บทที่ 13 ทดสอบความสามารถ
บทที่ 13 ทดสอบความสามารถ
ย้อนกลับไปเมื่อตอนเช้า ซูหม่าเห็นจี้เฟิงและถงเล่ยสบตาและส่งยิ้มให้กัน ทำให้ภายในใจของซูหม่าครุกรุ่นไปด้วยความโกรธ ตอนนั้นเขาทำได้แต่เพียงสาปแช่งจี้เฟิงอยู่ในใจ
“แม่งเอ้ย จี้เฟิงแกกล้าทำหูทวนลมกับคำพูดฉันงั้นเหรอ!” เมื่อเห็นภาพบาดตาบาดใจ ซูหม่ารู้สึกโกรธมาก เขาตัดสินใจในทันที หากเตือนดีๆแล้วยังไม่ฟัง เขาจะทำให้จี้เฟิงได้รู้จักถึงความน่ากลัวของเขา
หลังเลิกเรียนในช่วงบ่าย ซูหม่าเดินมาที่ประตูโรงเรียน มีชายหัวโล้นร่างกำยำใส่แว่นดำเดินออกมาจากรถ BMW X6 เขาทักทายซูหม่าด้วยความเคารพ “คุณซูหม่า มองหาผมด้วยความรีบร้อนแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
ซูหม่าตะคอกด้วยความเย็นชาเขาพูดว่า “พี่จ้าวช่วยฉันเก็บกวาดใครสักคนให้ทีสิ!”
ชายหัวโล้นผู้มีร่างกายกำยำที่ซูหม่าเรียกว่าพี่จ้าวสบถทันที “ไอ้โง่คนไหน? มันกล้ามายั่วโมโหคุณซูหม่า สงสัยเหนื่อยกับการมีชีวิตอยู่!”
ซูหม่าตอบ “เป็นนักเรียนในชั้นเรียนของฉันคนหนึ่ง เราสนิทกันม๊ากกก ฉันอยากให้มันจำเพื่อนคนนี้ได้อย่างไม่มีวันลืม!”
เฉินจ้าวพยักหน้าทันที “ไม่มีปัญหา คุณอยากให้ผมจัดการกับมันยังไง?”
ซูหม่าคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถ้าพี่จ้าวเข้าไปจัดการมันในโรงเรียนตอนนี้ ถ้ามีคนอื่นเห็นเราจะซวยเอา มันอาจจะส่งผลกระทบไปถึงพ่อ ฉันไม่อยากสร้างความเดือดร้อนในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ฉันว่าเรารอเวลาที่เหมาะสมตอนโรงเรียนเลิกดีกว่า ระหว่างทางกลับบ้านพี่จ้าวพาลูกน้องมาซักสองสามคน แกล้งเป็นโจรไปปล้นมัน มันไม่มีเงินจ่ายแน่นอน เพราะมันเป็นเพียงแค่เด็กยากจน ถึงเวลานั้นจะได้ซ้อมมันถนัดๆหน่อย!”
ชายหัวโล้นนามว่า เฉินจ้าว พยักหน้าทันทีและพูดว่า “ไม่ต้องห่วงผมจะทำให้มันจำไม่ได้แม้แต่แม่ของตัวเองด้วยซ้ำ!”
“ฉันจะคอยดูว่ามันจะทนได้นานสักแค่ไหน!” ดวงตาของซูหม่าฉายแววเย็นชา มุมปากของเขาโค้งงอขึ้นเล็กน้อย มันเป็นรอยยิ้มแห่งชัยชนะ!!
