ตอนที่แล้วบทที่ 14 ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 16 การพัฒนาตนเอง

บทที่ 15 ผู้กองหยาน


บทที่ 15 ผู้กองหยาน

“พี่จ้าว พี่จะกลัวอะไร!?” ซูหม่าขมวดคิ้วตะคอกถามอย่างเย็นชา “เรากำลังจะแจ้งความกับตำรวจ แต่ตำรวจมาโดยที่เราไม่ต้องทำอะไร พระเจ้าเข้าข้างเราชัดๆ!”

“คุณซูหม่า หมายความว่ายังไง?” เฉินจ้าวถามอย่างสงสัย

“ฉันจะออกไปจากที่นี่ก่อน พี่อยู่ที่นี่แหละแล้วโทรเรียกตำรวจ ถ้าพี่โทรเรียกตำรวจตอนนี้ พวกตำรวจที่อยู่ใกล้ๆแถวนี้ จะต้องมาจัดการที่นี่ก่อนเพราะมันใกล้พวกเขา จากนั้นพี่อย่าลืมว่า พี่ต้องแกล้งเป็นคนที่เดินผ่านมาและเห็นเหตุการณ์โดยบังเอิญ ที่สำคัญอย่าลืมอธิบายลักษณะของจี้เฟิงอย่างละเอียด” ซูหม่ารีบพูดและหันไปโดยไม่ลืมที่จะพูดว่า “พี่ชาย ถ้าเรื่องนี้สำเร็จ พี่แน่ใจได้เลยว่า ฉันจะไม่ลืมพี่แน่นอน!”

หลังจากพูดจบ เขาก็หายเข้าไปในซอยเล็กๆอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่เขาออกมา ซูหม่าก็โล่งใจ เมื่อเขาได้ยินเสียงไซเรนของรถตำรวจเขาก็จำที่พ่อบอกกับเขาได้ว่า ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ถ้าเรื่องถึงตำรวจ ก็จะไม่มีใครช่วยอะไรเขาได้

ซูหม่ารู้ดีว่า ตอนนี้สถานการณ์ของพ่อไม่ง่ายนัก เพราะถงไค่เต๋อ เลขาธิการพรรคประจำเขตพยายามอย่างมากที่จะรวบรวมหลักฐานที่จะจัดการกับพ่อของเขา และคนอื่นๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมาย หากซูหม่าเกี่ยวข้องหรือยังสร้างปัญหาเพิ่มในตอนนี้ เกรงว่าแม้แต่พ่อเขาที่เป็นรองผู้บริหารเขตก็ยังไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้

ดังนั้นหลังจากอธิบายให้กับชายหัวโล้นเฉินจ้าวเสร็จ เขาจึงรีบชิ่งหนีออกไป

“แม่งเอ้ย!” ชายหัวโล้นสบถออกมาหลังจากที่ซูหม่าหนีหายวับไปอย่างรวดเร็ว เขาอดไม่ได้ที่จะตะโกนด่า “ฉันขอให้นายโดนกระทืบให้หนัก เพราะเรื่องที่นายโยนขี้มาให้ฉันแล้วหายหัวไป!”

เฉินจ้าว รู้สึกหงุดหงิด เขาถ่มน้ำลายลงพื้น แต่เขาก็ทำอะไรซูหม่าไม่ได้ ถึงจะเป็นแค่เด็ก แต่เป็นเด็กที่มีพ่อเป็นสุนัขจิ้งจอกเฒ่าที่มีตำแหน่งเป็นถึงรองผู้บริหารของเขต หากทำให้พวกนั้นขุ่นเคืองใจ เขาเกรงว่าในอนาคตคงเป็นเรื่องยากที่จะทำธุรกิจของเขาต่อในเมืองนี้

เมื่อคิดได้ เขาหันหน้าไปมองชายหกคนที่นอนอยู่บนพื้นอย่างขมขื่นและพูดว่า “พวกนายรู้ใช่มั้ยว่าต้องทำยังไงก่อนที่ตำรวจจะมาถึง?”

พวกเขาที่ยังคงนั่งบ้างนอนบ้างอยู่ที่พื้นรีบตอบทันที “รู้ครับพี่ใหญ่!”  พวกเขารู้สึกโมโหและอับอายเป็นที่สุดเมื่อถูกเด็กนักเรียนเพียงคนเดียวจัดการพวกเขาได้

“อืม.. น้องสองอยู่แล้วกัน คนอื่นๆกลับไปที่รถ!” ชายหัวโล้นพูดกับชายร่างผอมคนหนึ่ง “น้องสองพี่จะพยายามไม่ทำนายแรงเกินไป!”

