ตอนที่ 179-180
ตอนที่ 179 : อารยธรรมแห่งไฟได้ลุกโชนแล้ว!
เซี่ยหยวนกลับออกไปแล้ว หยิงอู๋จี้ก็ออกตามไปเช่นกัน
กู่หยุนซีและคณะยังไม่คิดยอมแพ้
บางทีอาจเป็นเพราะเผชิญสถานการณ์นี้จึงเป็นตัวจุดจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ขึ้นมา!
“เคยอ่านมาบ้าง ว่าอัคคีเพลิงเกิดขึ้นได้จากแรงเสียดทาน!” คนหนึ่งกล่าวคำขึ้น
“แรงเสียดทาน? ได้ยินว่ามีหมู่บ้านในป่าเขาที่อาศัยวิธีการนั้นจุดไฟจริง!” อีกคนหนึ่งเผยดวงตาเป็นประกายขึ้นมา
“อย่างนั้นก็ต้องลองดู!”
ถัดจากนั้นศิษย์ทั้งเจ็ดคนจึงร่วมมือกัน
บางคนไปรวบรวมไม้ ขณะที่บางคนก็พร้อมทดลองทำแล้ว
เซียวเฉิงถือแท่งไม้ไว้ในมือ ท่าทีคล้ายยังไม่คิดเริ่ม
“เซียวเฉิง ทำได้หรือ?” กู่หยุนซีขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะพบเห็นอีกฝ่ายลังเล
“ต้องได้สิ!” เซียวเฉิงรับคำพร้อมเผยดวงตาเบิกกว้างท่าทีจริงจัง
ด้วยเป็นบุรุษ ถูกถามเช่นนี้ก็มีแต่ต้องทำได้!
ถัดจากนั้นเซียวเฉิงจึงนำแท่งไม้หมุนอย่างรุนแรงกับแผ่นไม้แห้งเพื่อพยายามจุดไฟ
“ข้าว่า ไม่ได้เรื่องกระมัง?” เจียงเหวิ่นฉางอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออก เพราะขณะนี้พบเห็นเซียวเฉิงหลั่งเหงื่อรุนแรง
“ต้องได้สิ!” เซียวเฉิงตอบคำกลับ
ขณะนี้เขาคล้ายได้กลิ่นของไม้ไหม้ขึ้นมาหน่อยแล้ว
ขณะนี้เองที่ผู้อื่นต่างมารวมตัวรับชม
“ควัน! มีควันลอย!”
“รีบใส่เชื้อเพลิง!”
“ระวังด้วย! อย่าทำไฟมอด!”
ทุกคนต่างเร่งรีบ
ผ่านไปครู่จึงปรากฏกลุ่มควันลอยตัว
พบเห็นอัคคีเพลิงถูกจุดขึ้นมาได้ เซียวเฉิงจึงรู้สึกภาคภูมิขึ้นมา
อัคคีเพลิงนี้เขาเป็นคนจุดขึ้นด้วยตนเอง!
ด้วยสายตานับถือจากศิษย์อื่น มันเป็นผลให้เขารู้สึกว่าตนเองมีค่าอย่างมหาศาลมากล้ำ
ถัดจากนั้นจึงได้เวลาย่างปลา
ทุกคนต่างเร่งรีบด้วยความตื่นเต้นยินดี
กลิ่นปลาย่างหอมลอยฟุ้งในอากาศ คนหนุ่มสาวเหล่านี้ต่างพูดคุยกันพลางหัวเราะอย่างสนุกสนาน
ทางด้านเซี่ยหยวนที่ออกจากโหมดทั่วไป ขณะนี้กลับไปอยู่ห้วงมิติเริ่มต้นแทน
ครั้งนี้เขาคิดอยากได้เห็นการฝึกสอนทำอาหาร!
เลือกเข้าไปแล้ว สภาพแวดล้อมจึงแปรเปลี่ยนเป็นห้องครัว
เซี่ยหยวนนิ่งงันไปครู่ “เป็นห้องครัว!”
ถัดจากนั้นจึงเลือกหน้าต่างตัวเลือกพร้อมสุ่มรายการอาหารออกมาอย่างหนึ่ง
ได้พบเห็นตนเองในร่างผู้อื่นผ่านมุมมองบุคคลที่หนึ่ง เซี่ยหยวนเกิดสับสนไม่ใช่น้อย
แต่ไม่ช้าจิตใจเขาก็สงบลงได้
เหมือนว่ามันจะเป็นความพิเศษอย่างหนึ่งของระบบฝึกสอนทำอาหาร
เซี่ยหยวนรับชมสภาพแวดล้อมรอบด้าน
มันเป็นเทือกเขา
ขณะนี้ตัวเขาอยู่เหนือเทือกเขาเหล่านั้น
ที่เบื้องล่างคือกระทิงสีเข้มน้อยอใหญ่ที่จับจ้องมาทางนี้!
