ตอนที่ 79 อัจฉริยะหมิงซี่หยิน
ตอนที่ 79 อัจฉริยะหมิงซี่หยิน
กลุ่มอ่านนิยายเปิดแล้ว [ตอนที่ 81-140] : ND Translate นิยายแปลไทย
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะส่ายหัวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เล่งลั้วเป็นชายที่มีอายุน้อยกว่าจี่เทียนเด๋า 200 ปี แต่อย่างไรก็ตามเมื่อ 300 ปีก่อน เล่งลั้วได้กลายเป็นมหาวายร้ายที่ก่อความชั่วทุกอย่างเท่าที่จะจินตนาการได้ เขาสร้างชื่อเสียงอันชั่วร้ายในโลกของยุทธภพ เขาทั้งฆ่าฟัน ปล้นชิง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเขาทำเขามักจะทำตามลำพัง ชายคนนี้ก่อกรรมทำชั่วมาแล้วมากมายด้วยตัวของตัวเอง และถึงแม้ว่าเหล่าผู้ฝึกยุทธกว่าพันคนจะไล่ล่าตัวเขาแต่ถึงแบบนั้นเขาก็สามารถเอาชีวิตรอดมาได้เสมอ และเพราะเหตุนี้เองเล่งลั้วจึงเคยมีชื่ออยู่บนอันดับสูงสุดของบัญชีดำ
จีเทียนเด๋าเคยต่อสู้กับชายคนนี้มาก่อน แม้ว่าจีเทียนเด๋าจะอายุมากกว่าแต่ในตอนที่ได้สู้กันตอนนั้น ตัวเขายังไม่ได้พลังสุดยอดเหมือนกับพลังในร่างจุดสูงสุด ในตอนที่ตัวเขาฝึกฝนตัวเองจนได้พลังสูงสุดมาครอบครอง ในตอนนั้นจีเทียนเด๋าก็เริ่มออกแสวงหาลูกศิษย์ด้วยความพยาบาท ในตอนนั้นชื่อของภูเขาทองในนามของศาลาปีศาจลอยฟ้าก็ได้สร้างความตื่นตกใจไปทั่วทั้งมุมโลก ไม่นานนักจีเทียนเด๋าก็ได้เป็นชื่อที่อยู่บนอันดับสูงสุดในบัญชีดำ และในตอนนั้นเองเล่งลั้วก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ในโลกใบนี้มีเพียงผู้ที่สามารถฝึกฝนตัวเองจนมีวรยุทธอันกล้าแกร่งได้ถึงจะมีอายุยืนได้ถึง 300 ปี เป็นเรื่องธรรมดาที่คนรุ่นใหม่จะไม่เคยได้ยินชื่อของชายที่ชื่อว่าเล่งลั้ว
300 ปีที่แล้ว วรยุทธของชายที่มีชื่อว่าเล้งลั่วอยู่ในขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ ในตอนนั้นเขาสามารถใช้พลังร่างอวตารดอกบัวทั้งหกแห่งร้อยวิถีได้ และในตอนนี้เวลาก็ได้ผ่านมากกว่า300 ปีแล้ว วรยุทธของเขาจะไปถึงขั้นไหนแล้ว? ยังไงซะเจ้านั่นก็ต้องแข็งแกร่งกว่าหมิงซี่หยินที่เพิ่งจะฝึกฝนตัวเองถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้อยู่แล้ว ศึกในครั้งนี้หมิงซี่หยินคงไม่อาจที่จะคว้าชัยมาได้
ลู่โจวได้พูดออกมาอย่างจริงจัง "ฝากไปบอกศิษย์พี่สี่ของเจ้าด้วย บอกว่าชายคนนั้นอันตรายมาก ระวังตัวเองไว้ซะ"
"อันตรายอย่างงั้นหรอ? "
เมื่อหยวนเอ๋อได้ยินแบบนั้นเธอก็กะพริบตาก่อนที่จะถามกลับมา "ท่านอาจารย์ พวกเราควรจะเรียกตัวศิษย์พี่สี่กลับมาดีไหมคะ? "
ลู่โจวได้ส่ายหัวปฏิเสธไป "ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอก"
หมิงซี่หยินเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ เขาได้ฝึกฝนโดยการถูกทรมานโดยจีเทียนเด๋ามากว่าหลายปีด้วยความเกลียดชัง เพราะแบบนั้นแล้วเขาคงไม่เสียท่าง่ายๆ หรอก
