ย้อนชีวิตพิชิตเซียน - บทที่ 2 : กระดูกหัก
บทที่ 2 : กระดูกหัก
หลี่ตันนั่งร้องห่มร้องไห้เช็ดน้ำตาอยู่นาน ในที่สุดก็กัดฟันและกำหมัดแน่น พร้อมกับบอกตัวเองว่าเธอจะต้องไม่ร้องไห้ และต้องเข้มแข็งเผชิญหน้ากับทุกสิ่ง เพราะเธอเป็นคนที่ไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆอยู่แล้ว
คนอย่างโจวเทียนห่าวไม่ใช่เจ้าชายที่มากด้วยเสน่ห์ เธอจึงยืนกรานปฏิเสธไม่ยินยอมทำตามที่เขาต้องการ
ในยามค่ำคืนเช่นนี้ ในห้องดับจิตที่ไม่มีแม้แต่แมลงสักตัว อีกทั้งยังเย็นยะเยือกจนน่าขนหัวลุก เสียงลมที่พัดหวีดหวิวยิ่งพัดเอาความเย็นภายในห้องดับจิตให้เพิ่มสูงขึ้น หลี่ตันถึงกับขนลุกขนชัน
ตามทางเดินภายในห้องดับจิตนั้น หลี่ตันค่อยๆ ดันรถเข็นที่มีร่างแน่นิ่งของซูอานนอนอยู่เข้าไปด้านใน
ไม่ว่าซูอานจะร้องตะโกนมาตลอดทางอย่างไร หลี่ตันก็ดูเหมือนจะไม่ได้ยินเสียงของเขาเลยแม้แต่น้อย จนในที่สุดซูอานก็ล้มเลิกความพยายาม
ภายในห้องดับจิตนั้นเป็นพื้นที่โล่ง ที่ผนังด้านหนึ่งถูกออกแบบให้เป็นช่องสำหรับแช่ศพ บนโต๊ะกลางห้องมีศพที่ตายโดยธรรมชาตินอนอยู่สองศพ
หลี่ตันรู้สึกเห็นใจซูอานอย่างมาก เพราะเขาตายอย่างไร้ความยุติธรรม หากสามารถช่วยได้ทันเวลาก็พอมีความหวังที่จะรอดชีวิตได้ เรื่องของซูอานยังทำให้เธอนึกถึงเรื่องราวของตนเองด้วย
ทันทีที่พยาบาลสาวเปิดช่องแช่ศพออกมา ไอเย็นก็ระเหยออกมาปะทะเข้ากับใบหน้าของเธอทันที หลี่ตันรู้สึกหนาวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จนต้องล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเพิ่มความอบอุ่น แต่สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้คือ หัวใจของเธอกำลังเต้นอย่างรุนแรง
พยาบาลสาวฝึกหัดในวัยเพียงแค่ยี่สิบปี กลับต้องเข้ามาภายในห้องดับจิตเพียงคนเดียวเช่นนี้ มีหรือที่จะไม่รู้สึกหวาดกลัวจนขนหัวลุก
ระหว่างที่เห็นหลี่ตันกำลังจะนำร่างของตนเข้าไปในช่องเก็บศพนั้น ซูอานก็โกรธจนหน้าดำหน้าแดง เพราะหากร่างของเขาถูกนำเข้าไปเก็บในช่องสี่เหลี่ยมนั้นจริงๆ เขาก็คงจะไม่สามารถกลับออกมาได้อีกเป็นแน่ ถ้าจะออกมาได้จริงๆ ก็คงจะต้องเป็นตอนนำร่างไปฝังดินนั่นเอง
หลี่ตันยืนโค้งคำนับให้กับร่างไร้วิญญาณของซูอานเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อศพ และขอให้วิญญาณของเขาไปสู่สุขติ
แต่ในเวลานั้นเอง แสงไฟสลัวก็ได้ดับพรึบลง ห้องทั้งห้องจึงตกอยู่ในความมืดสนิท!
