Guild Master ตอนที่ 55 ปกป้อง
ตอนที่ 55
ปกป้อง
“บ้าจริง พวกมันตีกันอีกแล้ว”ทันทีที่พวกนายทหารออกมาจากค่ายสิ่งแรกที่พวกเขาเห็นก็คือคนของแก๊งหมีใหญ่ที่กำลังเข้าไปต่อสู้กับแก๊งดาวแดง พวกนั้นกำลังถล่มกันโดยไม่สนว่าบ้านเมืองจะเป็นยังไงเลย แน่ล่ะแก๊งหมีใหญ่พอมีโอกาสจะได้เข้ากิลด์ใหญ่อย่างหัตถ์อสูรพวกเขาก็ไม่สนเมืองเล็ก ๆอย่างเมืองการ์กันแล้ว ส่วนฝั่งดาวแดงเองก็พึ่งได้รับคำสั่งจากกวีให้ก่อความวุ่นวายกันเต็มที่ พอเจอโจมตีแบบนี้ก็ตอบโต้กลับไม่สนชาวบ้านเช่นกัน
“หัวหน้าเอาไงดีครับ”ทหารคนหนึ่งถามพลางมองเหล่าผู้เล่นที่กำลังตีกันวุ่นวายไปหมด พวกทหารแต่เดิมมีหน้าที่ป้องกันเมืองและรักษาความสงบ ผู้เล่นมีโทษตัวแดงในเมืองก็ต้องจัดการ แต่นั่นเป็นกรณีของเมืองที่เป็นปกตินะ
“ปล่อยพวกมันไป”หัวหน้าอัศวินหรือนายทหารที่กวีกำลังคุยอยู่ก่อนหน้านี้ตอบพลางส่ายหน้าช้า ๆ ตอนนี้ทหารของเมืองการ์กันมีแค่ 30 คนเท่านั้น แถมส่วนใหญ่ยังเป็นทหารเฝ้ายามเลเวล 50 เท่านั้นด้วย
“หัวหน้า นี่เป็นโอกาสแล้วไม่ใช่เหรอครับ”กวีว่าพลางหันไปเรียกนายทหารว่าหัวหน้าเสียอย่างนั้น
“โอกาส? โอกาสอะไร”หัวหน้าทหารของเมืองการ์กันถามพลางขมวดคิ้วด้วยท่าทีสงสัย แต่เดิมเขาไม่ใช่หัวหน้าเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะคนที่อยู่เหนือเขาตายกันหมดแล้วก็เลยเหลือเขาที่เลเวลสูงที่สุดอยู่คนเดียว แต่ถึงจะบอกเลเวลสูงที่สุดแต่เขาก็เลเวลแค่ 80 เท่านั้น ซึ่งนั่นยังน้อยกว่าเลเวลของหัวหน้าแก๊งทั้งสองฝ่ายเสียอีก
“ไม่เห็นเหรอครับ ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายตีกันวุ่นวายไปหมด แถมจำนวนคนมาสู้ก็มากกว่าก่อนหน้านี้ด้วย แสดงว่าพวกนั้นเอาคนออกมาสู้กันจนหมด แบบนี้เป็นโอกาสทองเลยไม่ใช่เหรอ”กวีตอบพลางชี้ไปที่สนามรบกลางเมืองที่อยู่เบื้องหน้า ตอนนี้พวกผู้เล่นของทั้ง 2 แก๊งรวมถึงแก๊งเล็กแก๊งน้อยที่อยู่อาศัยบารมีของทั้งสองแก๊งต่างก็ลุกขึ้นมาสู้เพื่อไม่ให้คนที่คุ้มกะลาหัวตัวเองต้องพ่ายแพ้อีก
“จริงสิ แบบนี้ก็ส่งจดหมายไปเมืองหลวงได้แล้ว”หัวหน้าทหารทำท่าเหมือนนึกออก ก่อนหน้านี้สายโทรศัพท์โดนพวกผู้เล่นตัดขาดรวมถึงตัดสัญญาณต่างๆแถมเส้นทางก็โดนปิดเลยส่งเรื่องไปเมืองหลวงไม่ได้ หากตอนนี้พวกผู้เล่นที่ปิดทางเข้าออกเมืองเข้ามาสู้ในเมือง แบบนี้ก็ส่งจดหมายออกไปได้แล้วสิ....
