Dual Cultivation บทที่ 520: รวมตัวศิษย์ใหม่ (ฟรี)
Dual Cultivation บทที่ 520: รวมตัวศิษย์ใหม่
เมื่อเห็นชิวเยว่ยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนกับรูปปั้น ซูหยางก็เผยรอยยิ้มนุ่มนวลบนใบหน้าและกล่าวว่า “ขอบคุณสำหรับการพยายามในการช่วยข้าฟื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพราะว่าปราณหยินของเจ้า พลังวิญญาณของข้าจึงฟื้นฟูอย่างเต็มที่”
“ข้า… ข้า… ข้ามิรู้ว่าท่านพูดถึงเรื่องอะไร…” ชิวเยว่พลันแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องเนื่องมาจากความอาย
อีกใจหนึ่ง เธอต้องการที่จะบอกเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เพื่อที่ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะสามารถดำเนินไปได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แต่อีกใจหนึ่งเธอก็ไม่ต้องการที่จะทนความอายบอกเขาถึงสิ่งที่เธอทำกับเขาในขณะที่เขากำลังหลับ ในเมื่อการทำเช่นนั้นอาจจะทำให้เธอดูเหมือนเป็นนางไม้ที่สิ้นหวัง
ซูหยางหัวเราะเบาๆกับปฏิกิริยาน่ารักของเธอและรู้สึกอยากจะแกล้งเธอ “ถ้ามิใช่เจ้าแล้วเช่นนั้นนั่นต้องเป็นเซี่ยวหรงที่เติมห้องด้วยปราณหยินของเธอแน่ ข้าต้องให้รางวัลเธอสำหรับความพยายามของเธอในภายหลัง”
“อะแฮ่ม” ชิวเยว่พลันกระแอมก่อนที่จะพูดขึ้นอย่างเร่งรีบ “จ-จริงแล้ว… ปราณหยินนั่นเป็นของข้า ข้าเพียงแค่มิต้องการให้ท่านรู้สึกว่าเป็นหนี้ข้าอะไร ดังนั้นข้าจึงโกหก”
รอยยิ้มบนใบหน้าของซูหยางกว้างขึ้น และเขาก็พูดว่า “ถึงแม้ว่าเจ้าจะพูดเช่นนั้น ข้าก็เป็นคนที่มิสามารถที่จะเพิกเฉยต่อสิ่งนั้นได้ ดังนั้นข้าจักยังคงชดใช้ให้ และในเมื่อเจ้าเป็นลูกสาวสุดที่รักของข้า ข้าจักรับฟังคำขอของเจ้าอย่างหนึ่งเป็นรางวัล”
“จ-จริงรึ ท่านจักทำทุกอย่างที่ข้าต้องการ” ดวงตาของชิวเยว่เป็นประกายพึงพอใจและตื่นเต้น
“ตราบเท่าที่มันอยู่ในขอบเขตความสามารถของข้า” เขาตอบด้วยพร้อมกับพยักหน้าอย่างเยือกเย็น
“ตกลง แต่ข้าจักยังมิรับรางวัลนี้ในทันที ให้เวลาข้าคิดก่อนว่าข้าต้องการอะไร” เธอกล่าว
เวลาหลังจากนั้น ซูหยางก็ออกจากบ้านไปพบกับศิษย์ใหม่
“ผู้อาวุโสซุน ท่านพอที่จะช่วยรวบรวมศิษย์ทั้งหมดให้กับข้าได้หรือไม่” ซูหยางกล่าวกับอีกฝ่ายที่เป็นคนแรกที่เข้ามาอยู่ในสายตาของเขา
“ซูหยางรึ สุดท้ายเจ้าก็ฟื้นขึ้น” ผู้อาวุโสซุนมีใบหน้าแสดงความโล่งอกหลังจากที่เห็นใบหน้าเขา
“มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างที่ข้าพักรึ” ซูหยางเลิกคิ้ว
“ไม่ มิมีอะไรจริงจังเกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตามศิษย์ใหม่ทั้งหมดได้มาถึงเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่พวกเรามิสามารถทำอะไรได้โดยปราศจากเจ้า ดังนั้นข้าจึงโล่งอกที่สุดท้ายได้เห็นเจ้าตื่นขึ้น นี่หมายความว่าสุดท้ายพวกเราก็สามารถทำให้สิ่งต่างๆภายในนิกายขับเคลื่อนต่อไปได้แล้ว”
“ขอบคุณ ข้าจักทำงานในทันที”
“เจ้าต้องการให้เหล่าศิษย์ไปรวมตัวกันที่ไหนรึ” ผู้อาวุโสซุนถาม
“พื้นที่ชุมนุมภายในเขตศิษย์นอกน่าจะดี”
ผู้อาวุโสซุนพยักหน้า “เช่นนั้นข้าจักแจ้งให้ศิษย์ทุกคนไปรวมตัวกันที่นั่นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
จากนั้นเขาก็นำเอาหยกสื่อสารออกมาเปิดใช้งานด้วยพลังวิญญาณของเขาก่อนที่จะพูดเข้าไปว่า “ผู้นำนิกายซูได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ศิษย์ใหม่ทุกคนจักต้องหยุดทุกอย่างที่ตนเองทำและไปรวมตัวกันที่พื้นที่ชุมนในเขตศิษย์นอกเดี๋ยวนี้ พวกเจ้ามีเวลาสามนาที ถ้าเจ้าไปสาย เจ้าสามารถลืมเรื่องเป็นศิษย์ไปได้เลย”
คำพูดของผู้อาวุโสซุนดังออกมาจากหยกสื่อสารทุกชิ้นในนิกายอย่างรวดเร็ว จนทำให้ศิษย์ทุกคนทั้งศิษย์ใหม่ศิษย์เก่าพากันพุ่งพรวดออกจากบ้านของตนเอง อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าทุกคนได้เตรียมตัวที่จะออกจากบ้านและแสดงตัวตน ดังนั้นบางคนจึงยังอยู่ในชุดนอนเมื่อตอนออกจากบ้าน ในขณะที่บางคนยังคงอาบน้ำเมื่อตอนที่ผู้อาวุโสซุนเรียกตัวพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงออกจากบ้านด้วยเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวบนร่างที่ยังเปียกของพวกเขา
เวลาหลังจากนั้นเมื่อศิษย์ทุกคนมารวมตัวกันเรียบร้อยแล้ว ซูหยางก็ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาในขณะที่สวมชุดผู้นำนิกาย ชุดสีดำ
สายตาน่ายำเกรงของเขากวาดไปท่ามกลางฝูงชนจนทำให้เหล่าศิษย์ต่างพากันสะท้านด้วยความหวาดกลัว
โหลวหลานจีปรากฏตัวข้างเขาหลังจากนั้นชั่วขณะและกล่าวว่า “นอกจากอธิบายกฏของนิกายให้กับพวกเขาแล้ว พวกเราก็ยังมิได้ทำอะไรทั้งสิ้น ตำแหน่ง เบี้ยเลี้ยง และวิชาต่างๆก็ยังมิได้ตัดสิน กระทั่งที่พักของพวกเขาก็ล้วนแต่เป็นการชั่วคราว”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอซูหยางก็พยักหน้า “ขอบคุณ ข้าจักรับมือต่อนับจากนี้”