ในตอนที่สำนักเที่ยงธรรมและสำนักดาบสวรรค์ได้บุกล้อมโจมตีภูเขาทองก่อนหน้านี้ แม้แต่ศิษย์คนที่สามอย่างด้วนมู่เฉิงเองก็ถูกจับตัวไป แต่ถึงแบบนั้นหมิงซี่หยินกลับหนีรอดไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เขาทำเป็นเพียงการส่งข้อความหาเล่งลั้วเท่านั้น แม้ว่าตัวเขาอาจจะเจอเรื่องยุ่งยากเข้า แต่การที่จะจับตัวหมิงซี่หยินเอาไว้คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ แม้แต่ลู่โจว ถ้าหากเขาไม่มีของพิเศษอย่างการ์ดความสามารถต่างๆ ตัวเขาเองก็คงจะไม่สามารถควบคุมหมิงซี่หยินได้ง่ายๆ เช่นกัน
ลู่โจวได้แต่คิดกับตัวเอง 'เล่งลั้วอาจจะฝึกฝนตัวเองจนใช้พลังร่างอวตารดอกบัวทั้งเจ็ด ไม่สิอาจจะใช้ได้ถึงดอกบัวทั้งแปดเลยก็ได้ แต่วรยุทธของชายคนนั้นคงจะไม่มากกว่าตัวฉันในร่างสุดยอดหรอก! ' นอกจากจะกังวลกับระดับพลังวรยุทธแล้วลู่โจวยังกังวลถึงกลอุบายที่เล่งลั้วได้วางเอาไว้ ในตอนนี้ชายคนนั้นได้ใช้ชื่อฝานกุยเหวินไปเป็นที่เรียบร้อยหลังจากที่เวลาได้ผ่านมากกว่า300 ปี
…
วันต่อมา ที่ทางทิศตะวันออกของเมืองแห่งหนึ่ง
กลุ่มทหารที่สวมใส่ชุดเกราะสีดำและสวมใส่หน้ากากได้ขี่ม้าตัวใหญ่ของพวกเขาไปตามถนนทางเดิน
ชาวบ้านทั้งหลายต่างก็รีบกระจัดกระจายไปยังด้านข้างเพื่อที่จะหลีกทางให้กับกลุ่มทหารกลุ่มนี้
มีเพียงผู้ฝึกยุทธเท่านั้นที่ได้จ้องมองพวกทหารมาจากระยะไกลก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำธุระของตน
ไม่มีใครกล้าที่จะขวางทางเหล่าทหารชุดดำที่อยู่บนสัตว์ขี่พวกนี้
กลุ่มทหารกลุ่มนั้นได้หยุดลงที่หน้าประตูเมือง
ที่ด้านหน้าของกลุ่มทหารมีอัศวินชุดดำสามคนด้วยกันกำลังนำหน้าเหล่าทหารอยู่ พวกเขาทั้งหมดดูแตกต่างจากทหารส่วนใหญ่อย่างสิ้นเชิง
มีข่าวลือว่าอัศวินชุดดำทั้งสามคนนั้นเป็นอัศวินที่ทรงพลังที่สุดในหมู่มวลของอัศวินดำ ผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดทั้งสี่คนเป็นที่รู้จักกันดีในนามว่าสี่อัศวินดำ อัศวินดำแต่ละคนนั้นมีความสามารถพิเศษเฉพาะตัวและนอกจากนี้พวกเขายังมีพื้นฐานพลังวรยุทธที่ลึกล้ำอีกด้วย ไม่มีใครรู้เลยว่าพวกเขาแข็งแกร่งมากแค่ไหน
อัศวินดำที่อยู่ริมซ้ายสุดได้พูดขึ้น "พี่สามจะใช้เวลานานแค่ไหนกัน? "
"การยิงธนูของเจ้าสามน่ะไม่มีใครเทียบเคียงได้ภายในใต้หล้านี้ เป้าหมายที่โชคร้ายที่อยู่ในรัศมีของธนูน่ะได้แต่ต้องรอความตายเท่านั้น การจะจัดการกับคนทรยศของเมืองแห่งนี้น่ะไม่ใช่เรื่องยากของเจ้านั่นหรอก"
"ภารกิจของพวกเราที่เมืองแห่งนี้น่ะถือว่าลุล่วงเป็นที่เรียบร้อย พวกเราทั้งสี่ควรจะไปฉลองกันให้หนำใจซะก่อน หลังจากฉลองกันให้ถึงใจแล้วพวกเราค่อยกลับเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ก็แล้วกัน"
"ข้าก็คิดเหมือนหัวหน้า"
ในตอนนั้นเองพวกเขาก็ได้ยินเสียงลูกธนูที่กำลังเสียดสีกับอากาศพุ่งมาอย่างรวดเร็ว
ฟึ่บ!
