดขืน ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าพละกำลังของฉินเฟิง มันย่อมมิอาจต่อกร
ช่วงเวลาผ่านพ้นไปเพียงดีดลูกคิด นายพลสัตว์ร้ายก็ถูกกำจัดลง
ต่อมา ร่างของฉินเฟิงวูบไหวไปทั่วทั้งสนามรบ หนึ่งคมมีดเก็บเกี่ยวหนึ่งชีวิต โฉบไปตรงโน้นทีตรงนี้ที ภายในเวลาไม่กี่นาที ตลอดทั้งผืนทรายก็ล้นไปด้วยร่างไร้วิญญาณของแมลงแมมมอธ
“ฉินเฟิง หลังจากที่คุณมาเยือนปราการชาตง งานของพวกเราง่ายขึ้นเยอะเลย”
หูเหลียงเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มกว้าง การต่อสู้ที่สมควรยากลำบาก พอมีฉินเฟิงเข้าร่วม ก็กลายเป็นง่ายราวกับปอกกล้วย
“ผมก็แค่ทำในสิ่งที่ควรท--” ฉินเฟิงสะอึกไป น้ำเสียงพลันขาดห้วง
เพราะในความรู้สึกอันเฉียบคมของเขา มันรับรู้ได้ถึงสายตาอันตรายที่ตรึงลงมา!
ทั้งคนทั้งร่างของฉินเฟิงแข็งค้างไป
เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้น และพบกับใบหน้าที่แสนคุ้นตา
**ดึกๆจะมีตอนพิเศษลงเพิ่มให้ครับ ห้ามเร่งนะครับ