และในจังหวะเดียวกันนั้นเอง ก็มีมือข้างหนึ่งเอื้อมมาจับแขนของเธอไว้ หลี่ตันถึงกับยืนตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ และไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้อีกเลย มีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นรัวราวกับเสียงกลอง
หากใครได้มาเห็นสีหน้าของนางพยาบาลสาวในตอนนี้ ก็คงจะเห็นเพียงใบหน้าที่ซีดราวไก่ต้ม และแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดผวา
“ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะคะ! ฉันกลัวแล้ว!”
เวลานี้หลี่ตันทำได้เพียงแค่ร้องของความเมตตาต่อสิ่งที่มองไม่เห็น เพราะเวลานี้เธอไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกแล้ว
แสงไฟกระพริบติดๆดับๆอยู่อีกราวสองสามครั้ง จากนั้นจึงกลับมาส่องสว่างเช่นเดิม
ซูอานที่ควรจะต้องนอนอยู่บนรถเข็นศพ กลับลุกขึ้นนั่งตัวตรง!
“ผะ – ผี!!”
จากนั้นร่างของหลี่ตันก็ค่อยๆทรุดลงกับพื้น แขนขาอ่อนแรง ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและสยดสยอง
“แม่นาง.. อย่าได้ร้องเอะอะเสียงดังไป หากมีผู้ใดมาได้ยินเข้า จะคิดว่าข้าทำเรื่องเสื่อมเสียต่อเจ้า!”
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ! ฉันไม่ได้เป็นคนทำให้คุณตาย!”
หลี่ตันจ้องมองซูอานด้วยความหวาดกลัวสุดขีด ร่างทั้งร่างของเธอสั่นเทาไปหมด
เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ของพยาบาลสาว สีหน้าของซูอานพลันเปลี่ยนไปทันที เวลานี้ใบหน้าของเขาเหลือเพียงความโกรธแค้นและเย็นชา สายตาของเขาเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายสังหารรุนแรง
“เรื่องนั้นข้าย่อมรู้ดี เจ้าไม่ใช่ผู้ที่ลงมือสังหารข้า!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยฉันไปเถอะนะคะ! ฉันกลัวแล้ว!” เสียงร้องอ้อนวอนขอชีวิตนั้นสั่นสะท้านรุนแรง
“เจ้าสงบสติแล้วฟังข้าอธิบายก่อนจะได้หรือไม่? ข้าไม่ใช่ผี และข้าก็ยังไม่ตาย!”
ซูอานหมดหนทาง แม้เขาจะพูดความจริงออกไป แต่เรื่องเช่นนี้ก็ยากนักที่จะมีผู้ใดเชื่อ!
“คุณจะไม่ใช่ผีได้ยังไง? ก็คุณตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ถ้าข้าตายไปแล้ว จะมานั่งพูดคุยกับเจ้าเช่นนี้ได้อย่างไรกันเล่า? หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองจับเส้นชีพจรกับหัวใจของข้าดูได้ มันยังเต้นอยู่ทั้งสองอย่าง แต่ตอนนี้ร่างกายของข้าอาจจะเย็นกว่าคนปกติ..”
และในเวลานั้นเอง หลี่ตันก็เริ่มรู้สึกว่าลมหายใจของซูอานที่ไหลรินออกมานั้นมีไออุ่น เธอจึงรีบเอื้อมมือไปแตะที่หน้าอกของซูอาน และพบว่าหัวใจของเขายังเต้นอยู่จริงๆ
“นี่คุณยังไม่ตายจริงๆเหรอ?”
“ถูกต้อง ข้ายังไม่ตาย!”
“คุณยังไม่ตายจริงๆด้วย!!”
ดวงตาคู่สวยของหลี่ตันนั้นเบิกโพลงอย่างไม่อยากจะเชื่อ!
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นเด็กดี อย่าได้กังวลเรื่องของโจวเทียนห่าว ข้าจะสะสางเรื่องนี้ให้กับเจ้าเอง!”
