ตอนที่ 46 : เจ้าช่างรนหาที่ตาย! ฟรี วันที่ 2020/12/09
“ใช่แล้ว ข้าต้องการสังหารคนของกลุ่มนักล่าสิงโตคลั่ง!” เซี่ยงเส้าหยุนตะโกน และจ้องไปที่ชายตรงหน้า ชายผู้นั่นกลัวจนหัวหดและเขาหันไปอีกทางเพื่อหลบหนี โชคร้ายด้วยความเร็วซึ่งเทียบไม่ได้กับเซี่ยงเส้าหยุน เขาถูกเด็กหนุ่มจับตัวและฟันด้วยดาบหมาป่าสีทอง
พลังจากดาบสีทองลากขึ้นไปในอากาศ ก่อนจะพุ่งเข้าใส่หลังของชายเคราะห์ร้ายจนตายคาที่ หลังจากสังหารชายผู้นั้นแล้ว เซี่ยงเส้าหยุนมองหาเสี่ยวไป่ก่อนจะพบว่ามันกลับมามีขนาดใหญ่อีกครั้ง และมันกำลังขย้ำชายอีกคนจนตาย สำหรับสัตว์พาหนะของศัตรู พวกมันกลัวจนหางตกไปอยู่ระหว่างขา
เสี่ยวไป่กลับไปเป็นขนาดเท่าเดิม ก่อนจะวิ่งมาที่ด้านหลังของเซี่ยงเส้าหยุนและเริ่มส่งเสียงร้อง เซี่ยงเส้าหยุนลูบไปที่หัวของมันและกล่าว “เราคงไม่สามารถพักอยู่ที่นี่ได้นานนัก มาเก็บของแล้วไปจากที่นี่กันเถอะ”
หลังจากนั้นไม่นาน เซี่ยงเส้าหยุนรวมรวมสิ่งของจากศพทั้งสี่ นอกเหนือจากอาวุธบางชิ้นแล้ว เขายังเก็บเอากระเป๋าอีกหลายใบไปด้วย ซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งของที่เก็บได้จากเทือกเขาร้อยอสูร
เซี่ยงเส้าหยุนเปิดห่อสัมภาระแบบสุ่ม ใบหน้าเผยรอยยิ้มเป็นสุขในทันที “นี่มันคือชิ้นส่วนสัตว์อสูรนี่ และยังมีตัวยาเก่าที่มีอายุแตกต่างกันอีก โอ้ นี่มันมีเยอะมาก เมื่อเรากลับไปถึงตำหนักยุทธ์ เราจะเอาไปแลกกับแต้มทั้งหมด”
ทว่าเซี่ยงเส้าหยุนรู้สึกไม่สบายใจเมื่อพบว่าสิ่งของเหล่านี้จะกลายเป็นกระเป๋าใบใหญ่มาก ซึ่งจะสร้างความลำบากหากต้องแบกกระเป๋าขนาดใหญ่เช่นนี้ไปที่ต่าง ๆ ยิ่งไปกว่านั้นมันจะทำให้ดูสะดุดตามาก เช่นนั้นควรทำเช่นไรดี?
หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง เซี่ยงเส้าหยุนพึมพำ “เราควรจะลองแปรสภาพของพวกนี้ให้อยู่ในรูปหยาดดวงดาว มาดูกันว่าจะทำได้ไหม?”
ในความคิดนั้น เซี่ยงเส้าหยุนปล่อยสัมผัสให้อยู่ในรูปหยาดดวงดาวที่อยู่ภายในตัว ก่อนจะมองไปที่สิ่งของตรงหน้า และกล่าว
“เข้ามา!”