“นั่นก็ใช่....”กวีว่าพลางหยิบเอาคทาออกมาถือไว้ในมือ
“แต่นี่เป็นโอกาสที่จะช่วยเมืองเอาไว้ไม่ใช่หรือไงครับ”กวีถามพลางมองหัวหน้าทหารนิ่ง แม้เขาจะไม่เคยทำหน้าที่หัวหน้า แถมในหัวก็คิดแต่เรื่องจะขอความช่วยเหลือ แต่เขาก็อาศัยในเมืองแห่งนี้ย่อมต้องอยากทำให้เมืองแห่งนี้กลับมาสงบสุขเช่นเดิมอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง
“แต่...พวกเราจะสู้ได้ยังไง”นายทหารส่ายหัวก่อนจะเรียกลูกน้องของตนมาคนหนึ่งเพื่อจะส่งจดหมายไปเมืองหลวง ตอนนี้ทางที่ปลอดภัยที่สุดก็คือปล่อยให้พวกแก๊งต่าง ๆตีกันไปแล้วส่งคนไปยื่นเรื่องให้กับเมืองหลวงเพื่อส่งตัวคนมีฝีมือมาช่วยรวมถึงการแต่งตั้งเจ้าเมืองคนใหม่ด้วย
“เห็นเจ้าพวกนั้นหรือเปล่า ตอนนี้พวกนั้นกำลังฆ่ากันเอง รอให้พวกนั้นฆ่ากันสักพักพวกก็ไปเข้ากับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อสังหารอีกฝ่ายให้หมดแล้วก็ตลบหลังฆ่าพวกที่เหลือซะก็พอ”กวีว่าพลางชี้ไปที่พวกที่กำลังฆ่ากันเองอยู่ แน่นอนว่าวิธีของนายทหารนั้นก็ปลอดภัยดีและมีโอกาสสำเร็จที่น่าพอใจ แต่หากทำแบบนั้นกวีก็จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับความสงบครั้งนี้ แบบนั้นแผนของเขามีหวังพังกันพอดี
“ไม่ แบบนั้นมันเสี่ยงเกินไป”หัวหน้าทหารส่ายหน้าพลางกำหมัดแน่น เหล่าทหารที่เหลืออยู่มีน้อยมาก หากเสียพวกเขาไปจะทำอย่างไร
“แบบนั้นเมืองการ์กันก็ไม่มีทางกลับมาสงบหรอกนะ”กวีพูดพลางจ้องดวงตาของนายทหารอย่างจริงจัง
“นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะไล่พวกมันออกไป คิดถึงสิ่งที่พวกมันทำกับชาวเมืองอันเป็นที่รักของคุณสิ”กวีพูดจบก็ผายมือไปทางบ้านเมืองที่กำลังโดนสกิลของพวกผู้เล่นทำลายเสียหาย แน่นอนว่าพวกทหารสามารถรอจนเจ้าเมืองคนใหม่และกำลังทหารที่เก่งกว่านี้มาได้ แต่ชาวบ้านล่ะ....
“หากเป็นแบบนี้ต่อไป กว่าเจ้าเมืองคนใหม่จะมาถึงชาวบ้านคงโดนลูกหลงกันหมดแน่ พวกคุณเป็นทหารไม่ใช่หรือไง หน้าที่ปกป้องเหล่าประชาชนไม่ใช่พวกคุณแล้วใครจะทำ”กวีถามย้ำอีกครั้งเพื่อเรียกให้เหล่าทหารออกมาต่อสู้ ตอนนี้สมาชิกที่กวีนัดเอาไว้ยังมาไม่ถึงเพราะแต่เดิมกวีก็ไม่ได้วางแผนจะเริ่มโจมตีตอนนี้เสียด้วยซ้ำ แม้จะส่งคำเรียกตัวไปแล้วก็ยังมีหลายคนที่ติดภารกิจเลยยังมาทันทีไม่ได้ กวีเลยต้องถ่วงเวลาเอาไว้แล้วอาศัยกำลังทหารของเมืองเพื่อต้านพวกแก๊งโจรเหล่านี้เอาไว้
“หัวหน้า ให้พวกเราไปเถอะครับ”ทหารคนหนึ่งเดินเข้ามาหานายทหารก่อนจะจับดาบของตนเองขึ้นมาถือ พวกเขาเป็นคนของเมืองแห่งนี้ มีพ่อแม่พี่น้องอยู่ในเมืองแห่งนี้ ลำพังโดนพวกผู้เล่นเลว ๆขู่บังคับก็โกรธมากแล้ว ตอนนี้ยังจะสู้กันจนบ้านเมืองพังอีก แบบนี้จะให้พวกเขาอยู่เฉย ๆได้อย่างไร