หลี่ตันส่ายหน้าพร้อมกับตอบไปว่า “ผู้อำนวยการโจวมีอำนาจล้นฟ้า ครอบครัวของเขาร่ำรวยมหาศาล พ่อของเขาเป็นถึงเจ้าของบริษัท ไห่เทียน กรุ๊ปที่ยิ่งใหญ่”
“เจ้าอย่าได้กังวลใจไป ในสายตาของข้าคนพวกนั้นไม่ต่างจากมดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น”
“คุณถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส อย่าเพิ่งขยับเขยื้อนนะคะ ฉันจะรีบโทรตามหมอก่อน!”
“ไม่ต้อง!” ซูอานโบกมือพร้อมกับปฏิเสธ “เวลานี้ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว!”
“ห๊ะ?! จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง?!”
หลี่ตันไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน เพราะตอนที่เขาถูกนำตัวมาส่งโรงพยาบาลนั้น อวัยวะภายในของเขาได้รับความเสียหายอย่างมาก ต่อให้ไม่เสียชีวิต ก็ต้องไม่ฟื้นตัวเป็นปกติได้รวดเร็วขนาดนี้
แต่ซูอานกลับไม่เปิดโอกาสให้หลี่ตันถามอะไร เขาลุกขึ้นคว้าแขนของเธอ และพาเดินออกไปจากห้องดับจิตทันที
ทั้งคู่เดินมาถึงอาคารด้านในของโรงพยาบาล และเวลานี้ก็ดึกแล้วจึงไม่มีคนไข้พลุกพล่านเหมือนเมื่อตอนกลางวัน
หลี่ตันเริ่มกระวนกระวายใจ เพราะเธอรู้ว่าซูอานกำลังคิดที่จะทำอะไร? และเวลานี้เธอก็กำลังนึกถึงโจวเทียนห่าวเพียงคนเดียว
หลี่ตันพยายามห้ามซูอานไปตลอดทาง แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล เพราะซูอานไม่ฟังคำพูดของเธอเลยแม้แต่น้อย
ในฐานะที่เป็นถึงจักรพรรดิเสียนอู่ ในเมื่อเขาได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งเพื่อแก้แค้น และนี่จะเป็นการแก้แค้นครั้งแรกของเขาบนโลกใบนี้
ทั้งสองคนขึ้นไปถึงชั้นสิบหกของโรงพยาบาล ซึ่งเป็นชั้นสำหรับใช้ทำการผ่าตัด และโจวเทียนห่าวก็พักอยู่บนชั้นนี้
ซูอานยังคงลากแขนหลี่ตันให้เดินตามเขาไป เวลานี้เธอตกใจกลัวจนเหงื่อไหลท่วมมือไปหมด
“มีข้าอยู่ด้วยเจ้าไม่ต้องกลัว!”
คำพูดเพียงแค่ประโยคสั้นๆ ก็แสดงถึงความเป็นสุภาพบุรุษของซูอาน
“เขาอยู่ห้องใด?”
หลี่ตันยกมือขึ้นชี้ไปอย่างกล้าๆกลัวๆ
ทั้งสองคนเดินตรงไปที่หน้าห้อง ซูอานหันกลับมามองหน้าหลี่ตันก่อนจะยกมือขึ้นเคาะประตู
“ซูอาน ผู้อำนวยการโจวอาจจะกลับไปแล้วก็ได้นะ!”
“เจ้าตะโกนเรียกเขา!”
หลี่ตันจ้องมองแววตาที่ดุดันของซูอานด้วยความหวาดกลัว ร่างของเธอสั่นสะท้าน และรีบทำตามที่เขาสั่งทันที
“ผู้อำนวยการโจวคะ อยู่ข้างในมั๊ยคะ?”
หลี่ตันร้องเรียกผู้อำนวนการโจวด้วยหัวใจที่เต้นระทึก หัวใจของเธอเต้นเร็วราวกับจะหลุดออกมานอกร่างกายให้ได้
แต่โจวเทียนห่าวกลับไม่ยอมตอบ เขายังโกรธหลี่ตันไม่ยินยอมเมื่อครู่ แต่หลังจากที่ระงับความโกรธได้แล้ว เขาจึงร้องตะโกนตอบกลับไป
“เข้ามาได้!”