หลังจากพูดจบก่อนที่ชายร่างผอมจะได้ตอบอะไร ก็ถูกไม้ที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนที่ตอนนี้อยู่ในมือของเฉินจ้าว ฟาดเข้ามาที่ขาของชายร่างผอมอย่างแรง

“ปั้ก!!”

“โอ๊ยยยยย!!”

ชายร่างผอมแหกปากร้องด้วยความเจ็บปวดและล้มลงกระแทกพื้น เฉินจ้าวเห็นดังนั้นจึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาตำรวจและอธิบายสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียดและรวดเร็ว

…………

หลังจากที่ผู้กองหยานวางโทรศัพท์ในมือ เขามองไปที่จี้เฟิงอย่างเย็นชา “คุณชื่อจี้เฟิงใช่ไหม ไหนลองเล่าอีกทีซิ ว่าเกิดอะไรขึ้น!”

จี้เฟิงตกใจและหันไป เขาเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง เขาสามารถจำเหตุการณ์ได้ทั้งหมดไม่มีผิดเพี้ยนด้วยความสามารถในการจำของเขา แต่เพื่อไม่ให้เกิดความน่าสงสัยเขาจึงจงใจเล่าไม่เหมือนในตอนแรกเล็กน้อย ซึ่งมันไม่ได้ส่งผลกับเรื่องโดยรวม

หลังจากเล่าจบ จี้เฟิงมองไปที่ผู้กองหยานอย่างแปลกๆและสงสัยในใจ “ทำไมเขาถึงมีท่าทีที่แตกต่างจากตอนแรกหลังจากที่เขารับโทรศัพท์เมื่อสักครู่ เป็นไปได้ไหมว่า… พ่อของซูหม่าโทรมาเพื่อกดดันเขา”

ในความเป็นจริง ผู้กองหยานเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับแจ้งว่ามีคนเห็นการต่อสู้ที่รุนแรงและหนึ่งในนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส

สถานที่และสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นคือที่เดียวกับที่จี้เฟิงพูด แค่ว่าเรื่องของคนที่โทรมาแจ้งตำรวจนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่จี้เฟิงบอก อีกฝ่ายเล่าว่ามันเป็นการต่อสู้กันซึ่งมีฝ่ายหนึ่งถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรง

ดังนั้นผู้กองจึงต้องถามย้ำอีกครั้ง

เมื่อเห็นว่าคำตอบของจี้เฟิง ก็เหมือนคำตอบที่บอกก่อนหน้านี้ ผู้กองหยานจึงเกิดความสับสน หรือคนที่เดินผ่านมาเกิดการเข้าใจผิด?

…………

เมื่อชายหัวโล้นเฉินจ้าว เห็นผู้ที่กำลังนำทีมเดินมาเป็นผู้กองหยานผู้ซึ่งเป็นตำรวจที่เข้มงวดและมีจี้เฟิงอยู่ข้างๆ ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปทันที

“ไอ้เหม่งจ้าวเองเหรอ?” เมื่อผู้กองหยานเห็นชายหัวโล้น สีหน้าของเขาก็เกิดความระแวดระวังขึ้นมาทันที รวมถึงตำรวจที่อยู่ข้างหลังก็ดูเหมือนจะรู้จักเฉินจ้าวคนนี้ และเริ่มเดินล้อมเขาอย่างเงียบๆ

“ไอ้บ้าเอ้ยกูจะโชคร้ายอะไรขนาดนี้วะเนี่ย ทำไมต้องมาเจอตำรวจคนนี้!” เฉินจ้าวกรีดร้องในใจ แต่ยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าและกล่าวว่า “อ้าว ผู้กองหยานผู้เข้มงวดนี่เอง บังเอิญอะไรอย่างนี้”

“บังเอิญ?” ผู้กองยิ้มเยาะ “คุณเหม่งจ้าวเนี่ยนะที่เป็นคนโทรแจ้งตำรวจเองเลย?”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของเฉินจ้าวก็เปลี่ยนไปทันที เขาหัวเราะเบาๆและยิ้มตอบ “ผู้กองเป็นคนตลกนะครับเนี่ย ผมแค่เดินผ่านมาเห็นเหตุการณ์โดยบังเอิญนอกจากนี้ผมเป็นเพียงนักธุรกิจที่ซื่อตรงและใสสะอาดมาโดยตลอด ผู้กองอย่าเข้าใจผมผิดสิ”

“นักธุรกิจที่ซื่อตรงใสสะอาด?” ผู้กองหยานยิ้มเยาะ และมองไปที่ผู้ชายที่นอนกรีดร้องอยู่บนพื้น “คุณเหม่งจ้าว คุณเดินผ่านมาโดยบังเอิญจริงๆน่ะเหรอ? ผมจำได้ว่าผู้ชายที่นอนอยู่ตรงนั้นเป็นนักเลงประจำร้าน ลูกน้องของคุณ คุณไม่รู้จักกันจริงๆน่ะเหรอ?”

