บทที่ 27 ประหลาดใจ
บทที่ 27 ประหลาดใจ
นักเรียนส่วนใหญ่ในชั้นเรียนทั้งหมดกำลังหัวเราะเยาะจี้เฟิง ด้วยความที่เขาทำตัวเป็นไอ้โง่แล้วอยากจะอวดฉลาด
ดูเหมือนว่าในปีสุดท้ายที่น่าเบื่อของนักเรียนมัธยมปลาย จี้เฟิงเด็กชายยากจนผู้น่าสงสารได้กลายเป็นเป้าหมายเดียวของเสียงหัวเราะเยาะ และกลายเป็นเป้าหมายแห่งความสนุกสนานของพวกเขา สำหรับพวกเขาแล้ว เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขามีความสุข โดยเฉพาะเด็กผู้ชายไม่กี่คนที่มองหน้าซูหม่าแล้วหัวเราะตามอย่างดังลั่นเพราะกลัวว่าคนอื่นจะไม่ได้ยิน
ในทางตรงกันข้ามนสีหน้าของนักเรียนสองสามคนที่มักจะมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดีกับจี้เฟิง ดูไม่ค่อยดีนักเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงหัวเราะเยาะ นักเรียนเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจากชนบทและครอบครัวของพวกเขาก็ไม่ได้ร่ำรวย คำว่า “เด็กยากจน” ที่นักเรียนคนอื่นพูดมันจึงรวมถึงพวกเขาด้วย!
จางเล่ยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ จี้เฟิงมีสีหน้าบูดบึ้งอย่างเห็นได้ชัด เมื่อได้ยินคนเหล่านั้นหัวเราะเยาะเพื่อนรักของเขา เขาก็ลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธและทุบโต๊ะอย่างแรง!
“หุบปากกันให้หมด!! ที่นี่คือห้องเรียน ไม่ใช่ป่าที่พวกนายจะมาโห่ร้องเหมือนสัตว์!!” จางเล่ยตะคอกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“.............”
บรรยากาศในห้องเรียนเงียบลงในทันที ไม่มีใครกล้าพูดอีกต่อไป แม้กระทั่งซูหม่า ผู้ที่ชอบอาละวาดเอาแต่ใจมากที่สุดในชั้นเรียน เขาทำได้แค่แอบด่าในใจ แต่เขาไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกมา
“หึ!” เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเงียบ จางเล่ยจึงนั่งลงแต่เขายังคงไม่พอใจมาก สายตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ จี้เฟิงเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยเขาตบไหล่ของจางเลย และเงยหน้าขึ้นมองเซียวหยูซวนแล้วพูดว่า “อาจารย์ครับ ให้ผมเริ่มเลยไหม?”
“น่ะ..แน่นอน!” เซียวหยูซวนมองไปที่จี้เฟิงด้วยความสนใจและพยักหน้า “แน่นอน เริ่มได้เลย!”
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อยมองไปรอบๆ หลังจากนั้นเขาสงบนิ่งชั่วขณะก่อนที่เขาจะเริ่มพูดว่า: “งั้นฉันจะขอแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ ฉันชื่อ...”
จี้เฟิงแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษในตอนต้น สายตาของทุกคนในชั้นเรียนเปลี่ยนไป พวกเขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่จี้เฟิงด้วยความประหลาดใจราวกับว่าพวกเขาได้เห็นบางสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ
ในความคิดของพวกเขามันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ สิ่งที่จี้เฟิงพูดนั้นเป็นภาษาอังกฤษจริงๆ และเขาพูดอย่างคล่องแคล่วเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก สำเนียงของเขาเหมือนสำเนียงออกซฟอร์ดที่แท้จริง
แม้ว่านักเรียนเหล่านี้จะไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว แต่พวกเขามักจะฟังเทปภาษาอังกฤษเพื่อฝึกพูดภาษาอังกฤษ ดังนั้นพวกเขายังสามารถพอที่จะบอกได้ว่า ภาษาอังกฤษที่พวกเขาได้ยินเป็นภาษาอังกฤษที่ดีและคล่องแคล่วหรือไม่
พวกเขาพบว่าสิ่งที่จี้เฟิงพูดนั้น เกือบจะเหมือนกับเทปที่พวกเขาฟังเมื่อต้องทำแบบฝึกหัด ถ้าพวกเขาไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเอง พวกเขาจะไม่มีทางเชื่อเลยว่าภาษาอังกฤษที่คล่องแคล่วเหมือนกับต้นฉบับนี้นั้นออกมาจากปากของจี้เฟิง
ไม่เพียงแต่นักเรียนในชั้นเท่านั้น แต่ทุกคนที่ว่านี้รวมถึงเซียวหยูซวนด้วย เธออดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสี่คนนี้ เซียวหยูซวน, จางเล่ย, ถงเล่ย, และฮูซู่ฮุ่ย พวกเขาตกใจมากจนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาได้ยิน!