หลี่ตันเปิดประตูและเดินตรงเข้าไปข้างในพร้อมกับซูอาน ทันทีที่เห็นหลี่ตันเดินเข้ามา แววตาของโจวเทียนห่าวก็เป็นประกายขึ้นมาทันที พร้อมกับพูดจาเย้ยหยัน
“หึ.. ผมคิดอยู่แล้วว่าคุณก็แกล้งทำเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ไปแบบนั้นเอง ผ่านไปแค่สองชั่วโมงก็ยอมแล้วเหรอ?”
หลี่ตันไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าโจวเทียนห่าว เธอก้มหน้าลงคล้ายกับยอมจำนน แต่เมื่อโจวเทียนห่าวลุกขึ้นยืน เขาก็เพิ่งสังเกตเห็นว่ามีใครบางคนยืนอยู่ข้างหลี่ตัน
“แกเป็นใคร?”
แต่หลังจากที่โจวเทียนห่าวพูดจบ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นตกใจสุดขีดทันที สีหน้าของเขากำลังบอกว่าไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ตนกำลังเห็น
“นี่แก.. แกยังไม่ตายเหรอ? นี่แกรอดมาได้ยังไง?”
ซูอานแสยะยิ้มมุมปาก สีหน้าของเขาที่แสดงออกเวลานี้ไม่ต่างจากปีศาจร้าย
“เจ้าเองน่าจะรู้ดีที่สุดมิใช่รึ?”
โจวเทียนห่าวมีอาการตกใจสุดขีด คนไข้ที่เขาประกาศว่าเสียชีวิตแล้ว แต่ตอนนี้กลับมายืนอยู่ต่อหน้าเขา สิ่งที่โจวเทียนห่าวกำลังคิดอยู่ในตอนนี้คือ ซูอานเป็นวิญญาณที่กำลังมาตามเอาชีวิตเขา!
ซูอานไม่รอให้โจวเทียนห่าวมีโอกาสได้รวบรวมสติ เขาจัดการซัดท่อนแขนใส่หน้าของโจวเทียนห่าวจนร่างลอยไปกระแทกกับโซฟาด้านหลัง
จากนั้นซูอานก็กำหมัดเดินตรงเข้าไปกระหน่ำชกเข้าที่ใบหน้าของโจวเทียนห่าวราวกับสายฝน เขาระดมความโกรธชกเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง
“ซูอาน หยุดเดี๋ยวนี้นะ! คุณกำลังจะฆ่าโจวเทียนห่าวแล้ว!”
ซูอานไม่รู้ว่าตนกระหน่ำรัวหมัดเข้าไปที่ใบหน้าของโจวเทียนห่าวกี่ครั้ง? เพราะเขาถึงกับสลบเหมือดอยู่ภายใต้หมัดของตน
ซูอานจ้องมองร่างของโจวเทียนห่าวที่ถูกเขาทำร้ายจนแน่นิ่งไป พร้อมพูดออกมาด้วยน้ำสียงดุดัน “ครั้งนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! แต่หากมีครั้งหน้า ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะ!”
แต่ความจริงแล้วที่ซูอานยอมปล่อยโจวเทียนห่าวไปนั้น เพราะเขาเพิ่งรู้ว่าร่างกายที่เขาใช้อยู่นี้อ่อนแอเกินไป เพียงแค่ชกไปไม่กี่หมัดกระดูกมือของเขาก็แตกเสียแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาต้องสังหารโจวเทียนห่าวในครั้งนี้เป็นแน่!
*****
[ฝากนิยายแปลอีกเรื่องของทีมงานนะคะ: จักรพรรดิ์เทพมังกร ]
จักรพรรดิเทพมังกร
(Dragon Emperor - Martial God)
ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด
จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..
******