ตอนที่แล้วตอนที่ 12: สันติภาพของโลก (สมบูรณ์)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปMy Iron Suit ตอนที่ 14: งานแสดงสินค้า

ตอนที่ 13 สตีฟสั่งสอนคนนิสัยไม่ดี!  (สมบูรณ์)


ตอนที่ 13 สตีฟสั่งสอนคนนิสัยไม่ดี!   

ภายในโรงหนัง สตีฟกำลังดูหนังโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับความรักชาติ ที่ฉายก่อนหนังจริง ในขณะที่ดูโฆษณานี้เลือดในร่างกายของเขาสตีฟก็สูบฉีดด้วยความตื่นเต้น เขาหวังว่าเขาจะได้เข้าร่วมกองทัพทันที เพื่อที่เขาจะได้รีบไปเข้าร่วมรบที่สนามรบในยุโรป

แต่จู่ๆ ผู้ชายที่นั่งอยู่แถวหน้าเขาก็กลับตะโกนออกมาอย่างหมดความอดทน

“รักชาติบ้าบออะไรใครสน รีบๆ ฉายหนังได้แล้ว!”

สตีฟเมื่อได้ยินคำพูดที่ไม่ให้ความเคารพเหล่าทหารเขาก็ทนพฤติกรรมของอีกฝ่ายไม่ไหว“เฮ้คุณ โปรดเคารพเหล่าทหารกล้าหน่อย”

  ฉากต่อมาก็มาถึงฉากที่ทหารได้รับบาดเจ็บสาหัสกำลังถูกขนย้ายขณะนอนอยู่บนเปลหาม และเมื่อผู้ชมได้เห็นทหารของประเทศตัวเองได้รับบาดเจ็บบางคนก็เริ่มตาแดง ผู้หญิงบางคนถึงกับร้องให้ออกมาอย่างเงียบๆ

  แต่ผู้ชายตัวปัญหาก็เริ่มตะโกนอีกครั้ง

  “ไม่เอาน่า! ฉันเสียเงินมาดูหนังนะเว้ย! ไม่ได้เสียเงินเพื่อมาดูโฆษณาล้างสมอง รีบๆฉายหนังเดี๋ยวนี้!”

  ครั้งนี้สตีฟทนไม่ไหวแล้วกับความหยาบคายของอีกฝ่าย "หุบปาก!"

  ผู้ชายที่นั่งแถวหน้าลุกขึ้นยืนทันทีหลังจากได้ยินคำพูดของสตีฟ ชายคนนี้มีร่างกายที่ใหญ่โตกว่าและดูแข็งแรงกว่าสตีฟอย่างมาก

หลังจากชายคนนั้นลุกขึ้นก็หันหลังมาจ้องตาสตีฟ

  หลังจากนั้นทั้งสองก็เดินออกจากโรงหนังมาถึงซอยด้านหลัง เพื่อที่จะได้แก้ไขปัญหาความข้องใจในแบบของผู้ชาย  แต่มีอีกเหตุผลที่ว่าทำไมชายคนนั้นถึงกล้าออกมากลับสตีฟ ก็เพราะว่าเขาเห็นว่า สตีฟที่มีร่างกายเล็กจ้อยดูเป็นคนที่เขาสามารถรังแกได้อย่างง่ายๆ  แต่หากเป็นคนที่ขนาดเท่าๆ กันเขาคงไม่ออกมา

ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังมองมาที่ตัวเอง สตีฟเองก็เงยหน้ามองชายตรงหน้าด้วย ท่านอาจารย์เคยบอกไว้ว่าเมื่อต้องพบกับคนที่นิสัยเสีย การสอนด้วยคำพูดล้วนไร้ประโยชน์ ดังนั้นจงสั่งสอนคนนิสัยเสียด้วยกำลังกายแบบไม่ยั้งมือ เพราะว่านี่จะช่วยให้คนนิสัยเสียจำบทเรียนได้อย่างลึกซึ้ง จนไม่กล้าก่อปัญหาอีกในอนาคต ตัวสตีฟเองที่มักถูกเฉินโม่สั่งสอนด้วยลำแข้งรู้ซึ้งถึงเรื่องนี้ดี วิธีการแก้ปัญหาแบบนี้ของอาจารย์จะฝังอยู่ในความทรงจำของเขาไปอีกนานแสนนาน

 

ชายตัวโตเมื่อเห็นว่าผู้ชายอ่อนแอที่อยู่ตรงหน้ากล้ามองมาที่ตัวเขาด้วยสายตาไร้ความกลัว ก็ทำให้เขาอารมณ์ขึ้นทันที ไม่รอช้าเขาคำรามพร้อมต่อยออกไปหาสตีฟด้วยความโกรธ!  กำปั้นนี้หากเป็นสตีฟคนก่อนคงถูกต่อยไปนอนกองอยู่บนพื้นทันที แต่ในสายตาของสตีฟคนปัจจุบัน กำปั้นของชายคนนี้ที่แม้จะดูเต็มไปด้วยพละกำลัง แต่ก็กลับช้าอย่างมาก