เมื่อผู้กองหยานพูดจบ สีหน้าของเฉินจ้าวและจี้เฟิงก็เปลี่ยนไปในเวลาเดียวกัน

“เอ่อ..ผู้กอง..คือมัน…” สีหน้าของเฉินจ้าวตอนนี้ เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าเขารู้สึกอย่างไร เขาลดเสียงลงและเดินไปข้างหน้าสองก้าว เขาพูดอย่างรวดเร็วที่หูของผู้กองหยาน

“ผู้กองหยาน มันคงเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกันน่ะ ดูสิ…”  เขาพูดและมองไปทางจี้เฟิง  “น้องชายคนนี้และเพื่อนของฉันเขาคงบังเอิญวิ่งชนกันในขณะที่เดินบนถนนมืดๆนี่ หรือคุณคิดว่ายังไง?” เขาหันไปถามจี้เฟิง

“เข้าใจผิด?” ผู้กองหยานหัวเราะ “แล้วพ่อหนุ่มจี้เฟิงล่ะ ว่ายังไง?”

จี้เฟิงมองไปที่ดวงตาที่น่ากลัวของชายหัวโล้นเฉินจ้าว จี้เฟิงขมวดคิ้ว เขาคิดเล็กน้อยและพูดขึ้นว่า “มันคงเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันจริงๆ แต่ผมไม่ต้องการให้เกิดความเข้าใจผิดแบบนี้อีกในอนาคต!”

“นั่นไงนั่นไง!” เฉินจ้าวยิ้มให้แล้วหันไปหาผู้กองหยานผู้เข้มงวดว่า “ผู้กองหยานถือว่าวันนี้พวกเราได้ทำให้พวกคุณตำรวจเดือดร้อนเสียเวลาเปล่า มันเป็นความผิดของเด็กผมเอง เอาไว้ผมจะจัดงานเลี้ยงสุดพิเศษเพื่อเป็นการขอโทษผู้กองและเพื่อนๆแล้วกันนะ สำหรับผู้กองที่ทำงานอย่างจริงจังโดยเฉพาะเลย!”

“ผมหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องเข้าใจผิดแบบนี้อีก!” ผู้กองหยานกล่าว “ส่วนเรื่องงานเลี้ยงจะดีมาก ถ้ามันไม่เกิดขึ้น!”

“โอเคๆ” เฉินจ้าวยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณสำหรับวันนี้และขอโทษทุกท่านที่ทำให้เสียเวลา”

พอพูดจบเขาก็พยุงชายคนที่นั่งอยู่บนพื้นลุกขึ้นและจากไปอย่างรวดเร็ว!

ปรากฏว่าคนที่จะมาทำร้ายจี้เฟิงกลับกลายเป็นลูกน้องของชายหัวโล้นที่ชื่อว่าเฉินจ้าว

“เฮ้อ…ดูเหมือนว่าเรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ”

จี้เฟิงมองและวิเคราะห์เหตุการณ์อย่างรวดเร็ว และเขาก็เข้าใจทุกอย่างในทันที มันต้องเป็นฝีมือของซูหม่าที่ร่วมมือกับชายหัวโล้นคนนี้อย่างแน่นอน ที่ตั้งใจจะมาทำร้ายเขา ส่วนผู้กองหยานก็ดูเหมือนจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับชายหัวโล้นคนนั้น

จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขอบคุณความโชคดี หากตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันนี้ไม่ใช่ผู้กองหยาน แต่เป็นตำรวจที่รู้จักกับตระกูลซู มันคงไม่ง่ายนักที่จะชี้แจงได้ว่าอะไรถูกหรือผิดในวันนี้

จี้เฟิงและแม่ของเขาบางครั้งก็ต้องอาศัยโชคชะตาเมื่ออาศัยอยู่ในเขตเล็กๆอย่างหมางซือ แม้ว่าพวกเขาจะถูกหมิ่นประมาทหรือกลั่นแกล้ง พวกเขาก็ไม่มีคนที่เหมาะสมพอที่จะช่วยเหลือได้

ตอนนี้ในใจของจี้เฟิง มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะแข็งแกร่งขึ้น! การแข็งแกร่งขึ้นอย่างแท้จริงเท่านั้นที่จะสามารถปกป้องแม่และตัวเขาเองจากการถูกกลั่นแกล้งได้ ไม่ว่าจะมาในรูปแบบใดก็ตาม!

......จบบทที่ 15~❤️

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด