บทที่ 65 ความสามารถที่มากเกินไป
บทที่ 65 ความสามารถที่มากเกินไป
กุนไท่นั้นไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีการลองเชิงของผู้ใช้มายาเกิดขึ้น เขาเพียงแค่ยิ้มและส่งสายตาชื่นชมไปให้อีกฝ่ายเท่านั้น หากอีกฝ่ายรู้ว่าชายหนุ่มยังไม่ได้ใช้พลังเลยจะรู้สึกเช่นไร เพราะตัวนางคิดไปเองฝ่ายเดียวว่ากุนไท่ใช้พลังมายาหยั่งเชิงนาง ทำให้นางสูญเสียความมั่นใจในศาสตร์แห่งมายาไป!
ผู้ใช้มายาส่วนมากจะมีอาวุธคู่กายเป็นเครื่องดนตรีซะส่วนใหญ่ จึงทำให้ผู้ใช้มายามีจำนวนเพียงน้อยนิดแต่กลับมีฐานะที่สำคัญอย่างมากต่อขุมกำลังใหญ่ต่างๆ ยุคนี้นักปรุงยาและนักสร้างค่ายกลไม่ได้สำคัญเหมือนกาลก่อนแล้ว การเป็นนักปรุงยาหรือนักสร้างค่ายกลสามารถฝึกฝนได้จนทุกวันนี้ก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ผู้ใช้มายานั้นใช่ว่าอยากจะเป็นก็สามารถเป็นได้ มันเป็นพรสวรรค์ตั้งแต่กำเนิดหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเกิดมาพิเศษกว่าผู้ใด
“กุนไท่!”
เสียงเรียกของชายชราดังขึ้น ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อเหลาคมคาย รูปร่างสูงโปร่งผิวขาวราวกับอิสตรี มีเรือนผมสีน้ำเงินเฉกเช่นเดียวกันนัยน์ตาถือเป็นบุรุษรูปงามที่หาได้ยากผู้หนึ่ง เขาก้าวเดินขึ้นลานประลองด้วยท่าทีสง่างาม
สายตาของผู้คนนับพันต่างจ้องมองมาที่ชายหนุ่มด้วยสายตาสนอกสนใจ เพราะเหตุการณ์ที่ได้ทำให้เกาเทียนฉีฉี่ราดเป็นเรื่องราวใหญ่โตมาก มันแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองแล้วด้วยซ้ำไม่ใช่แค่ในวังหลวงอีกต่อไป
เมื่อทุกคนได้เห็นใบหน้าอ่อนวัยของกุนไท่ถึงกลับกันพูดไม่ออกและยิ่งสัมผัสได้ถึงระดับการบ่มเพาะด้วยแล้ว มันทำให้ผู้คนมากมายต่างตะลึงลานไปทั่ว!
“หนุ่มน้อยผู้นี้หรือที่เข้ามาวันแรกก็สร้างชื่อเสียงทั่วทั้งวังหลวง?”
“ยังเยาว์นัก อายุเพียงเท่านี้กลับสามารถบ่มเพาะมาถึงระดับนี้ มันทำให้พวกข้านึกถึงการบ่มเพาะเมื่อครั้งยังเยาว์รู้สึกเสียดายเวลานัก!”
เหล่าผู้อาวุโสต่างประหลาดใจในพรสวรรค์ของกุนไท่ พวกเขาไม่เคยเห็นใครมีพรสวรรค์มากเท่านี้มาก่อน ในประวัติศาสตร์ของเมืองต้าหวางก็ยังไม่เคยปรากฏขึ้น!
“เจ้าเด็กนี่รึที่สร้างความอับอายให้บุตรชายของข้า? แม้มันจะมีพรสวรรค์แต่ข้าก็จะฆ่ามัน!”
ผู้อาวุโสหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยความเลือดเย็นอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวผู้อื่นจะได้ยิน
“แต่มันไม่ง่ายเช่นนั้น แค่ลำพังเพียงพรสวรรค์ของมันเหล่าบุคคลระดับสูงคงให้ความสำคัญกับมันเป็นแน่!”
ผู้อาวุโสห้าตอบกลับไปพลางจิบชาอย่างใจเย็น
“หึ! ข้าจะกำจัดมันอย่างลับๆเอง ไม่ว่าใครก็มิอาจสามารถหาตัวมันพบได้อีก!”
ผู้อาวุโสหนึ่งกล่าวจบแล้วจิบชาพลางใช้แขนเสื้อบังใบหน้าที่กำลังแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย
กุนไท่ยืนตั้งตระหง่านกลางลานประลองด้วยท่าทีสงบ การแสดงออกของชายหนุ่มเหนือกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันมากมันทำให้ใครหลายคนอดจะชื่นชมไม่ได้
ฟึบ!
ขลุ่ยจักรพรรดิวิญญาณปรากฏขึ้นพร้อมกับพลังปราณสีม่วงที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรแพร่กระจายออกมา พลังอำนาจที่ลึกล้ำและสูงส่งทำให้กุนไท่ดูราวกับเทพเจ้าผู้รังสรรค์บทเพลงบนโลกใบนี้ขึ้น ชายหนุ่มเริ่มบรรเลงเสียงเพลงขึ้นด้วยท่วงทำนองอันประณีต
ปรากฏกลุ่มเมฆสีดำก่อตัวขึ้นปกคลุมบนท้องฟ้าบดบังดวงอาทิตย์ที่เคยมอบสว่างให้แก่โลก ความมืดมิดเริ่มย่างกรายเข้ามาในทุกพื้นที่ทุกหนทุกแห่ง พวกมันต่างถูกกลืนไปกับโลกมายาอย่างไม่รู้ตัว พลังอำนาจล้นฟ้าสร้างความตกตะลึงให้กับผู้คนโดยรอยอย่างน่าหวาดหวั่น
ภูตผีปีศาจมากมายต่างผุดขึ้นจากพื้นดินก่อนจะกู่ร้องด้วยเสียงที่ชวนขนลุกขนพอง ความหวาดกลัวเริ่มกัดกินจิตใจผู้คน สัตว์ประหลาดรูปร่างสูงใหญ่คล้ายมนุษย์ซึ่งมีความสูงถึงสิบเมตรแม้แต่ขนาดตัวของมันใหญ่โตมากเช่นกัน มันมีจำนวนราวพันกว่าตัวพวกมันแต่ละตัวคุกเข่าลงตรงหน้าของกุนไท่ไม่ต่างจากทาสบริวาร!