  ดังนั้นสตีฟจึงโยกหลบกำปั้นไปด้านข้างได้อย่างง่ายดาย แล้วสวนด้วยการชกไปที่จุดเส้นพลังชีวิตที่อยู่ใต้รักแร้ของอีกฝ่าย และแทบจะในทันทีชายคนนี้ที่ดูก้าวร้าวอย่างมากก่อนหน้า ก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เพราะเขารู้สึกเจ็บแปลบที่ใต้รักแร้ของเขา อาการที่ตามมาก็คือแขนทั้งข้างของเขาก็ไร้ความรู้สึกไปโดยสิ้นเชิง จากนั้นแขนก็ห้อยลงมาอย่างอ่อนแรง

  แต่ชายคนนี้ก็ยังไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ จึงหมุนตัวส่งแรงไปที่แขนอีกข้างหนึ่งแล้วชกไปที่ตีสตีฟ หมัดนี้มีโอกาสโดนสตีฟเต็มๆ ถ้าสตีฟหลบไม่ทัน แต่ในสายตาของสตีฟ กำปั้นนี้แทบไม่เป็นภัยคุกคามใดๆต่อเขาเลย

  สตีฟโยกตัวหลบกำปั้นด้วยการหมอบไปข้างหน้า และต่อยสวนเข้าไปที่บริเวณซี่โครงข้างขวาของคู่ต่อสู้ ตรงนั้นเป็นที่ที่ตับอันเปราะบางของร่างกายมนุษย์อยู่ และแทบจะในทันทีความเจ็บปวดอย่างที่ผู้ชายตัวโตไม่เคยสัมผัสมาก่อนก็ลามจากบริเวณตับไปยังทั่วร่างกายของเขา ตามมาด้วยสีผิวทั้งร่ายกายของชายคนนี้ที่ซีดจนแทบจำไม่ได้ จากนั้นชายคนนี้ก็ก้มตัวลงพร้อมจับบริเวณที่โดนสตีฟต่อย

หลังจากต่อยที่ตับไป สตีฟก็เคลื่นไหวไปที่ด้านหลังของอีกฝ่ายพร้อมเตะเข้าไปที่ข้อพับขาของอีกฝ่าย จนทำให้ผู้ชายตัวโตคนนี้ล้มไปกองอยู่กับพื้น

  คราวนี้ชายตัวโตหมดแรงที่จะต่อต้านใดๆ เพราะเขารู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างกายจนไม่มีแรงแม้แต่จะกระดิกนิ้วได้

และในสายตาที่หวาดกลัวของชายร่างโต เท้าของสตีฟก็กำลังพุ่งเข้ามาที่ใบหน้าของเขา เขาทำได้เพียงหลับตาลงด้วยความหวาดกลัว แต่ความเจ็บปวดที่คิดไว้ว่าจะมา ก็ดันมาไม่ถึง เขาจึงลืมตาขึ้นด้วยความกลัวและได้เห็นว่าเท้าของสตีฟหยุดห่างจากใบหน้าของเขาไปไม่กี่เซนติเมตร

  

“จำไว้เมื่อนายรังแกคนอื่น ก็เตรียมตัวไว้ด้วยว่าตัวนายเองก็ถูกคนอื่นรังแกกลับได้เช่นกัน” สตีฟพูดเสร็จแล้วก็ค่อยๆ ถอยเท้ากลับ

  “เหล่าทหารผู้กล้าหาญที่อยู่แนวหน้าต่างก็กำลังต่อสู้กันอย่างสุดชีวิตเพื่อให้พวกเราได้อยู่กันอย่างสุขสบายที่บ้าน แต่นายกลับใช้กำลังของตัวเองเพื่อรังแกคนที่อยู่ที่บ้าน

พลังที่นายมีถ้าใช้อย่างถูกที่ถูกทาง นายก็จะกลายเป็นฮีโร่ที่น่านับถือของทุกคน แต่เมื่อใดที่นายใช้มันผิดที่ นายก็จะกลายเป็นแค่พวกอันธพาลที่ใครๆ ก็เกลียด นายอยากจะเป็นคนที่ใครๆ ก็เกลียดตลอดไปเหรอ หรือ อยากจะเป็นคนที่ใครๆ ก็ชื่นชม?” หลังจากสตีฟพูดจบ เขาก็หันหลังเดินออกจากซอยไป ทิ้งให้ชายร่างโตนอนเจ็บปวดอยู่ที่พื้น

  นี่ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เขาชนะคนที่มารังแกเขา การชนะครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกสดชื่นทั้งทางร่างกายและจิตใจ สตีฟอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเฉินโม่ คนที่เปลี่ยนชีวิตของเขา

และทันทีที่สตีฟเดินออกมาจากซอย เขาก็เห็นเพื่อนเดนตายของเขา บัคกี้ บาร์นส์ " บัคกี้!" สตีฟตะโกนเรียกอย่างมีความสุข

  บัคกี้หันมามองสตีฟ “เฮ้สตีฟ! ขอโทษทีที่นัดกันไว้ว่าจะมาดูหนังด้วยกัน แต่ฉันดันมาสายไปหน่อย ว่าแต่นายมาทำอะไรตรงนี้ ไม่เข้าไปดูหนังข้างในเหรอ?”

  เมื่อบัคกี้เดินเข้ามาใกล้ สตีฟก็ได้เห็นว่าวันนี้บัคกี้สวมชุดทหาร “สมัครผ่านแล้วเหรอ?” สตีฟเงยหน้าขึ้นมองแล้วถาม

  “พรุ่งนี้เช้ากรมทหารราบที่ 107 จ่าเจมส์ บาร์นส์ จะออกเดินทางสู่อังกฤษ” บัคกี้พูดอย่างภาคภูมิใจ

  สตีฟเงียบไปครู่หนึ่ง "ฉันเองก็ควรได้ไปเหมือนกัน" น้ำเสียงของสตีฟเบามาก แม้ว่าเขาจะได้ทำการสมัครเข้ากองทัพหลายครั้งก่อนหน้านี้แต่ก็ถูกคัดออกตลอด เพราะสมรรถภาพทางกายของเขาที่ไม่ดี แต่ตอนนี้เขามั่นใจว่าถ้าเขาสมัครทหารอีกครั้งด้วยร่างกายในปัจจุบันของเขา เขาจะต้องผ่านไปได้อย่างแน่นอน แต่อาจารย์ไม่เคยบอกว่าร่างกายของเขาจะพร้อมสมัครเมื่อใด

  ด้วยความที่เขาเคารพและชื่นชมเฉินโม่ เขาจึงยินดีที่จะรับฟังสิ่งที่เฉินโม่สั่งตราบเท่าที่มันไม่ละเมิดหลักการของเขา ดังนั้น แม้ว่าเขาจะกระตือรือร้นอย่างยิ่งที่จะเข้าร่วมกองทัพและรับใช้ประเทศ แต่เขาก็ไม่ได้มาลงสมัครอีกครั้ง

  เมื่อเห็นว่าสตีฟอารมณ์ดูไม่ค่อยดี บัคกี้จึงคิดว่าเป็นเพราะสตีฟสมัครไม่ผ่านอีกครั้งจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง

  บัคกี้โอบไหล่สตีฟ“ไม่เป็นไรน่าเพื่อน! เอางี้คืนสุดท้ายก่อนที่ฉันจะไปอังกฤษ ฉันจะทำให้นายโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ก่อนเริ่มไปเปลี่ยนชุดกันก่อน”

  สตีฟที่ได้ยินคำพูดของบัคกี้ก็เขินอาย จึงพยายามสงบสติอารมณ์แล้วถามกลับ “แล้วเราจะไปไหนกัน”

  "เราจะไปอนาคตกัน" บัคกี้ยื่นหนังสือพิมพ์ให้สตีฟที่มีตัวหนังสือเขียนว่า "งานทูมอโร่วเวิลด์" พิมพ์อยู่ทั้งหน้ากระดาษ

  สตีฟหยุดเดิน“งั้นต้องกลับไปที่ห้องโถงศิลปะการต่อสู้ก่อน”

  “ห๊ะ?” บัคกี้ถามด้วยความสับสน

  “อาจารย์บอกว่าเขามีเรื่องที่จะบอกฉันบ่ายวันนี้” สตีฟพูดเสร็จแล้วรีบเดินไปที่ห้องโถงศิลปะการต่อสู้ บัคกี้ส่ายหัวแล้วรีบเดินตามไป

  “อาจารย์ ผมกลับมาแล้ว!” สตีฟพาบัคกี้เดินเข้าไปข้างในพร้อมตะโกนบอกเฉินโม่ที่กำลังฝึกปามีดบินอยู่ข้างใน

  เฉินโม่สะบัดมือ แล้วมีดบินก็พุ่งตัดผ่านกระแสอากาศด้วยความเร็วสูง แล้วไปหยุดอยู่ที่ตรงกลางของเป้าที่อยู่ห่างออกไปยี่สิบเมตรแทบจะในทันทีที่ปาออกไป ตัวมีดบินจมลงไปเกือบครึ่งหนึ่ง และที่ข้างๆมีดเล่มนี้ ก็มีมีดเล่มอื่นๆ อีกมากมายสอดเข้าไปตรงกลางเป้าอย่างแน่นหนา

(สมบูรณ์)