………
จี้เฟิงมองไปที่ชายสามคนที่อยู่ตรงหน้า เขาเริ่มระมัดระวังตัว
การรักษาความปลอดภัยของเขตนี้ไม่ดีนัก เนื่องจากการพัฒนาด้านการรักษาความปลอดภัยยังไม่ค่อยพัฒนามากนัก ไม่มีแม้กระทั่งไฟบนถนนในหลายๆสาย แถมรถตำรวจลาดตระเวนก็มีน้อยลง เพราะต้องไปตามจับโจรที่ก่อเหตุอาชญากรรมที่กำลังมีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน
เห็นได้ชัดว่า ชายสามคนที่มายืนดักรอคงไม่ได้หวังดีที่จะพาจี้เฟิงไปส่งที่บ้านอย่างปลอดภัยด้วยความมีน้ำใจ แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้มาดีหรืออาจจะมาปล้น
ดวงตาของจี้เฟิงหรี่ลง เขาพยายามคิดหาวิธีที่จะตอบโต้ในใจอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันเขาก็เริ่มถอยหลังอย่างช้าๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกทั้งสามคนล้อมไว้ได้ ถึงตอนนี้เขาจะอยากวิ่งหนีมากก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถทำได้
“กร๊อบ!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงกิ่งไม้หัก จี้เฟิงหันขวับไปตามเสียงที่ดังมาจากด้านหลัง เขาพบว่ามีชายอีกสามคน ปรากฏอยู่ข้างหลังเขา
ในเวลานี้จี้เฟิงไม่มีทางให้หนีรอดไปได้เลย เขาโดนล้อมโดยผู้ชายถึงหกคน
“ฝีมือซูหม่าสินะ!” จี้เฟิงพูดกับตัวเอง จี้เฟิงพอจะเข้าใจได้หากเป็นการปล้น ก็ไม่น่าจะต้องใช้คนเยอะขนาดนี้มากที่สุดก็ไม่น่าจะเกินสามคน แต่มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมาดักปล้นคนๆเดียวโดยใช้คนตั้งหกคน
ดังนั้น จี้เฟิงจึงสรุปได้อย่างรวดเร็ว เพราะนอกจากซูหม่าที่ต้องการแก้แค้นเขาแล้ว ก็ไม่มีความเป็นไปได้อื่นอีก!
ดวงตาของจี้เฟิงเหม่อลอย เขาพยายามคิดวิธีการที่จะรับมืออย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้ชายทั้งหกคน ยืนอยู่ด้านหน้าและด้านหลังของจี้เฟิง ส่วนด้านข้างทั้งสองฝั่งเป็นแนวกำแพงขอบบ้านบริเวณนั้น จี้เฟิงไม่สามารถวิ่งหนีได้อย่างแน่นอน เว้นแต่เขาจะมีความสามารถในการบินเหมือนในภาพยนตร์ แต่เห็นได้ชัดว่า มันเป็นได้แค่เพียงจินตนาการ
จี้เฟิงไม่ทันได้สังเกตเห็น ห่างไปไม่ไกลนัก มีรถ BMW X6 จอดอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ หากมองโดยใช้แสงจันทร์ช่วยก็จะพอเห็นได้ว่า มีคนสองคนในรถกำลังสูบบุหรี่
“ให้ตายเถอะ อยากจะนั่งสูบบุหรี่สบายๆที่บ้านชะมัด พวกคนแก่ที่บ้านก็ยอมทุกอย่างยกเว้นเรื่องฉันสูบบุหรี่เนี่ย เซ็งชิบเป๋ง!” ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นซูหม่านั่นเอง
ชายหัวโล้นที่นั่งอยู่เบาะคนขับหัวเราะแล้วพูดว่า “คุณซูหม่า ถ้าคุณต้องการสูบบุหรี่เวลาไหน ให้ออกคำสั่งกับผมได้เลย ผมจะไปรับคุณทันที!”