“หัวหน้า....ที่นี่คือบ้านเกิดของพวกเรานะครับ”ทหารอีกคนตอบรับด้วยท่าทีเห็นด้วย เขาเองก็คิดอย่างที่กวีบอก ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่จะช่วยเมืองของพวกเขาเอาไว้แล้ว หากไม่ลงมือก็คงนับตนเองเป็นทหารกล้าของเมืองไม่ได้แล้วกระมัง
“ท่านหัวหน้า นี่คือโอกาสที่จะกู้คืนบ้านเมืองของพวกคุณกลับมาแล้ว ให้ผมได้ช่วยเหลือพวกคุณเถอะ”กวียื่นมือออกไปอีกครั้งด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย แม้จะได้เควสมาแล้วแต่ตามแผนเดิมกวีก็ต้องรอคนของตนมาร่วมมือด้วยอยู่ดี แต่ตอนนี้กวีต้องใช้งานกำลังของพวกทหารไปก่อน
“ได้....พวกเรามาปกป้องเมืองกัน”หัวหน้าทหารพักหน้าช้า ๆก่อนจะจับมือกับกวีเพื่อตกลงร่วมมือกัน พริบตานั้นที่ไหล่กวีก็มีตราสัญลักษณ์ของทหารเมืองการ์กันปรากฏขึ้นเช่นเดียวกับทุกคนในปาร์ตี้ ตอนนี้ปาร์ตี้ของกวีได้รับสิทธิ์เทียบเท่าทหารประจำเมืองแล้ว ขอเพียงอยู่ในเมืองพวกกวีก็สามารถโจมตีผู้เล่นที่ทำผิดกฎได้แม้ไม่ใช่ผู้เล่นตัวแดงโดยไม่ต้องรับโทษ แม้ตอนนี้จะมีแต่ผู้เล่นตัวแดงเต็มไปหมดก็ตาม
“.............”แต่ตอนนี้ตราสัญลักษณ์ของทหารที่ติดอยู่บนตัวกวีและสมาชิกปาร์ตี้นั้นกำลังบอกชาวเมืองว่าพวกเขาคือกลุ่มคนที่ได้รับความยอมรับจากหน่วยทหารแห่งเมืองการ์กันนั่นเอง
“ไปรวมคนมาให้หมด รอโอกาสที่จะกู้คืนเมืองของเรา”นายทหารพอรับกวีเข้าเป็นพวกแล้วก็หันไปสั่งการคนของตนเองให้ไปเรียกระดมพลทหารทั้งหมดในเมืองมา ส่วนกวีก็อาศัยจังหวะนี้เขียนข้อความไปบอกหัวหน้าแก๊งดาวแดงว่าตนเองจะทำอะไรต่อไป
.
.
“อากกกก”อีกด้านหนึ่งทางฝั่งของนนท์ ตัวเขาไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้เพราะมาในฐานะผู้สังเกตการณ์เท่านั้น แถมตอนนี้ตัวเขาพึ่งจะเลเวล 36 เท่านั้นเพราะตั้งแต่เริ่มเกมก็มัวแต่ทำเควสพิเศษจนไม่ได้เพิ่มเลเวลเลย แต่ถึงอย่างนั้นชื่อจอมเวทอันดับ 1 ก็ไม่ใช่แค่ของเอาไว้อวด ต่อให้มีเลเวลเท่านี้ แต่หากเขาลงไปสู้โอกาสจะทำให้แก๊งหมีใหญ่ชนะนั้นก้แทบจะแน่นอนเลย
ตูม!
ท่ามกลางการต่อสู้ แก๊งหมีใหญ่ทำได้ไม่เลวเพียงแต่ยังไม่ถึงมาตรฐานของกิลด์หัตถ์อสูรนัก...ท่าทางหลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ก็คงต้องปฏิเสธหัวหน้าแก๊งหมีใหญ่ไปแล้วกลับกิลด์เสียแล้ว การมาทดสอบครั้งนี้ท่าทางจะเสียเที่ยวเสียเวลาจริง ๆ
“หัวหน้าแย่แล้วครับ”ระหว่างกำลังถอดใจอยู่นั้น นนท์ก็ได้ยินเสียงลูกน้องของแก๊งหมีใหญ่เข้ามารายงานหัวหน้าของพวกเขาผ่านทางระบบสื่อสารเสียก่อน
“มีพวกทหารกับผู้เล่นอีกกลุ่มเข้ามาสอดครับ ตอนนี้พวกมันเก็บคนของเราไปเยอะเลย”เสียงรายงานจากลูกน้องคนนั้นดูร้อนรนไม่น้อย
“อยู่ ๆพวกทหารทำไมถึงลุกขึ้นมาสู้ได้ ไม่ใช่โดนพวกเราจัดการไปแล้วหรอกเหรอ”หัวหน้าแก๊งหมีใหญ่ถามพลางมองดูสถานการณ์เบื้องล่าง ตอนนี้แก๊งหมีใหญ่โดนพวกทหารและแก๊งดาวแดงรุมเล่นงานอยู่จริง ๆ แถมพวกทหารกับแก๊งดาวแดงยังเหมือนจะรู้กันเสียด้วย พวกนั้นไม่โจมตีกันเองเลย
