บทที่ 129 : เรื่องราวก็เปลี่ยนไปเช่นนี้แหละ
อำนาจทางทหารของอาณาจักรเหล็กกระจุกตัวอยู่ที่พรมแดน
มีป้อมปราการตั้งเป็นแนวป้องกันสามแห่ง ในนั้นมีกองทัพทั้งหมดเก้ากองทัพปกป้องอาณาจักรแห่งนั้นเอาไว้อยู่
โดยเฉพาะเมืองไรน์ที่อยู่หลังป้อมปราการทางทหาร ซึ่งเป็นฝ่ายจัดหาทรัพยากรสงครามของเหล่าทหารและสิ่งจำเป็นอื่น ๆ ที่ใช้ในป้อมปราการทางทหารอย่างต่อเนื่อง
เมืองแห่งนี้สามารถทำหน้าที่เป็นยุ้งฉางขนาดยักษ์แนวหน้า วิลเลียมต้องการสังหารเจ้าเมืองและสร้างความหายนะให้กับเมืองไรน์
นี่ดูเหมือนจะบ้าบิ่นไม่น้อย การแอบทำลายทรัพยากรของพวกเขาอย่างลับๆอาจจะเป็นประโยชน์มากกว่าด้วยซ้ำ
แต่จุดประสงค์ของวิลเลียมคือการปลุกระดมให้เกิดสงครามและเขาไม่ได้มีความสนใจที่จะลดกำลังรบของอาณาจักรเหล็ก การลดอำนาจของอาณาจักรหนึ่งลงไม่ได้ให้ผลประโยชน์แก่เขามากนัก
ปัจจุบัน อาณาจักรเหล็กใช้กลยุทธ์สกปรกต่างๆเพื่อดึงดูดผู้เล่น เขาต้องทำลายสิ่งเหล่านี้ลงเสียก่อน
เขาไม่ค่อยใช้เวทย์จิตวิญญาณเท่าใดนัก ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวว่าจะถูกจำได้ และแม้ว่าเขาจะโดนจับได้ พวกนั้นจะทำอะไรเขาได้?
แม้ว่าอาณาจักรเหล็กจะรู้ว่าวิลเลียมเป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง แต่อาณาจักรลาวาดำก็ยังคงต้องเป็นคนรับผิดชอบอยู่ดี เพราะอาณาจักรเหล็กต้องหาคนมารับผิดชอบเรื่องนี้
“พวกแกเอาแต่คิดเรื่องเมืองแห่งรุ่งอรุณทั้งวัน คราวนี้ฉันมาถึงหน้าประตูบ้านแกแล้ว มาดูซิ ว่าพวกแกจะกำจัดฉันยังไง?” วิลเลียมมองไปที่คนของเจ้าเมืองที่รวมตัวกันอยู่รอบ ๆ ตัวเขา เขาเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันมองย้อนกลับไป
ลูกสมุนระดับกลางกว่า 30 คน เพิ่งจะมุ่งตรงมา คนเหล่านี้ไม่ใช่ NPC ที่ให้อาหารสัตว์ธรรมดาๆ ผู้ถือโล่เลเวล 50 ที่อยู่ข้างหน้าคำราม “กำจัดมือสังหาร ปกป้องเจ้าเมือง!”
“ปกป้องใคร?” วิลเลียมเหลือบมองชายคนที่กล่าวก่อนจะมองไปรอบ ๆ และพบว่าเจ้าเมืองแห่งนี้แอบสังเกตเขาจากทางหน้าต่าง
ทันใดนั้น เขาก็หยิบลูกศรออกมาและรวบรวมเวทย์จิตวิญญาณไว้ในมือ ก่อนลูกศรธรรมดาจะเปลี่ยนเป็นลูกศรสีน้ำเงินเข้ม แล้วยิงมันออกไป
ลูกศรสีน้ำเงินบินผ่านอากาศอย่างเงียบงันราวกับวิญญาณล่องลอยไปทั่วโลก
"สกัดมันเอาไว้!" วินาทีที่วิลเลียมเล็งไปที่หน้าต่าง ผู้ถือโล่ก็ได้ขว้างโล่ของตนไปในอากาศเพื่อขัดขวางลูกธนู
แต่มีบางอย่างที่ทำให้แปลกใจเกิดขึ้น โล่ที่ถูกขว้างออกไปนั้นมาขวางลูกศรได้ทันเวลา แต่ลูกศรสีน้ำเงินเข้มก็พุ่งทะลุโล่ไปยังเจ้าเมืองได้
"เป็นไปได้ยังไงกัน?" ผู้ถือโล่ตกตะลึง ในพริบตามือสังหารก็หายตัวไป
“มือสังหาร ... มือสังหาร ...”