ลูกธนูได้พุ่งตรงเข้าใส่ประตูเมือง ที่ปลายของลูกธนูมีหัวมนุษย์ติดอยู่ด้วย
อัศวินดำทั้งสามดูไม่ได้ตื่นตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย พวกเขาทั้งหมดได้แต่พยักหน้าอย่างพึงพอใจเท่านั้น
"สมแล้วที่เป็นพี่สาม! "
"การยิงธนูของเจ้านั่นเป็นเลิศในปฐพีจริงๆ "
อัศวินดำทั้งหมดมองไปยังสุดสายตา ในตอนนั้นเองมีอัศวินดำคนหนึ่งกำลังพุ่งตรงมาหาพวกเขา ที่ด้านหลังของชายคนนั้นมีคันธนูสีเงินและที่ใส่ลูกธนูถูกพาดเอาไว้ คนคนนี้คือหนึ่งในสี่อัศวินดำ เขาเป็นผู้ใช้ธนูที่เก่งที่สุดนั่นเอง
ผู้นำของสี่อัศวินดำได้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ "รีบรายงานกลับไปที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ซะ! "
"รับทราบ! "
อัศวินดำทั้งหมดได้แห่งออกจากประตูเมืองไปอย่างสง่าผ่าเผย
เสียงกีบเท้ามาบดกับเสียงพื้นดินได้ดังขึ้น ฝุ่นควันทั้งหลายที่ลอยคละคลุ้งไปบนอากาศ ในตอนนี้อัศวินดำทั้งหมดกำลังเดินทางกลับเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว
เมื่อกองอัศวินเดินทางผ่านป่าแห่งหนึ่งไป ในตอนนั้นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมก็ได้ดังก้องในหูของพวกเขา
ฮี๊!
ผู้นำอัศวินดำได้ดึงบังเหียนม้าเอาไว้ก่อนที่จะยกมือขึ้นส่งสัญญาณ
อัศวินดำทั้งหลายต่างก็ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี พวกเขาทั้งหมดหยุดม้าได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อพวกอัศวินทั้งหลายได้ยินเสียงหัวเราะ อัศวินดำคนที่สามผู้ที่มีทักษะสุดยอดในการใช้ธนูก็ได้กระโดดขึ้นไปบนอากาศในทันที เขาได้หันไปมองรอบๆ ตัว และถ้าหากอัศวินดำคนนี้ได้พบกับเจ้าของเสียงหัวเราะเมื่อไหร่เขาก็จะสามารถปล่อยลูกธนูออกไปโจมตีได้ในทันที
แต่ถึงแม้ว่าเสียงหัวเราะจะจางหายไปแล้วแต่ในตอนนี้ก็ยังไม่มีใครปรากฏตัวขึ้นอยู่ดี
"ใครมากล้าขวางทางกัน? " ผู้นำของเหล่าอัศวินดำได้พูดออกมาอย่างเข้มแข็ง
ด้วยเหตุผลอะไรที่ไม่อาจรู้ได้ อัศวินดำทั้งหมดรู้สึกไม่สบายใจเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะอันแปลกประหลาดนี้ อัศวินดำเหล่านี้คุ้นเคยกับการทำภารกิจมืดมาแล้วหลายครั้ง พวกเขาได้ผ่านการต่อสู้มาจนไม่อาจนับได้ แต่ครั้งนี้เพียงแค่เสียงหัวเราะเท่านั้นก็ทำให้พวกเขารู้สึกกังวลได้
เสียงหัวเราะได้ดังกว่าเดิม
"เจ้าสาม เร็วเข้า! "
"รับทราบ! "
'ตั้งสมาธิ จับทิศทางของเสียงหัวเราะ'
ฟรึ๊บ!