“พี่ชายพี่ก็พูดสุภาพกับฉันเกินไป ฮ่าฮ่า!” ซูหม่าหัวเราะอย่างอารมณ์ดีและสูบบุหรี่ต่อ
“จะไม่ให้ผมสุภาพกับคุณได้ยังไง!” ชายหัวโล้นยิ้มและพูดต่อ “เมื่อต้นเดือนที่แล้ว คุณถงไค่เต๋อ เลขาธิการคณะกรรมการพรรคประจำเขต สั่งให้สำนักความมั่นคงด้านสาธารณะดำเนินการตรวจสอบสถานบันเทิงและสถานที่เล่นเกมทั่วเมืองอย่างเร่งด่วน ถ้าผมไม่ได้รองผู้บริหารเขต ท่านซูเฉาคุณพ่อของคุณแจ้งให้รู้ล่วงหน้า ผมเกรงว่าร้านของผมคงถูกปิดไปนานแล้ว เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ผมยิ่งต้องขอบคุณท่านรองผู้บริหารเขตสำหรับการดูแลที่ผ่านมา”
ซูหม่า รู้สึกสบายใจมากกับคำเยินยอนี้ เขาโบกมือและพูดว่า “ก็พี่ช่วยสนับสนุนตลอดแบบนี้ แล้วจะไม่ให้ช่วยเหลือพี่ได้ยังไง”
“ถึงจะไม่ได้มากมายอะไร แต่มันก็เป็นเกียรติของผมมากกว่าที่ได้สนับสนุนท่านรองผู้บริหารเขตแห่งหมางซือ ไม่เคยต้องการอะไรตอบแทนเลย” เฉินจ้าว กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เอ้อ ว่าแต่คุณซูหม่า เมื่อไหร่จะไปเที่ยวเล่นร้านของผมล่ะครับ พอดีมีสาวงามสองคนเพิ่งมาใหม่อาบน้ำและเอาใจเก่งมากนะครับ”
ทันใดนั้นแววตาของซูหม่าดูกระตือรือร้น สนใจขึ้นมาทันทีแล้วเขาก็พูดว่า “เอาล่ะงั้นคืนนี้หลังจาก ที่เราสั่งสอนเจ้าจี้เฟิงเสร็จ เราไปต่อกันดีกว่ากลัวแต่ว่าพวกเขาจะทำไม่สำเร็จ”
ชายหัวโล้นยิ้มและกล่าวว่า “คุณไม่ต้องกังวลไปคนของผมจะสั่งสอนเขาเป็นอย่างดี”
………
เมื่อเห็นคนทั้งหกคนค่อยๆย่างก้าวเข้ามา หัวใจของจี้เฟิงก็จมดิ่งลงเรื่อยๆ
ฉันจะทำยังไงดี? สมองของจี้เฟิงคิดหาวิธีอย่างรวดเร็ว!
“มาสเตอร์คุณเจออะไรที่สำคัญหรือไม่?” ในตอนนั้นเอง จู่ๆเสียงของสมองหมายเลข 1ก็ดังขึ้นในความคิดของจี้เฟิง เขาตกใจและรีบถาม “ทำไมอยู่ดีๆ คุณพูดขึ้นมาได้ล่ะ?”
สมองหมายเลข 1 ตอบ “เป็นเพราะตอนนี้จิตใจมาสเตอร์มีสมาธิสูงและด้วยการเปลี่ยนแปลงร่างกายมาสเตอร์ด้วยกระแสไฟฟ้าชีวภาพดังนั้นมาสเตอร์จึงสื่อสารกับสมองโดยอัตโนมัติ”
จี้เฟิงเข้าใจแล้วและพูดว่า “คุณกลับเข้าไปก่อน ตอนนี้ผมยังไม่ว่างคุย ผมกำลังเจอกับปัญหาใหญ่เลยล่ะ”
สมองหมายเลข 1 ถามกลับทันที “มาสเตอร์ คุณเจอปัญหาอะไร?” จี้เฟิงเล่าถึงเหตุการณ์ตรงหน้าให้ฟังอย่างรวดเร็วและสั่งให้สมองกลับไปก่อน
“มาสเตอร์ สมองสามารถช่วยคุณได้!” จู่ๆสมองหมายเลข 1 ก็พูดขึ้นว่า “มาสเตอร์ลืมไปแล้วหรือว่าสมองเป็นสมองอัจริยะที่เป็นระบบในการฝึกสายลับระดับสูง สมองมีหลักสูตรพิเศษสำหรับการตู่สู้ทุกรูปแบบ!”