“ท่านเจ้าเมือง ...”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นเมื่อกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาหันกลับมาและเห็นว่าคนผู้นั้นข้ามผ่านอากาศไปถึงเจ้าเมืองของพวกเขาแล้ว ก่อนที่เขาจะแทงเข้าไปที่หน้าอกของเจ้าเมืองอย่างรุนแรง
"หึ"
เจ้าเมืองที่ถูกแทงเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะหัวเราะอย่างเย็นชา
เขาหายใจออกอย่างรุนแรง พลังการต่อสู้อัคคีกลืนกินไปทั่วร่างกายของเขา ก่อนมือข้างขวาที่เต็มไปด้วยเลือดของเขาจะคว้าจับดาบแห่งสายฟ้า แล้วเล็งหมัดไปที่วิลเลียม
ปัง
ตุ๊กตาเหล็กทั้งสองเข้าปะทะกัน ในขณะเดียวกันนั้น ‘คนรับใช้’ ที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดก็ลงมือโจมตีเช่นเดียวกัน โล่พลังต่อสู้ที่ปกป้องร่างกายของวิลเลียมถูกทำลายลง โชคดีที่โล่วิญญาณของเขาป้องกันการโจมตีได้อย่างทันท่วงที
แต่การปะทะกันครั้งใหญ่นั้นทำให้เขากระเด็นออกไป แต่เขาได้จับไหล่ของเจ้าเมืองไว้แล้วทั้งคู่ก็กระเด็นออกนอกหน้าต่าง ก่อนจะตกลงบนพื้น
"นี่มันอะไรกัน ทำไมเจ้าถึงรู้ว่าข้าเป็นตัวปลอมได้ในช่วงเวลาสั้นๆ เจ้าจะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง ... "
"ถ้าไม่ถูกจำกัดเวลา ฉันคงจะตรวจสอบให้แน่นอนกว่านี้"
วิลเลียมเลียริมฝีปาก เขารีบลุกขึ้นแม้ว่าจะยังรู้สึกเวียนหัวอยู่เล็กน้อย เขารีบเตะเจ้าเมืองตัวปลอมอย่างรวดเร็ว และก่อนที่เจ้าเมืองตัวปลอมจะลุกขึ้นเขาก็ถูกเตะกระเด็นออกไปเหมือนกับยิงปืนใหญ่จนประตูทะลุเป็นรู
"ชิ้ง" ผู้ถือโล่ที่อยู่ข้างหลังเขาสะบัดดาบ พลังของดาบที่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตรเข้าโจมตีตรงศีรษะของวิลเลียม
แต่วิลเลียมยกแขนขึ้นบังไว้ได้ทัน
โล่เวทมนตร์พังทลาย เลือดสาดกระจายในอากาศ
วิลเลียมไม่สนใจอาการบาดเจ็บที่แขน เขารีบพยุงตัวเองวิ่งเข้าไปในบ้าน ก่อนจะเตะเจ้าเมืองตัวปลอมอีกครั้ง ทำให้เกิดรูโหว่เป็นรูปคนก่อตัวขึ้นบนกำแพงจนมีรอยแตกยื่นออกมาคล้ายกับใยแมงมุมบนกำแพง มันยากที่จะจินตนาการได้ว่าการเตะของเขานั้นทรงพลังขนาดไหน
แต่คิดไปก็ปวดหัวเปล่าๆ ...
แต่ในการต่อสู้ ผู้ที่ร่วมต่อสู้ไม่ได้ผลัดกันโจมตี หากมีใครล้มลงศัตรูของพวกเขาก็จะเอาถึงชีวิต!
วิธีการต่อสู้ของวิลเลียมนั้นเด็ดขาดและรวดเร็วมาก เขาเข้าหาเจ้าเมืองตัวปลอมและฟันดาบสั้นอาบยาพิษและดาบสายฟ้าในเวลาเดียวกันราวกับว่าเขากำลังข้ามผ่านอากาศ
สายฟ้าและแสงสีเขียวดูเหมือนจะก่อตัวเป็นวงโคจรที่เฉื่อยชา ...