ใต้พื้นของกุนไท่ปรากฏภูเขาสูงขึ้นพร้อมกับบัลลังก์สีดำแดงที่ดูชั่วร้าย ชายหนุ่มนั่งมันโดยที่ไม่ได้หยุดบรรเลงบทเพลงเลยแม้แต่น้อย
บนน่านฟ้าท่ามกลางหมู่เมฆสีดำทมิฬพลันบังเกิดอัสนีบาตสีม่วงเริงระบำราวกับข้ารับใช้กำลังทำการแสดงเพื่อเพิ่มความบันเทิงให้กับชายหนุ่มบนบัลลังก์
สัตว์อสูรที่บินได้ต่างบินฉวัดเฉวียนไปมาควบคู่ไปกับอัสนีสีม่วงบนท้องฟ้ารัตติกาล ความยิ่งใหญ่อลังการที่เกิดขึ้นทำให้ผู้คนมากมายต่างงุนงงอ้าปากค้าง การแสดงพลังมายาของหญิงสาวก่อนหน้านี้กลายเป็นของเด็กเล่น!
“นะ...นี่มันอะไรกัน เขาเป็นผู้ใช้มายาอีกคนและแข็งแกร่งกว่ากัวซู่หานอีกด้วย!”
“นี่มันสัตว์ประหลาด หรือตัวอะไรกันแน่! เหตุใดถึงได้มีพลังมากขนาดนี้!”
ผู้คนมากมายที่ได้สติเริ่มอุทานขึ้นมา กัวซู่หานก็ตกตะลึงไม่ต่างกันที่ผ่านมานั้นนางมั่นใจในพลังมายาของตนเองมาโดยตลอดว่าแข็งแกร่งไม่เป็นรองผู้ใด ทว่าอยู่ๆกลับมีคนที่อายุน้อยกว่านางและยังมีระดับบ่มเพาะที่ต่ำกว่า แต่กลับมีความเข้าใจในศาสตร์มายามากกว่านางมากนักมันทำให้นางเริ่มสูญเสียความมั่นใจไป
กุนไท่ยังไม่ได้หยุดบรรเลงบทเพลง ยามนี้ชายหนุ่มกำลังจะใช้พลังที่แท้จริงแล้ว เขาต้องการให้บุคคลระดับสูงสนใจเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้!
ตูม!
พลังปราณมหาศาลระเบิดออกมา มันมีทั้งพลังจิตและพลังวิญญาณหลอมรวมกันจนเป็นพลังที่สามารถทำลายเมืองหนึ่งได้ในพริบตา ความแข็งแกร่งของกุนไท่ในตอนนี้ทะยานสูงขึ้นจนถึงขีดสุด
โลกทั้งใบแปรเปลี่ยนไปภาพของทุกคนเปลี่ยนไปอีกครั้ง สัตว์อสูรที่คุกเข่านั้นลุกขึ้นยืนพร้อมกับพุ่งออกไปทำลายภูเขาขนาดใหญ่มากมาย พลังรอบตัวของกุนไท่แยกท้องฟ้าและผืนปฐพีได้อย่างดาย ความมหัศจรรย์ใจปรากฏขึ้นในใจของทุกคนที่ยากจะลืมเลือน พวกเขาทุกคนลืมไปแล้วว่านี่คือโลกมายาที่ชายหนุ่มเป็นผู้สร้างขึ้น
กุนไท่เก็บอาวุธคู่กายกลับไปพลางหอบหายใจอย่างหนักหน่วง เขาใช้พลังมากจนเกินไป สภาพของเขาในยามนี้ดูอิดโรยอย่างชัดเจน ใบหน้าซีดเซียวไร้สีแต่กลับถูกแต่งเติมไปด้วยรอยยิ้ม ชายหนุ่มยังคงพยายามเดินลงจากลานประลองด้วยท่าทีสง่างาม
หญิงสาวมากมายต่างจ้องมองไปที่กุนไท่ราวกับบุรุษในฝัน พวกนางต่างรู้สึกอยากได้ชายหนุ่มผู้นี้มาครอบครอง
“ข้าจะดึงหนุ่มน้อยผู้นี้มาเป็นคนในการดูแลของข้า ห้ามใครแย่ง!”
“บัดซบ! เด็กคนนี้ต้องเป็นของข้าเท่านั้น เจ้าอย่ามายุ่งเกี่ยว!”
“พวกเจ้าทุกคนเงียบซะ บุรุษหนุ่มผู้นี้ต้องเป็นศิษย์ของข้าเท่านั้น!”
เสียงดังระงมไปทั่ว เหล่าบุคคลระดับสูงต่างเริ่มทะเลาะกันโดยไม่สนใจภาพลักษณ์ของตนเองเลยแม้แต่น้อย ความสามารถที่กุนไท่แสดงออกมานั้นมันมากจนเกินไป มากจนอัจฉริยะบนโลกใบนี้ไม่ควรใช้คำว่าอัจฉริยะอีกต่อไป!