แว่บนึงจี้เฟิงยิ้มอย่างมีความหวัง แต่แล้วรอยยิ้มของเขาก็กลายเป็นรอยยิ้มแห่งความขมขื่น “หลักสูตรพวกนั้นมันไม่มีประโยชน์กับผมในตอนนี้หรอก นอกเสียจากว่าคุณสมองจะสามารถทำให้ผมเรียนรู้และใช้มันได้ในทันที!”
สมองหมายเลข 1 กล่าวว่า “มาสเตอร์ ตามระเบียบของระบบ หากมาสเตอร์ยังไม่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรแต่อยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญหรืออันตราย สมองสามารถใช้กระแสไฟฟ้าชีวภาพเพื่อช่วยมาสเตอร์ให้พ้นจากอันตรายได้ แต่อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ต้องใช้ความร่วมมือจากมาสเตอร์!”
จี้เฟิงได้ยินคำพูดนี้เขาดีใจมากและรีบถาม “จะให้ความร่วมมือยังไงล่ะ?”
“มาสเตอร์ต้องได้รับกระแสไฟฟ้าชีวภาพอย่างเพียงพอ” สมองหมายเลข 1 กล่าว
ทันใดนั้นจี้เฟิงก็พูดด้วยความรำคาญ “กระแสไฟฟ้าชีวภาพคืออะไร แล้วผมจะหาได้จากที่ไหน?!”
สมองหมายเลข 1 กล่าวว่า “มาสเตอร์ กระแสไฟฟ้าชีวภาพเป็นกระแสที่เกิดจากการทำกิจกรรมของร่างกายของสิ่งมีชีวิตซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของสิ่งมีชีวิต มาสเตอร์ต้องออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงเท่านั้น มันถึงจะสามารถสร้างกระแสไฟฟ้าชีวภาพที่แข็งแกร่งได้!”
“ออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง?” จี้เฟิงสะดุ้ง อยู่ดีๆเขาก็เริ่มกระโดดอย่างรวดเร็วและรุนแรง ตัวของเขาแกว่งไปมาจนดูเหมือน ลูกแกะที่บ้าคลั่ง
การกระทำที่แปลกประหลาดของจี้เฟิง ทำให้คนทั้งหกที่ยืนล้อมเขาอยู่ถึงกับตกตะลึงในเวลาเดียวกัน ในขณะนั้นเสียงของสมองดังขึ้น “ได้รับกระแสไฟฟ้าชีวภาพ.!! กระแสไฟฟ้าชีวภาพเพียงพอ!! เริ่มโจมตี!!”
วินาทีต่อมา จี้เฟิงรู้สึกเหมือนกับว่าขาของเขาถูกไฟช็อตกะทันหัน เขาจึงกระโดดขึ้นและเตะเท้าทั้งสองข้างพร้อมกัน
ผัวะ! ตุ้บ!
ชายสองคนที่อยู่หน้าสุด ถูกเตะเข้าที่คางล้มลง ทันทีที่หลังของเขาถึงพื้น ร่างกายของพวกเขากระตุกสองครั้งและแน่นิ่งไป
ผู้ชายอีกสี่คนที่เหลือตกตะลึงในเวลาเดียวกัน เมื่อพวกเขาคิดได้ว่าต้องทำอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นจี้เฟิงก็ก้มตัวลงนั่งยองๆ และเตะออกไปสามสี่ครั้งอย่างรวดเร็ว
ปึก! ปึก! ปึก! ปั๊กก!!
ท่าเตะของจี้เฟิงพุ่งตรงไปที่เข่าของชายทั้งสี่คนอย่างแม่นยำและรุนแรง จนเหมือนจะได้ยินเสียงแตกของกระดูก ชายทั้งสี่คนกรีดร้องพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมายและล้มลงไปกับพื้น
จี้เฟิงยืนหอบแฮ่กๆ ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากชายทั้งหกคนที่ล้มลงอยู่บนพื้น เขาตกใจและไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะทำได้
ในไม่ช้าชายทั้งหกคนก็เริ่มพยุงพากันลุกขึ้นและรีบหนีเข้าไปใจตรอกเล็กๆและหายไป
......จบบทที่ 13~❤️