ดังนั้น
ในพริบตา
เจ้าเมืองตัวปลอมซึ่งค่อนข้างแข็งแกร่งและยังสามารถต่อสู้ต่อไปได้อีก แม้แขนของเขาจะหักไปแล้วตอนที่เขาพยายามปกป้องตัวเอง ดวงตาของเขายังคงพร่ามัวขณะที่ศีรษะของเขาถูกโจมตีจนหงายหลัง
“แข็งแกร่งขนาดไหนกัน?” ผู้ถือโล่ระดับ 50 ทำลายความเงียบ มีลูกน้องหลายคนเข้าไปในบ้าน พวกเขาไม่อยากที่จะเชื่อเรื่องตรงหน้า
เจ้าเมืองตัวปลอมเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองไรน์เป็นลำดับที่สาม
“ช่างแข็งแกร่งอะไรขนาดนี้”
วิลเลียมไม่สนใจคนที่อยู่ข้างหลัง
เขาชกกำแพงด้านซ้ายอย่างรุนแรง!
ปัง
ผนังเกิดรูขนาดใหญ่
“เอ่อ…” มีคนเห็นชายวัยกลางคนที่หน้าซีดด้วยความตื่นตระหนก วิลเลียมชกทะลุกำแพงและคว้าเข้าที่คอของเขา ชายคนนั้นเบิกตากว้างขณะที่ขาของเขาลอยอยู่กลางอากาศ เขาไม่สามารถใช้กำลังใด ๆได้เลย
"ท่าไม่ดีแล้ว รีบช่วยท่านเจ้าเมืองเร็วเข้า” เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาเริ่มตื่นตระหนกและพุ่งออกไปโดยไม่มีเวลาคิด มือสังหารรู้ได้อย่างไรว่ามีใครบางคนซ่อนอยู่ในกำแพงลับ?
หากผู้เล่นอยู่ที่นี่พวกเขาจะตะโกนว่า “อัจฉริยะ !!!”
แต่มันก็สายเกินไปที่จะพูดอะไร วิลเลียมงอแขนของเขาและส่งหมัดออกไปจนเกือบจะทำให้เจ้าเมืองหยุดหายใจ
ไม่เพียงจะทำให้คอของเจ้าเมืองหักเท่านั้น แต่กระดูกสันหลังครึ่งหนึ่งของเขายังโผล่ออกมาให้เห็นต่อหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาอีกด้วย
เจ้าเมืองที่มีเพียงเลเวล 30 ...
วิลเลียมไม่ได้เผชิญกับความยากลำบากใดๆในการฆ่าเขา
“เวทย์วิญญาณมีประโยชน์มาก…” วิลเลียมตระหนักถึงบางสิ่งเมื่อนานมาแล้ว
หลังจากที่เวทย์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาก้าวไปสู่เลเวล 20 แล้ว เขาก็พบว่าหากคลื่นพลังงานของคนๆนั้นแข็งแกร่งมาก เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของคนๆนั้นได้ในระยะสิบเมตร ยิ่งคลื่นพลังงานแรงมากเท่าไหร่ ตำแหน่งก็ยิ่งแม่นยำมากขึ้นเท่านั้น
นี่ไม่ใช่ทักษะ แต่มันเป็นเหมือนแผนที่สามมิติที่สร้างขึ้นในใจ ซึ่งทำงานคล้ายกับอัลตราซาวนด์ที่ค้างคาวใช้
เห็นได้ชัดว่า แม้ว่าผู้เล่นจะเรียนเวทย์จิตวิญญาณ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเชี่ยวชาญได้เว้นแต่จะมีทักษะเฉพาะ
นี่เป็นทักษะที่ NPC เท่านั้นที่มี หากยิ่งแม่นยำขึ้นเท่าไหร่ เราก็จะสามารถเพลิดเพลินไปกับทักษะของผู้อยู่อาศัยดั้งเดิมเมื่อพวกเขารวมเข้ากับโลกนี้ได้อย่างแท้จริง
โอ้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมลูกศรถึงทะลุผ่านกำแพงได้ เพราะเขาสามารถมองทะลุกำแพงได้นี่เอง
“เจ้าเมืองตายแล้วอย่างนั้นหรือ?” ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหลายต่างคาดไม่ถึง ใครกันที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา?
“เขาเป็นมือสังหาร? พรานป่า? หรือนักรบกัน?” ใครบางคนพึมพำอย่างเงียบ ๆ เขาแข็งแกร่งเกินไป
ผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าเมืองไม่สามารถหยุดวิลเลียมได้
เขาเป็นบอสรีเจนดารีเลเวล 57 และเป็นนักฆ่าอันดับต้น ๆ ในเวอร์ชัน 1.0 ด้วยสายเลือดระดับรีเจนดารีรวมกับคุณสมบัติของเขาก็พอที่จะทำให้ศัตรูของเขาตกอยู่ในความสิ้นหวัง ...