“ท่าทางฝ่ายนู้นจะแอบเลี้ยงพวกทหารเอาไว้นะ”นนท์ขมวดคิ้วมองไปทางแก๊งดาวแดง หรือว่าการเลือกแก๊งหมีใหญ่จะผิดกันนะ ลองยื่นข้อเสนอไปทางแก๊งดาวแดงอาจจะดีกว่าก็ได้
“หัวหน้า มีพวกผู้เล่นบุกเข้ามาจากทางประตูวาร์ปครับ”ความวัวยังไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรกเสียแล้ว หัวหน้าแก๊งหมีใหญ่ยังไม่ทันได้คิดว่าจะจัดการกับพวกทหารของเมืองอย่างไรดี อยู่ ๆก็มีผู้เล่นกลุ่มหนึ่งมาจากไหนไม่ทราบวาร์ปเข้ามาร่วมโจมตี หรือว่าจะเป็นพวกของแก๊งดาวแดงงั้นเหรอ? เป็นไปได้ไงพวกนั้นไม่น่าจะมีกำลังคนมาเพิ่มได้อีกนี่นา
“เจ้านั่นมัน...”นนท์ไม่ได้ฟังสิ่งที่ลูกน้องของหัวหน้าแก๊งหมีใหญ่รายงานแต่อย่างไร นั่นเพราะอยู่ ๆสายตาของนนท์ก็เหลือบไปเห็นร่างของคู่ต่อสู้ที่ยืนอยู่แนวหน้าเสียก่อน ชายคนนั้นเหวี่ยงดาบใหญ่ด้วยสกิลและทักษะที่เหนือล้นกว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด ท่ามกลางพวกฝีมืออ่อนหัดทำตัวเป็นแก๊งเป็นกลุ่มโจรแล้วคนผู้นั้นช่างแสนแข็งแกร่งและงดงามจริง ๆ
“เมฆ.....”พอเห็นว่าในกลุ่มคนนั้นมีคนรู้จักอยู่ด้วยนนท์ก็เริ่มให้ความสนใจกับสงครามเบื้องหน้าทันที ไม่ใช่แค่เมฆ แม้แต่ไอช่าที่สมควรจะเป็นไอดอลอยู่ตอนนี้ยังออกมาร่วมทำสงครามด้วย แต่ทั้งสองแต่เดิมก็เป็นผู้เล่นมือเก่าที่มีฝีมือกันอยู่แล้ว ไม่แปลกที่จะเข้าร่วมรบในสงครามใดสักแห่ง แต่ที่แปลกคือพวกเขาอยู่ด้วยกันต่างหาก
ในกลุ่มผู้เล่นยุคเก่า ทุกคนทราบกันดีว่ากิลด์สุริยันจันทรานั้นแตกไปตั้งแต่เกมเนเวอร์แลนด์แล้ว และเหล่าผู้นำของกิลด์สุริยันจันทราก็แตกกันไปคนละทางแทบจะไม่เข้าร่วมสงครามด้วยกันอีก ยิ่งเป็นเมฆที่แยกตัวไปเป็นผู้เล่นเดี่ยวตั้งแต่เจ้าหมอนั่นหายตัวไปด้วยแล้วยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมาร่วมมือกับไอช่าเอาตอนนี้
เปรี้ยง!!
พริบตาที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น อยู่ ๆก็มีลูกธนูลูกหนึ่งพุ่งเข้าไปใส่ร่างของแก๊งหมีใหญ่คนหนึ่งเข้าอย่างจัง ระยะและความแม่นยำขนาดนี้ทำเอานนท์ยิ้มออกมาทันที
“หึหึ.....”นนท์หัวเราะเบา ๆก่อนจะเผยรอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่งออกมา แม้แต่มือธนูลึกลับของกิลด์สุริยันจันทราก็ยังมาร่วมสู้ด้วย คนที่เรียกเจ้าหมอนั่นมาได้ก็มีแค่คน ๆเดียวเท่านั้น
“กวี.....”นนท์พูดชื่อหนึ่งที่ไม่คิดว่าจะได้พูดออกมาอีกด้วยท่าทีตื่นเต้น พริบตานั้นพลังเวทสีดำก็แผ่พุ่งออกมาจากร่างของนนท์ราวกับจะกลืนกินบรรยากาศรอบ ๆเข้าไป นี่ล่ะคือสาเหตุที่นนท์ยังเลเวลต่ำอยู่ เพราะเขาต้องใช้เวลาไปไม่น้อยในการหาไอเทมอย่างหนึ่งมา และตอนนี้เขาก็เป็นจอมเวทคนเดียวที่ครอบครองเวทมนตร์สายความมืดเอาไว้อีกด้วย