ตอนที่แล้วตอนที่ 8: ศูนย์ศิลปะการต่อสู้จีนในบรุกลิน (สมบูรณ์)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 10: มาเฟีย (สมบูรณ์)

ตอนที่ 9: พ่อบ้าน (สมบูรณ์)


ตอนที่ 9: พ่อบ้าน

เฉินโม่จัดเสื้อผ้าที่ยับและพูดกับคนสองสามคนที่นอนอยู่บนพื้น "กังฟูของคุณไม่เลว คุณสามารถอยู่ในหอศิลปะการต่อสู้ได้"

"ฉันไม่สนใจว่าพวกคุณจะเคยเป็นคนอย่างไรในประเทศจีนก่อนหน้านี้ เพราะนับจากนี้ไปพวกคุณจะเป็นครูสอนศิลปะการต่อสู้ที่ศูนย์ศิลปะการต่อสู้นี้แทนฉัน ดังนั้นพวกคุณต้องทำตามกฎของฉัน" เมื่อพูดถึงจุดนี้ เฉินโม่ก็มองไปที่คนที่นอนกองอยู่ที่พื้นด้วยสีหน้าที่จริงจัง "ฉันหวังว่าวันหนึ่งฉันจะไม่ต้องไล่ใครคนใดคนหนึ่งในพวกคุณออกไป "

คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ฝึกกังฟูที่แอบเข้ามาในสหรัฐอเมริกาเพื่อหนีภัยสงคราม พวกเขาทุกคนไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ และไม่มีทักษะใด ๆ เลยนอกจากกังฟู จึงทำให้พวกเขาต้องพึ่งพางานหนักที่ท่าเรือเพื่อหาเลี้ยงปากท้องได้เท่านั้น

และเพื่อพัฒนาทักษะการต่อสู้ของเขา เขา จึงได้คัดเลือกคนที่เก่งที่สุดในด้านกังฟูมาสี่คนจากกลุ่มที่ทำงานที่ท่าเรือ

ในไม่ช้าทั้งสี่คนก็ลุกขึ้น และโค้งคำนับให้เฉินโม่ ด้วยความเคารพ และความขอบคุณอย่างลึกซึ้ง

“ขอบคุณเจ้านาย! พวกเราทั้งสี่คนจะไม่ทำให้เจ้านายผิดหวัง!”

คนเหล่านี้ล้วนเคยเป็นคนชั้นสูงของประเทศจีน จึงทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ อย่างไรก็ตามช่วงเวลาที่พวกเขาได้มาอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ก็ได้ทำให้พวกเขาลดความหยิ่ง และความภาคภูมิใจลงไปบ้างแล้ว เพราะในโลกที่เต็มไปด้วยสงครามตอนนี้การที่พวกเขายังสามารถมีชีวิตอยู่ ก็ถือว่าพวกเขาโชคดีพออยู่แล้ว

และในช่วงเวลาที่พวกเขาต้องพบเจอกับความยากลำบากที่สุดนี้ เฉินโม่ ก็ได้ยื่นมือลงมาให้พวกเขา จึงทำให้เฉินโม่กลายเป็นผู้มีพระคุณต่อชีวิตของพวกเขาอย่างมาก

และยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็ยังเคารพนับถือ เฉินโม่อีกเรื่อง นั้นก็คือเฉินโม่ที่ยังเด็ก แต่กลับมีความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าพวกเขาอย่างมาก และแม้ว่าตอนแรกทักษะการต่อสู้จะค่อนหยาบไปหน่อย แต่หลังจากได้ต่อสู้ด้วยกันในไม่ช้าเฉินโม่ก็เรียนรู้ทักษะการต่อสู้ต่างๆ ของพวกเขาได้ในเวลาอันสั้น การเรียนที่รวดเร็วขนาดนี้ทำให้พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองไปได้เท่านั้น การที่ได้คนที่มีความสามารถมากขนาดนี้พวกเขาจะไม่พอใจกับการได้เป็นลูกน้องอย่างไร?