เซี่ยหยวนต้องประหลาดใจ
เขาทราบว่าสัตว์อสูรเหล่านี้คืออะไร
กระทิงคราม เป็นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่ง
ตามคำบอกเล่า พวกมันถือครองสายเลือดสัตว์โบราณอย่างกิเลน!
พิจารณาจากพลังที่กระทิงครามเปล่งออกมา กำลังของมันย่อมเหนือล้ำยิ่งกว่าขอบเขตทดสอบเต๋า!
เซี่ยหยวนเผยอาการตื่นตะลึง
อย่าได้บอกว่าถัดจากนี้จะเกิดศึกล่าอาหารกันขึ้นระหว่าง “ตัวเขา” กับกระทิงครามเหล่านี้?
“แรกเริ่ม ก่อนการจะย่างเนื้อได้จำเป็นต้องล่ากระทิงครามเสียก่อน”
เซี่ยหยวนตกใจทันทีที่ได้ยินเสียงคำอธิบาย
นี่มันเรื่องอะไร?
เนื้อย่างงั้นหรือ?
เซี่ยหยวนค่อยนึกออกตอนนี้ ว่าตนเองกำลังรับชมวิธีการทำอาหาร!
นี่เริ่มตั้งแต่การหาวัตถุดิบเลยงั้นหรือ?
ด้วยสูดลมหายใจเข้าลึก เซี่ยหยวนสะกดข่มความแตกตื่นไว้ภายในใจก่อนจะตั้งใจรับชม
เขาจึงได้เห็น “ตัวเอง” ยืดมือขวาออกไปอย่างเชื่องช้า
ที่ถืออยู่ในมือ มันคือมีดทำครัวสีเงินเป็นประกาย!
ตอนที่ 180 : คณะผู้ล้างแค้นมาเยือน
เซี่ยหยวนกล่าวได้ถูกต้องแล้ว!
ที่ “ตัวเขา” กำลังถืออยู่ในมือคือมีดทำครัว!
เผชิญหน้ากระทิงคราม ใช้เพียงมีดทำครัวอย่างนั้นหรือ?
เซี่ยหยวนถึงกับตั้งคำถามสงสัยต่อชีวิต
กระทิงครามร้องคำราม “เซี่ยหยวน” ได้ผ่าร่างมันออกในการลงมือเพียงครั้งเดียว
มีดนี้ราวกับแม้เป็นห้วงมิติและเวลาก็สามารถผ่า!
ร่องรอยความสิ้นหวังปรากฏในดวงตาของกระทิงคราม
ลมหายใจของมันกำลังหายไป!
แม้กระทิงครามยังคงยืน ทว่าลมหายใจแห่งชีวิตก็สูญหายไปแล้ว
มันถูกเชือดเป็นที่เรียบร้อย!
กระทั่งเซี่ยหยวนยังตื่นตะลึง!
เขากล่าวกระซิบกับตนเอง “มีดเล่มนี้...”
เซี่ยหยวนพบเห็นว่ามีดเล่มนี้ผ่าไม่ใช่เลือดเนื้อ ทว่าเป็นจิตวิญญาณ!
เขาถึงกับต้องมองวิธีการใช้มีดทำครัวเสียใหม่!
ขณะเซี่ยหยวนตะลึงงัน ตัวเขาก็เข้าสู่สภาวะอันศักดิ์สิทธิ์แล้ว!
สภาวะศักดิ์สิทธิ์คือโอกาสพิเศษที่ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนแห่งทวีปเทียนหลันต่างเฝ้ารอทว่าไม่อาจได้พบเจอ!
ผู้ฝึกตนบ่อยครั้งจะเกิดความก้าวหน้าแข็งแกร่งอย่างมหาศาลเมื่อได้รู้แจ้งถึงอะไรบางอย่าง!
ขณะนี้เองที่ลั่วฉวนซึ่งนอนอาบแดดตรงหน้าประตูได้ตระหนักถึงในร้านพร้อมมองไป
เหยาซือหยานเองก็ให้ความสนใจทางด้านเซี่ยหยวน
ภายในร่างของเซี่ยหยวน ออร่าอันลึกลับได้ก่อตัวขึ้น
“โอกาสที่ดีนัก!” เหยาซือหยานอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
……
ขณะเวลาเดียวกัน
ที่ภายนอกนครจิ่วเหยา
กลุ่มคนกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้อย่างเชื่องช้า
เป็นจ้าวตำหนักจันทราสีเงิน ฉู่หยางผิง!
วันเดียวกันกับที่ลั่วฉวนปะทะกับภาพฉายจิตวิญญาณ มันก็เป็นผลให้นครจิ่วเหยาเกิดความตื่นตัวครั้งใหญ่
ขณะนี้ฉู่หยางผิงมาเยือนนครจิ่วเหยาด้วยตนเองเพื่อล้างแค้นแก่บุตรชายฉู่หยุนเฟย!