ทะเลจักรวาลดวงดาวสามารถกักเก็บสิ่งของทุกประเภทได้ เว้นแต่สิ่งมีชีวิต
หยาดดวงดาวภายในตัวเซี่ยงเส้าหยุน ซึ่งมีขนาดเล็กกว่านิ้วมือเสียอีก มันเริ่มส่องแสง ทันใดนั้นเกิดเป็นรูปแบบพลังเชื่อมต่อกับเซี่ยงเส้าหยุน เขาสามารถสัมผัสได้อย่างคลุมเครือถึงพื้นที่ว่าง ซึ่งมันพยายามดูดซับกองสัมภาระ แต่โชคร้าย มันล้มเหลวด้วยพื้นที่ว่างนั้นเล็กเกินไป
“บ้าฉิบ! พื้นที่นั้นมีขนาดเพียงแค่กำปั้นงั้นหรือนี่? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?” เซี่ยงเส้าหยุนรู้สึกโกรธมากเมื่อสัมผัสได้ถึงพื้นที่กักเก็บภายในหยาดดวงดาว เพื่อความแน่นอน หากมันเป็นรูปร่างที่ถูกต้องแล้ว หยดของเหลวนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นทะเลจักรวาลดวงดาวก็เป็นได้
ช่างโชคร้าย ทะเลจักรวาลดวงดาวมีพื้นที่กักเก็บเท่าหนึ่งกำปั้นเท่านั้น แม้การกักเก็บตัวยาเพียงแค่ก้านเดียวก็เป็นสิ่งยาก นับประสาอะไรกับสัมภาระกองโตตรงหน้าเซี่ยงเส้าหยุนนี้
เซี่ยงเส้าหยุนเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นแรก รูปแบบของทะเลจักรวาลดวงดาวซึ่งมีพื้นที่กักเก็บขนาดเท่ากำปั้นนั้น นับเป็นความสำเร็จที่ไม่ธรรมดา พื้นที่กักเก็บจะขยายตัวได้เองตามความแข็งแกร่งที่มากขึ้น
ด้วยคิดเช่นนั้น จึงทำให้เซี่ยงเส้าหยุนอารมณ์ดีขึ้น เขาเทสัมภาระทั้งหมดออก หยิบเอายาเก่าและเม็ดยาฟื้นฟูจากกองขึ้น นอกจากนี้เขาเลือกเอาชิ้นส่วนสัตว์อสูรที่ดูมีค่า ท้ายที่สุดหลังจากเก็บกระบี่ระดับสอง และหอกระดับสอง ก่อนจะทิ้งสัมภาระอื่นไว้
แน่นอนว่า เซี่ยงเส้าหยุนสามารถรับแต้ม หรือเหรียญทองจำนวนมากจากการแลกเปลี่ยนสิ่งของเหล่านี้ แต่มันมีมากเกินไปและอาจทำให้เขาเคลื่อนที่ได้ช้าลง ด้วยเป็นคุณชายที่ยิ่งใหญ่ผู้ไม่สนใจสิ่งของเหล่านี้ เมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้นในภายภาคหน้า เขาจะสามารถหาสิ่งของมากมายและเก็บมันได้ตามที่ใจปรารถนา
หากมีคนเห็นสิ่งเล็กน้อยที่เซี่ยงเส้าหยุนทำกับสัมภาระเหล่านี้ และอาวุธอีกสองชิ้นที่ทิ้งไป พวกเขาคงจะก่นด่าเซี่ยงเส้าหยุนว่าเป็นผู้สิ้นเปลือง
หลังจากเซี่ยงเส้าหยุนจัดการกับสัมภาระเสร็จแล้ว เขามองไปที่เสี่ยวไป่ และกล่าว “เสี่ยวไป่ อย่าทิ้งข้าไว้แบบนี้อีก มาเร็ว ขยายร่างให้ข้าขี่เจ้าหน่อย ข้าเหนื่อยจะตายแล้ว”
เขาหมดพลังไปมากหลังจากการต่อสู้ก่อนหน้า
“เมี้ยว!”
เสี่ยวไป่ทักท้วง แต่โชคร้าย เซี่ยงเส้าหยุนเพิกเฉย ดังนั้นเสี่ยวไป่จึงต้องขยายร่างขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ ร่างกายของมันสูงขึ้นเท่ากับครึ่งหนึ่งของผู้ใหญ่ เมื่อยืนด้วยขาทั้งสี่ ทำให้เขาดูราวกับวีรบุรุษ และ “ราชา” ที่สลักบนหน้าผากของเขา ทำให้มีออร่าราวกับราชัน
เซี่ยงเส้าหยุนหยิบกระเป๋าขึ้น และกระโดดขึ้นไปบนหลังเสี่ยวไป่ ก่อนจะกล่าว “ไปได้!”