จากนั้นเขาก็พูดกับเหล่าศิษย์ว่า “ดังที่ข้าได้กล่าวนำไว้ก่อนการทดสอบแล้ว นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยได้มีสองสาขาในตอนนี้ ถ้าพวกเจ้าต้องการที่จะทำตามคนส่วนใหญ่และฝึกฝนฝีมือตามปกติ ให้ก้าวออกไปทางด้านขวาของข้า และถ้าเจ้าต้องการที่จะเดินตามวิถีของความสุขสมและความรักและกลายเป็นผู้ฝึกวิชาคู่ ให้ก้าวออกไปทางด้านซ้ายของข้า แม้ว่าพวกเจ้าได้มีเวลาได้ตัดสินใจมานานจนถึงปานนี้ ข้าก็จักยังคงให้เวลาพวกเจ้าเพิ่มอีกห้านาทีในการตัดสินใจว่าเส้นทางไหนที่เจ้าต้องการจะเลือกเดิน”
ห้านาทีให้หลัง เมื่อเหล่าศิษย์ได้เลือกเส้นทางของตนเองแล้ว ซูหยางก็ได้มองดูไปยังเหล่าศิษย์ในแต่ละข้าง
มีศิษย์อยู่ประมาณแปดร้อยคนยืนอยู่ด้านขวาของเขา ในขณะที่คนที่เหลือยืนอยู่อีกด้าน ยิ่งไปกว่านั้นศิษย์ประมาณร้อยคนที่ต้องการที่จะกลายเป็นผู้ฝึกวิชาคู่นั้น พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนเป็นหญิง ซึ่งกลับกันอย่างสิ้นเชิงกับอัตราส่วนชายหญิงจากในอดีต
“ในบรรดาศิษย์ร้อยคน มีเพียงชายเก้าคนเท่านั้น นี่ค่อนข้างจะมีปัญหาอยู่บ้าง…” โหลวหลานจีพึมพัมพร้อมกับขมวดคิ้ว
อัตราส่วนศิษย์หญิงและศิษย์ชายไม่สมดุลและเธอก็สงสัยว่าชายเก้าคนนี้จะสามารถรองรับคู่ฝึกมากมายปานนั้นในครั้งเดียวหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาล้วนเป็นผู้มาใหม่
อย่างไรก็ตามถ้าเธอปล่อยทิ้งไว้อย่างนี้ ศิษย์หญิงส่วนใหญ่ก็จักไม่สามารถที่จะมีคู่ฝึกได้จนกว่าจะถึงปีหน้าเมื่อพวกเขารับศิษย์เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่พวกเขาต้องหลีกเลี่ยง
โหลวหลานจีหันไปดูซูหยางและกล่าวว่า “เฮ้… เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถที่จะรองรับศิษย์เหล่านี้จนกว่าพวกเราจะมีศิษย์ชายมากกว่านี้หรือไม่”
ซูหยางเลิกคิ้ว “เจ้ากำลังแนะนำว่าข้าควรจักเป็นคู่ฝึกให้กับพวกเธอจนถึงตอนนั้นรึ ข้าคิดว่ามีแต่ศิษย์ที่ยอมให้ร่วมฝึกกับเพื่อนศิษย์เท่านั้น”
อย่างไรก็ตามโหลวหลานจีส่ายหน้าและกล่าวว่า “เอ้อ… กฏนั้นโดยปกติแล้วมีไว้เฉพาะผู้อาวุโสนิกาย มิใช่ผู้นำนิกาย เพราะว่าผู้นำนิกายคนก่อนเพียงแค่ร่วมฝึกกันเองกับผู้อาวุโสนิกายเท่านั้น ดังนั้นจึงเกิดความเข้าใจผิดว่าผู้นำนิกายมิยอมให้ร่วมฝึกกับศิษย์ ในช่วงก่อนหน้านั้นผู้นำนิกายร่วมฝึกกับเหล่าศิษย์โดยมิมีข้อจำกัดใด”
“ยิ่งไปกว่านั้น นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยในปัจจุบันนั้นมิได้เป็นสำนักเดิมที่มันเคยเป็นอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้พวกเรามีศิษย์ใหม่และกฏใหม่ ถ้าเจ้าต้องการที่จะฝึกกับศิษย์ข้าก็มิได้มีปัญหากับเรื่องนั้น”
ซูหยางพยักหน้าและกล่าวว่า “พวกเรามาดูว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปก่อน”