อีกทั้งยังมีชายชราสี่คนเคียงข้างฉู่หยางผิง
เหล่านี้ล้วนมีกำลังที่ขอบเขตทดสอบเต๋าระดับสูงสุด!
กล่าวได้ว่าเว้นแต่ผู้อาวุโสขอบเขตทดสอบเต๋าคนหนึ่งที่อยู่โยง กำลังอันสูงสุดของตำหนักจันทราสีเงินต่างมาอยู่ที่นี่แล้ว!
“มันทำลายภาพฉายจิตวิญญาณข้า สังหารบุตรชายข้า แม้หลบซ่อนตัวในนครจิ่วเหยาก็ต้องปลิดชีวิตมันให้จงได้!”
ฉู่หยางผิงเผยใบหน้าดำมืดกล่าวออกราวเสียงกระซิบจากห้วงนรก
“เข้าเมือง!”
“ขอรับ!”
คนทั้งห้าเดินทางเข้าสู่นครจิ่วเหยา ออร่าขอบเขตทดสอบเต๋าอันรุนแรงแผ่กระจายทั่วทิศ
กับผู้ฝึกตนที่อ่อนแอขณะนี้ต้องรู้สึกแน่นที่หน้าอกขนาดแทบกระอักเลือดออก!
พวกเขาแทบไม่กล้าเงยหน้าขึ้น!
เพราะทวีปเทียนหลัน กำลังคือตัวตัดสินผู้เหนือกว่าอย่างแท้จริง!
ขณะเดียวกันนี้พวกเขายังได้เห็นตราสัญลักษณ์ที่หน้าอกของคนทั้งหน้า เป็นดวงจันทราสีเงิน!
“คนของตำหนักจันทราสีเงิน? ไฉนจึงมาเยือนนครจิ่วเหยาอีกแล้ว?”
“ไม่นานก่อนหน้านี้ภาพฉายจิตวิญญาณนั้นเป็นจ้าวตำหนักจันทราสีเงินไม่ใช่หรือ? วันนี้ตำหนักจันทราสีเงินมาเยือน ทั้งยังเป็นยอดยุทธ์!”
“เหมือนว่าชายคนนั้นจะคล้ายภาพฉายจิตวิญญาณไม่ใช่น้อย!”
“ชู่! เงียบเสียงเจ้าลง! ไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือยังไง...”
“โอ้! น่าเกรงขามนัก! นครจิ่วเหยาแห่งนี้ถึงกับมีขอบเขตทดสอบเต๋าระดับสูงสุดมาเยือนอีกแล้ว...”
รับชมแผ่นหลังคนทั้งห้าเดินเข้าสู่ภายในเมือง เสียงกระซิบจึงดังตามหลังไม่ขาด
ไม่ช้าข่าวคราวนี้จึงแพร่กระจายสู่ทั่วทั้งนครจิ่วเหยา
ทหารยามประจำนครต่างมองคนทั้งห้าเดินเข้าเมือง พวกเขาไม่กล้าห้ามปราม
ด้วยผู้ฝึกตนขอบเขตทดสอบเต๋าระดับสูงสุดเช่นนี้ถึงห้าคนเดินทางเข้าเมือง เรื่องราวย่อมต้องเกิดขึ้นเป็นแน่!
“เจ้าอยู่ที่นี่เฝ้าประตูเมืองเอาไว้ ข้าจะไปรายงานองค์เหนือหัว!” หัวหน้าทหารยามกล่าวคำขึ้น
“ขอรับ!”
……
“จ้าวตำหนัก ศัตรูพวกเราอยู่ที่ใดกัน?” หนึ่งในผู้อาวุโสกล่าวถาม
ฉู่หยางผิงหรี่ดวงตาลงเล็ก “ตำแหน่งที่ภาพฉายจิตวิญญาณข้าเลือนหายในวันนั้นคือทางตะวันออกของนครจิ่วเหยา ส่วนตำแหน่งแน่ชัดนั้นไม่ทราบ”
“อย่างนั้นพวกเราหาตัวมันอย่างไรดี?”
“ไปยังพระราชวังหลวง” ฉู่หยางผิงหันสายตามองสู่ศูนย์กลางนครจิ่วเหยา “จี้อู๋ฮุยสมควาทราบว่าคนก่อเรื่องอยู่ที่ใด หากไม่กล่าวออกมา เช่นนั้นต่อให้เป็นจักรพรรดิก็ใช่ว่าข้าจะปล่อยไปโดยง่าย!”
ด้วยมาเยือนนครจิ่วเหยาก็ยังกล้ากล่าวคำเหล่านี้ออกมา
ยอดฝีมือขอบเขตทดสอบเต๋าทั้งห้าคนเหล่านี้มาเพื่อเปิดศึกอย่างแท้จริง!
เหล่าผู้ฝึกตนในจักรวรรดิเทียนชิงมีมากมายก็ใช่
ทว่าฝั่งนครจิ่วเหยานั้นมีเพียงแต่เหล่าไป่และจี้อู๋ฮุยที่ต้องแบกรับ!