ด้วยคำสั่งของเซี่ยงเส้าหยุน เสี่ยวไป่พุ่งออกไปที่ทิศทางรอบนอกของเทือกเขาร้อยอสูร สามวันผ่านไป ในที่สุดพวกเขาก็ออกจากเทือกเขาร้อยอสูรจนได้
“ในที่สุด เราก็ออกมาจนได้ ฮ่า ฮ่า!” เซี่ยงเส้าหยุนหัวเราะเสียงดังด้วยความตื่นเต้น ด้วยพบอันตรายมากมายระหว่างการเดินทางครั้งนี่ และได้เรียนรู้ว่าโลกนี้ช่างโหดร้าย ทำให้แข็งแกร่งขึ้นมาก หากมีผู้ใดกล้าต่อต้านเขา คงถูกเอาคืนมากกว่าถึงสิบเท่าอย่างโหดร้าย
เซี่ยงเส้าหยุนขี่เสี่ยวไป่ตั้งแต่เดินทางกลับ จนกระทั่งถึงเมืองอู่
“เราสงสัยว่าผู้คนจากตระกูลอู่จะยังรอคอยเราอยู่หรือไม่ หากพวกเขายังอยู่ จะต้องเกิดปัญหาใหญ่แน่” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวคำเบากับตนเอง แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาพึมพำอีกครั้ง “เราเชื่อว่าพวกเขาไม่มีทางรอหรอก มันผ่านไปสักพักแล้ว เราแค่ต้องซ่อนตัวสักหน่อย แล้วทุกสิ่งจะดีขึ้นเองเมื่อเรากลับถึงตำหนักยุทธ์”
ด้วยท่าทางของเสี่ยวไป่ในตอนนี้ เมืองอู่อยู่เบื้องหน้าก่อนที่ฟ้าจะมืดลง ในที่สุดเซี่ยงเส้าหยุนกล่าวกับเสี่ยวไป่ให้กลับสู่ขนาดเดิม เขาอุ้มเสี่ยวไป่ขึ้นแล้วมุ่งตรงเข้าเมืองอู่
ตระกูลอู่เป็นผู้ปกครองเมืองอู่ พวกเขามีสายข่าวจากทั่วทุกหนแห่ง และเซี่ยงเส้าหยุนต้องย่างเท้าอย่างระมัดระวัง ทว่าทันทีที่ก้าวเท้าเข้าสู่เมืองอู่ เขาสัมผัสได้ว่ามีใครบางคนสังเกตเห็นเขา ก่อนจะคิดกับตนเอง ‘หรือพวกมันรอเราอยู่กันนะ?”
แน่นอนว่าเมื่อเขามุ่งหน้าไปที่ตำหนักยุทธ์ กลุ่มคนซึ่งหลบซ่อนตัวอยู่นั้น พุ่งออกจากตำแหน่งที่ต่างกันทั่วทุกสารทิศ และพุ่งเข้าใส่เด็กหนุ่มในบัดดล
“เวรเอ้ย!” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่า และถอยออกจากตำแหน่งนั้นในทันที กระนั้นผู้ที่เพิ่งมานั้น มีพลังมากสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ช่วงปลายของระดับดวงดาวเช่นตน เซี่ยงเส้าหยุนไม่ทันได้โอกาสหลบหนี
“ยอมแพ้เสีย ไม่งั้นเจ้าจะต้องลำบาก” หัวหน้ากลุ่มกล่าวขณะส่งลูกเตะเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุน ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนและเสี่ยวไป่จะทันโต้ตอบ ทำให้พวกเขากระเด็นไปไกล ตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ในทันที
“ตระกูลอู่ หากเจ้ายังกล้าแตะต้องแม้เพียงเส้นผมของข้า ศิษย์พี่จื่อฉางเหอจะต้องเล่นงานเจ้า!” เซี่ยงเส้าหยุนไร้ซึ่งทางเลือก จึงทำได้เพียงเอ่ยนามจื่อฉางเหอ
“แม้แต่เจ้าตำหนักยุทธ์ก็มิอาจช่วยเจ้าได้!” หัวหน้ากลุ่มตอบกลับก่อนจะส่งลูกเตะใส่เซี่ยงเส้าหยุนอีกครั้ง หวังให้เด็กหนุ่มสลบจากลูกเตะลูกนั้น
ฟุ่บ!
ลูกเตะมีพลังค่อนข้างสูง ทำให้เซี่ยงเส้าหยุนเริ่มกระอักเลือด ศัตรูซึ่งอาจจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นหกหรือเจ็ด
“เมี๊ยววว!”
เสี่ยวไป่ตะเบ็งก่อนจะตะครุบไปที่ชายผู้นั้น เพื่อพยายามจะกัด
“เจ้าสัตว์ตัวจ้อยนี่ มาจากที่ไหนกัน? ไปให้พ้น!” เขาตะโกน และสะบัดเสี่ยวไป่ให้พ้นทาง
“พาเขาไป” ชายผู้นั้นออกคำสั่งต่อกลุ่มคนที่อยู่โดยรอบ
“เจ้ากำลังแกว่งเท้าหาความตาย!” เสียงหนึ่งดังก้องราวกับฟ้าผ่าจากสี่แยกถนน ชายผู้ซึ่งขี่หมาป่าพุ่งเข้ามา ในเวลาเดียวกัน พลังงานจากหอกพุ่งออกมาราวกับสายฟ้าฟาด
ฟึ่บ!
ก่อนที่ผู้ฝึกยุทธระดับดวงดาวที่กำลังก้าวไปหาเซี่ยงเส้าหยุนจะทันโต้ตอบ หอกดังกล่าวก็พุ่งทะลุร่างของเขา และตายทันทีด้วยดวงตายังเบิกกว้างด้วยความขุ่นเคือง
“เจ้ากล้าแตะต้องศิษย์น้องของข้า ขุนนางอัสนีสีม่วงเชียวหรือ? เจ้าช่างรนหาที่ตายเสียแล้ว!” ชายผู้นั่งบนหลังหมาป่าอาวุโสกล่าว