วิลเลียมผู้ฆ่าไม่ตายได้เข้าไปในวังของเจ้าเมืองและฆ่าเขาภายในเวลาไม่ถึงสามนาที จากนั้นในการแสดงพลังที่น่าประทับใจเขาก็ทำลายทางออก ในที่สุดเขาก็ไปถึงกำแพงเมืองและหลบหนีออกไปในเวลากลางคืน
การสังหารที่น่ารังเกียจนี้ทำให้เกิดการปะทุคลื่นลมระหว่างสองอาณาจักร
วันต่อมา
หน่วยสืบสวนที่ส่งมาจากพระราชาได้มาถึง หน่วยสืบสวนกลุ่มนี้ได้สร้างความตกใจให้กับผู้เล่นเนื่องจากมีบอสระดับรีเจนดารีสองคน
การลอบสังหารที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องร้ายแรงมาก ผู้เล่นทุกคนเข้าใจเรื่องนี้ดี
บอสทั้งสองคนคือโกธี นาซิสและออกัสติน
พวกเขามองไปที่ความยุ่งเหยิงในวังของเจ้าเมืองเช่นเดียวกับฉากการตายของเขาที่ยังไม่มีใครแตะต้อง พวกเขาเก็บเรื่องเอาไว้ให้เงียบที่สุด
ออกัสตินกำหมัดแน่น สายตาของเขาเย็นชา “ผู้ร้ายแข็งแกร่งมาก น่าจะผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในระดับเดียวกับเรา”
โกธี นาซิสสัมผัสกับรอยกำแพงทะลุรูปคนบนผนัง เขาส่ายหัว “ไม่ เขาอาจจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับท่าน”
“คนนี้ไม่ใช่มือสังหาร องค์กรดาร์กชาโดว์ไม่ยอมให้มีมือสังหารที่น่ากลัวเช่นนี้” ออกัสตินกัดฟัน
"ท่านพูดถูก แล้วเขาเป็นใครกัน? ไดอาโบลจากอาณาจักรลาวาดำ? หรือรีเนคตัน? หรือว่า…"
“ไม่ ไม่ใช่พวกเขา…” โกธี นาซิสโต้ข้อโต้แย้งของตัวเองอย่างรวดเร็ว
ไดอาโบลเป็นนักรบเหล็ก ในขณะที่รีเนคตันเป็นผู้บัญชาการภายใต้ราชวงศ์ พวกเขาจะไม่ถูกสั่งให้ทำอะไรแบบนี้ มีโอกาสมากขึ้นสำหรับคนอื่นที่จะทำเช่นนี้
พวกเขามองหน้ากัน จากนั้นเมื่อพวกเขาเริ่มบรรยายฉากต่อสู้ พวกเขาก็พูดพร้อมเพรียงกันว่า “สายฟ้า! เมืองแห่งรุ่งอรุณ”
โกธี นาซิสยิ้ม “ช่างซุกซนเสียจริง ในตอนนั้นข้าไม่ได้ฆ่าเพื่อนคนนั้น แต่กลับปล่อยให้เขาเติบโตขึ้น ตอนนี้เขากล้าที่จะยั่วโมโหข้า น่าสนใจดีนี่”
“เขาอาจจะลงมืออีกครั้ง”
“บางทีอาจจะไม่ใช่” โกธีเลิกคิ้วแล้วพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “แต่ท่านไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ นำกำลังลอบสังหารเจ้าหน้าที่หน่วยสอดแนมและผู้เชี่ยวชาญที่ชายแดนต่อไป”
“ทิ้งปัญหาของขุนนางในอาณาจักรไว้ที่ข้า สงครามจะเริ่มในอีกสองเดือน”
“ตอนนี้สร้างบรรยากาศตึงเครียดที่ชายแดน ทำให้อาณาจักรลาวาดำคิดว่าเรากำลังจะโจมตี”
"ตกลง ทิ้งวิลเลียมไว้ให้เป็นหน้าที่ข้า ข้ายังเสียใจจากความพยายามครั้งก่อนที่จะฆ่ามังกร” ออกัสตินคิดถึงแม่มดในความทรงจำที่ยังคงชัดเจนในใจของเขา ถ้าเขาไม่ยุติความเสียใจนี้ เขาก็จะรู้สึกแย่ไปตลอดชีวิต
โกธี นาซิสพยักหน้า ทันใดนั้นเขาโบกมือขึ้นและทุกคนก็ถอยออกไป
และ…
เขามองชายผมสีทองตรงหน้า เขายื่นมือออกมาและสัมผัสใบหน้าของออกัสตินเบา ๆ "ระวังด้วย ความสามารถของเขาไม่ธรรมดา”
“งั้นเราควรออกไปหลังจากคืนนี้ดีหรือไม่?” ออกัสตินเผยยิ้มที่ยากจะได้เห็น
“โอ้…แน่นอน!”