จางเล่ยและฮูซูฮุ่ย พวกเขาทั้งสองรู้จักจี้เฟิงดีกว่าคนอื่นๆ เท่าที่พวกเขาจำได้ ถึงแม้ว่าจี้เฟิงจะตั้งใจเรียนอย่างหนักแต่เขาก็เป็นคนชอบเก็บตัว เขาจะรู้สึกเขินอายเมื่อเวลาต้องตอบคำถามอาจารย์ ยิ่งกว่านั้นภาษาอังกฤษของเขาไม่ได้ดีขนาดนี้อย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาเห็นจี้เฟิงแสดงออกมานั้น มันเกินกว่าสิ่งที่พวกเขาเคยรับรู้มามาก มันจะไม่ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจได้อย่างไร?!
“ก่อนหน้านี้ที่เขาเป็นคนเงียบๆ ถ่อมตัวมาโดยตลอด นั่นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเขาเหรอ?” การแนะนำตัวด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่วของจี้เฟิง ทำให้ฮูซูฮุ่ยรู้สึกประหลาดใจและงุนงงเป็นอย่างมาก แม้ว่าเธอจะยังคงยิ้มอย่างดูถูกในตัวจี้เฟิง เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเขาเก่งในภาษาอังฤษขนาดนี้ หากในอนาคตเขากลายเป็นนักแปลหรืออาชีพที่เกี่ยวกับการใช้ภาษา เขาจะมีรายได้มากขนาดไหน?
แต่ถึงจะเก่งวิชาภาษาอังกฤษ แต่ถ้าวิชาอื่นๆไม่ได้เรื่อง มันก็คงเป็นเรื่องยากที่จะเข้ามหาวิทยาลัยดีๆได้ หรือต่อให้เป็นมหาวิทยาลัยธรรมดาทั่วไป สถานะทางครอบครัวของเขาก็คงไม่มีปัญญาจ่ายค่าเล่าเรียนได้อยู่ดี
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ สีหน้าการดูถูกเหยียดหยามของฮูซู่ฮุ่ยก็เหมือนจะเพิ่มมากขึ้น!
แต่ไม่ว่าเธอจะดูหมิ่นจี้เฟิงแค่ไหนก็ตามเธอก็ไม่สามารถปิดกั้นความเจิดจรัสของจี้เฟิงในเวลานี้ได้ เขากำลังเป็นจุดสนใจจากทุกคนในชั้นเรียน!
อย่างไรก็ตามในบรรดาผู้คนทั้งหมดในตอนนี้ คนที่ตกใจมากที่สุดกลับเป็น เซียวหยูซวน!
เซียวหยูซวนเป็นนักเรียนที่จบการศึกษาจากภาควิชาภาษาอังกฤษ เธอมีพื้นฐานภาษาอังกฤษที่ดีมาก และเรียนรู้ในภาษาอังกฤษอย่างลึกซึ้ง แต่ในขณะที่จี้เฟิงแนะนำตัวเองเรื่อยๆ ก็ยิ่งเพิ่มความประหลาดใจที่เห็นได้ชั ดปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ
เพราะสิ่งที่เซียวหยูซวนได้ยินจากจี้เฟิงนั้นคือภาษาอังกฤษแบบซฟอร์ดตามมาตรฐาน หากต้องการที่จะพูดให้ได้แบบนี้ต้องใช้เวลาสองสามปีในต่างประเทศหรือผ่านการฝึกอบรมที่ยากลำบาก!
ในการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ สภาพแวดล้อมก็เป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าจะได้รับการฝึกฝนหากไม่มีสภาพแวดล้อมที่ดีก็เป็นไปได้ยาก ที่จะพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงที่เป๊ะขนาดนี้
“น้องชายคนนี้มีความเป็นอัจฉริยะด้านภาษา!” ทันใดนั้นหัวใจของเซียวหยูซวนก็เต้นแรงขึ้นหลังจากนึกได้ว่า “แถมเขายังมี… เทคนิคการนวดที่วิเศษ!”
จู่ๆเซียวหยูซวนก็นึกถึงเหตุการณ์ที่น่าอายเมื่อคืนขึ้นมาได้ จึงทำให้ใบหน้าของเธอเป็นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย!
“...การแนะนำตัวของฉันจบแล้ว ขอบคุณ!” เมื่อจี้เฟิงพูดจบเขาก็นั่งลง บรรยากาศภายในห้องเรียนตอนนี้ยังคงเงียบกริบ! มีเพียงเสียงหายใจของคนในห้องเรียนเท่านั้นที่ได้ยินอย่างชัดเจน!
ถงเล่ยซึ่งนั่งอยู่แถวหน้า มีปฏิกิริยาก่อนคนอื่น เธอปรบมือของเธออย่างจริงใจและพูดว่า “ว้าวว!”
จากนั้นทุกคนเหมือนได้สติกลับมาและปรบมือให้อย่างพร้อมเพียงกัน โดยเฉพาะเหล่านักเรียนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับจี้เฟิง พวกเขาต่างปรบมือให้จี้เฟิงด้วยเสียงอันดังและอบอุ่น การแนะนำตัวของจี้เฟิงเมื่อสักครู่ สามารถเรียกได้ว่าเป็นการตบหน้าพวกนักเรียนที่หัวเราะเยาะเขาอย่างแรง ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกโล่งใจมาก!
หลังจากเสียงปรบมือค่อยๆ เบาลง เซียวหยูซวนก็ถามด้วยรอยยิ้มบางๆ ว่า “นักเรียนที่รัก การแนะนำตัวของจี้เฟิงนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?”
“สุดยอดมาก!” นักเรียนหลายคนตะโกนพร้อมกัน
“ดีมาก! ฉันหวังว่าในอนาคต นักเรียนทุกคนจะฝึกฝนจนพูดภาษาอังกฤษให้ได้เหมือนกับจี้เฟิง....”
สิ่งที่เซียวหยูซวนพูดต่อจากนี้ จี้เฟิงนั้นไม่ได้ยินสักเท่าไหร่ เพราะเขากำลังจมอยู่กับโลกส่วนตัวภายในความคิดของเขา เขาตื่นเต้นมาก และรู้ว่าเขากลายเป็นคนที่ไม่ธรรมดาไปแล้วจริงๆ
แม้ว่าสมองหมายเลข 1 จะช่วยลำดับขั้นตอนการแนะนำตัวในช่วงแรก แต่สิ่งที่พูดออกจากปากเขาก็เป็นความสามารถจากที่เขาสามารถท่องจำได้เอง ความสำเร็จในครั้งนี้มันทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นมากกว่าการได้รับรางวัลใหญ่เสียอีก!
“นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในอนาคต ฉันจะสร้างปาฏิหาริย์ให้มากขึ้นและทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้!”
จี้เฟิงกำหมัดแน่นและพูดกับตัวเองในใจ “จากนี้ไปฉันจะตั้งใจฝึกฝนให้หนักขึ้น เหมือนกับวันนี้ที่ฉันทำให้พวกที่หัวเราะเยาะฉันต้องตกตะลึงและรู้สึกเหมือนกับโดนตบหน้าอย่างแรง ถึงแม้ฉันจะไม่เคยรังแกคนอื่น แต่ฉันก็ไม่ใช่เหยื่อที่จะต้องถูกคนอื่นรังแก โดยเฉพาะแม่ของฉัน ฉันจะไม่ยอมให้แม่ต้องโดนดูถูกหรือถูกรังแกอีกต่อไป หากใครกล้าทำ ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้มันได้ตายดีอย่างแน่นอน!”
“สมองหมายเลข 1 ถ้าผมไม่มีคุณ ชีวิตผมคงไม่มีทางที่จะเห็นแสงสว่าง!”
......จบบทที่ 27~❤️