เมื่อมองไปที่สีหน้าของคนเหล่านั้น ที่มองมาที่เขาด้วยความเคารพ เฉินโม่ก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

อาคารศูนย์ศิลปะการต่อสู้นี้มีสามชั้น

ชั้นที่สามเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเฉินโม่ คนอื่น ๆ ไม่สามารถขึ้นไปได้

ส่วนชั้นแรกมีห้องซ้อมห้องแต่งตัว และส่วนพักผ่อน ส่วนห้องพักของคนอื่นๆ จะอยู่บนชั้นสอง

ห้องที่ชั้นสองมันดีกว่า ห้องสลัมที่สกปรกที่พวกเขาเคยอยู่ก่อนหน้านี้มาก เมื่อพวกเขามองไปที่ห้องที่กว้างขวาง และดูสะดวกสบายตรงหน้านี้ จู่ๆ พวกเขาก็มีความรู้สึกอบอุ่นอย่างอธิบายไม่ได้ในใจ จากนั้นพวกเขาก็หันมามองหน้ากัน พวกเขาต่างก็เห็นตาที่แดงของกันและกัน

ตอนนี้เฉินโม่ไม่ได้เป็น "คนลักลอบเข้าเมือง" อีกต่อไป เพราะการที่เขาเปิดศูนย์ศิลปะการต่อสู้ในนิวยอร์กนี้ได้ นั่นก็แสดงว่าปัญหาตัวตนได้รับการแก้ไขแล้ว

ไฮดรามีสายลับมากมายในโลกนี้ และหลายๆ คนต่างก็อยู่ในตำแหน่งที่สูง ดังนั้นก่อนที่จะออกจากนอร์เวย์ เขาจึงได้ส่งรูปถ่ายหน้าจริงของเขา และตัวตนปลอมที่เขาสร้างขึ้น จึงทำให้เขาไม่พบปัญหาใด ๆ ในสหรัฐ

ในขณะเดียวกันภายใน ไฮดรา เขาก็ยังจัดตัวตนใหม่ให้กับตัวเอง นั่นก็คือผู้ช่วยคนใหม่ของ ชมิธ ซึ่งเป็นปรมาจารย์กังฟูจากประเทศจีนที่ร่วมมือกับ ชมิธ เพื่อทำภารกิจลับในสหรัฐอเมริกาให้สำเร็จ และแน่นอนว่าตัวตนนี้ของเขาเป็นความลับอย่างสูง

หลังจากมาถึงนิวยอร์ก เขาก็ทำตัวเป็นเศรษฐีชาวจีนที่มาสหรัฐอเมริกาเพื่อหนีภัยสงคราม จากนั้นเขาก็ซื้ออาคารทั้งหลังที่บรุกลิน และเปิดศูนย์ศิลปะการต่อสู้

ทำให้ตอนนี้ ชมิธ ได้หายตัวไปชั่วคราวในสายตาของไฮดรา กิจการของ ไฮดรา ต่างๆ ตอนนี้ถูกควบคุมโดยผู้ช่วยของเขาจอห์นที่เป็นผู้พิทักษ์คนใหม่และ ดร.โซลาร์ ส่วนเขาก็คอยควบคุมจากระยะไกล

ความเคารพในความน่าเกรงขามของ ชมิธ นั้นฝังลึกเข้าไปในกระดูกของ ไฮดรา มานานแล้ว จึงไม่มีใครกล้าคัดค้านคำสั่งของเขา เพราะภารกิจอย่างเดียวของพวกเขาก็คือการทำตามเจตจำนงของท่านผู้นำ ชมิธ โดยไม่สงสัยใดๆ และยิ่งหลังจากที่เขาสั่งทำความสะอาดคนที่ต่อต้านไปแล้วก็ไม่มีเสียงอื่น ๆ คอยขวางเขาอีกต่อไป

ในระยะสั้นการหายตัวไปของ ชมิธ ไม่ได้ทำให้เกิดความสับสนในไฮดรา การสร้างฐานลับ และการศึกษาต่างๆ ดำเนินไปทีละขั้นตอน ในด้านการวิจัยของ ดร.โซลาร์ เกี่ยวกับ ลูกบาศก์จักรวาล ก็ก้าวหน้าเช่นกัน

เฉินโม่ ออกจากห้องซ้อมไปที่โซฟาริมหน้าต่างแล้วนั่งลงจากนั้นก็รับผ้าขนหนูจากพ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างๆ

“อัลเบิร์ต ปรับตัวกับที่นี่ได้หรือยัง?” เฉินโม่เช็ดมือ และส่งผ้าขนหนูคืนให้พ่อบ้านที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา สวมสูทสีเทาเข้มหวีผมสีขาวอย่างเรียบร้อยชายชราที่มีใบหน้าอ่อนโยนและใจดีคนนี้ก็คืออาจารย์สอนวาดภาพและภาษาเยอรมันของเขา อัลเบิร์ต ที่ได้พบกันที่ลิเวอร์พูล

"ปรับตัวได้แล้วครับ เตียงในห้องนอนสบายมากๆ " อัลเบิร์ต ตอบด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยน

ก่อนที่ เฉินโม่จะมาที่สหรัฐอเมริกา เขาก็นึกถึงอัลเบิร์ตที่อยู่ในลิเวอร์พูล ก่อนไปที่ลิเวอร์พูล เขาก็กลัวว่าอัลเบิร์ตจะไม่อยู่ที่เดิมแล้ว แต่โชคดีอัลเบิร์ตยังนั่งวาดภาพอยู่ในจัตุรัสเดิม

แม้จะมีเงิน 10,000 เหรียญที่ เฉินโม่ให้ แต่ชีวิตของอัลเบิร์ตก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก นอกจากเช่าบ้านราคาถูก และช่วยเพื่อนร่วมชาติบ้าง

ทุกวันเขาก็ยังคงไปที่จัตุรัสเพื่อวาดรูป แต่แม้ชีวิตของเขาจะดีขึ้นมาก เขาก็มักจะนึกถึงชายหนุ่มที่ช่วยเหลือเขา และให้ความหวังแก่เขา

และวันนี้ เมื่อเฉินโม่ปรากฏตัวต่อหน้าเขาอีกครั้ง เขาที่ไม่เคยยิ้มก็อดยิ้มไม่ได้

"ท่านอยากเป็นได้ภาพบุคคลไหม" อัลเบิร์ต ถามด้วยรอยยิ้ม

"ทำไมจะไม่ล่ะ? " เมื่ออยู่กับอัลเบิร์ต เฉินโม่ก็รู้สึกว่าทั้งร่างกายและจิตใจของเขาได้ผ่อนคลาย เพราะเขาไม่ต้องพรางตัวใด ๆ

นี่คือความรู้สึกไว้วางใจ แม้ว่าเวลาที่ใช้ร่วมกันจะไม่นาน แต่เฉินโม่ก็รู้ว่าอัลเบิร์ตเป็นผู้คนจริงจังและเข้มงวดมองโลกในแง่ดี เปิดเผยใจดีและซื่อสัตย์ ดูรวมๆ แล้วเขาเป็นชายชราที่มีประสบการณ์ชีวิตต่างๆ มามากเกินไป

เมื่ออัลเบิร์ตเตรียมอุปกรณ์เสร็จ ก็เริ่มวาดภาพเฉินโม่

เฉินโม่นั่งบนเก้าอี้ไม้ และรักษาท่าทางของเขาพร้อมถาม "อัลเบิร์ต ฉันจะไปนิวยอร์กคุณอยากไปกับฉันไหม"

อัลเบิร์ตปัดพู่กันบนกระดานวาดภาพไม่หยุด ขณะถามกลับ

"มีอาหารกับที่อยู่ให้ไหม"

เฉินโม่ตอบด้วยรอยยิ้ม“แน่นอน และเงินเดือนแต่ละวันคือสิบเหรียญรวมค่าอาหารและที่อยู่แล้ว”

อัลเบิร์ตวางพู่กันลงแล้วยืนขึ้นทำความเคารพอย่างสง่างาม"ขอแสดงความยินดีตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคุณมีพ่อบ้านที่ดี"

ปรากฏว่าอัลเบิร์ตเกิดในครอบครัวชนชั้นสูงในภูมิภาคปรัสเซียตะวันออกของเยอรมนี เขาได้รับการศึกษาของชนชั้นสูงตั้งแต่อายุยังน้อย และมีพรสวรรค์ในการวาดภาพมาก หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 อัลเบิร์ตไปทำงานกับขุนนางเสนาบดี

จนกระทั่งขุนนางคนนั้นเสียชีวิตอัลเบิร์ตซึ่งตอนนั้นมีอายุเกือบสี่สิบปีจึงตัดสินใจออกจากปราสาทและไล่ตามความฝันในฐานะศิลปินอย่างกล้าหาญ

ตอนนี้แม้แต่ตัวอัลเบิร์ตเองก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าหลังจากวนเวียนไปมาในที่สุดเขาก็กลับมาทำอาชีพเก่า แต่ก็เพราะว่าเขาไม่สามารถคิดถึงสิ่งอื่นใดที่จะช่วย เฉินโม่ได้ ดังนั้นทักษะการเป็นพ่อบ้านของเขาที่เป็นจุดแข็งอย่างเดียวของเขา จึงเป็นตัวเลือกเดียว

ชีวิตของเขาเคยได้มีความสุขกับชีวิตที่หรูหราของคนชั้นสูง สัมผัสกับความโหดร้ายของโลกไล่ตามความฝันของตัวเองอย่างกล้าหาญ และประสบพบเจอกับความยากลำบากของสายลมและเวลา

บางทีการเป็นพ่อบ้านให้กับเฉินโม่ อาจจะทำให้ชีวิตครึ่งหลังที่เหลือของเขาน่าตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น!

(สมบูรณ์)