อัศวินดำคนที่สามแห่งสี่อัศวินดำได้ยินลูกธนูลอยไปตามทิศทางของเสียง ลูกธนูทั้งหลายที่ได้ยินออกไปหายเข้าไปในกลุ่มพุ่มไม้ ลูกธนูทั้งหมดถูกหุ้มไปด้วยพลังลมปราณ
ไม่มีเสียงอะไรโต้ตอบกลับ
"ยิงโดนไหม? "
มีเพียงผู้ใช้ธนูอย่างอัศวินดำคนที่สามเท่านั้นถึงจะรู้คำตอบได้
อัศวินดำคนที่สามขมวดคิ้ว เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่สุดท้ายแล้วจะโต้ตอบกลับมา "ไม่! " สัญชาตญาณชั้นสูงของผู้ใช้ธนูได้บอกอัศวินดำคนนั้น
"คนคนนี้จะต้องเป็นผู้มีวรยุทธระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์แน่! "
อัศวินดำทั้งสี่เปลี่ยนมารวมตัวกันเพื่อป้องกันการโจมตี
เสียงหัวเราะได้ดึงขึ้นเป็นครั้งที่สาม ครั้งนี้มันดังพร้อมกับคำพูดเย้ยหยัน "ยิงได้ดีนิ"
อัศวินดำคนหนึ่งได้ตะโกนออกไป "ใครอยู่ที่นี่กัน? "
เสียงของคนคนนั้นได้ดังขึ้นในอากาศ "ข้าคือศิษย์จากศาลาปีศาจลอยฟ้าแห่งภูเขาทอง...หัวหน้าของพวกเจ้า หัวหน้าอัศวินดำฝานซุยเหวินอยู่ไหนกัน? "
อัศวินดำทั้งสี่ต่างสบตากัน แม้ว่าพวกเขาจะสวมใส่หน้ากากที่ปกปิดใบหน้าอยู่ แต่ถึงแบบนั้นแค่ดวงตาก็ทำให้เขาทั้งสี่สัมผัสได้ถึงความประหลาดใจของกันและกัน
ไม่มีในคนในโลกนี้ที่ไม่รู้จักศาลาปีศาจลอยฟ้า
"เอาล่ะสหายผู้มาจากศาลาปีศาจลอยฟ้าเอ๋ย..."
เมื่อได้ยินแบบนั้นเจ้าของเสียงลึกลับก็ได้พูดกลับมาอย่างเย้ยหยัน "สหายอย่างงั้นหรอ? เสียงที่ดังขึ้นมันดังขึ้นมาจากทั่วทุกทิศทาง ในตอนนั้นเองต้นไม้ที่อยู่รอบๆ ก็ได้สั่นไหวเช่นกัน"
"ฝานซุยเหวินอยู่ที่ไหนกัน? " เจ้าของเสียงลึกลับนี้ก็คือหมิงซี่หยิน ลูกศิษย์คนที่สี่ของศาลาปีศาจลอยฟ้า
หมิงซี่หยินไม่ได้เป็นคนที่ฉลาดเฉลียวอย่างเดียวเท่านั้น แต่เขาคนนี้เป็นคนที่มีไหวพริบเป็นพิเศษอีกด้วย สถานที่แห่งนี้คือป่า เป็นสถานที่ที่คนใช้เคล็ดวิชาเวหาพงพนาได้เปรียบมากที่สุด ในป่าแห่งนี้แม้แต่ผู้ฝึกยุทธระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ผู้ที่มีพลังร่างอวตารดอกบัวทั้งหกแห่งร้อยวิถีเองก็ยังไม่สามารถจับตัวเขาได้ ในที่แห่งนี้เขาคือราชา!
"ท่านหัวหน้าน่ะอยู่ที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ เจ้าน่ะมีธุระอะไรกัน? "
หมิงซี่หยินที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกไม่พอใจ ตัวเขาได้สอบถามอัศวินดำมาแล้วมากมายหลายคนที่ทำภารกิจอยู่ทางด้านเมืองทางตะวันออก หลังจากที่ได้เบาะแสมาแล้วเขาก็รออยู่ที่ป่าแห่งนี้ตลอดทั้งวัน ป่าแห่งนี้กลุ่มอัศวินดำจะต้องเดินผ่านมา หมิงซี่หยินที่รอมาทั้งวันได้แต่คิดกับตัวเอง 'นี้ข้ารออัศวินดำทั้งสี่ทั้งวันเพื่อที่จะฟังอะไรที่เปล่าประโยชน์อย่างงั้นหรอ? '
"ฟังข้าซะ ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าสามวันเท่านั้น บอกเจ้านั่นว่าศาลาปีศาจลอยฟ้าต้องการพบตัว ฝานซุยเหวิน ถ้าหากชายคนนั้นไม่ยอมปรากฏตัวขึ้น ชะตาของพวกเจ้าทั้งหมดจะต้องเป็นเหมือนกับต้นไม้ต้นนี้! "
ทันใดนั้นเองต้นไม้ที่สูงตระหง่านตั้งอยู่ที่ใจกลางป่าก็ได้ล้มลงก่อนที่จะพุ่งเข้าหากลุ่มอัศวินดำ
อัศวินดำทั้งหมดล้วนแต่เป็นทหารชั้นยอด พวกเขาสามารถแยกย้ายหลบการโจมตีได้อย่างรวดเร็ว
อัศวินดำทั้งสี่ได้ห่อหุ้มตัวเองด้วยพลังลมปราณเอาไว้ก่อนที่จะซัดพลังเข้าใส่ต้นไม้ที่ลอยมา
กลุ่มอ่านนิยายเปิดแล้ว [ตอนที่ 81-140] : ND Translate นิยายแปลไทย