บทที่ 198
เนี่ยฟงฟาดฟันดาบสีดำในมือด้วยทักษะผ่าธรณี ปราณดาบสีฟ้าวาดผ่านลำคอของสัตว์อสูรเสียงดังสนั่นศีรษะกระเด็นร่วงลงพื้น ปลายดาบค่อยๆผ่าศีรษะอย่างช้าๆไม่นานก็ได้แก่นพลังปราณ หลังจากนั้นนั่งโคจรลมปราณเพื่อรอหยางเวย ไม่ถึงครึ่งชั่วยามทั้งสองก็รีบเดินทางกลับไปหาจงเหรินป้า เนี่ยฟงแจ้งรายละเอียดของแผนการและการใช้แผ่นหนังให้จงเหรินป้าและพรรคพวกทราบร่วมไปถึงขวดยารักษาอาการบาดเจ็บสามขวด หยางเฟยสบถเสียงดังด้วยความโกรธแค้นศิษย์ศิษย์สำนักพยัคฆ์สายลมไม่น้อย เกือบสองเค่อทั้งสองจึงแยกตัวออกมา
เนี่ยฟงสะบัดมือขวาจ้องมองแผ่นหนังในมืออยู่บนกิ่งไม้ ส่วนหยางเวยนั่งตรวจสอบแหวนที่ปล้นชิงมา
“เนี่ยฟง เห็นทีพวกเราคงลำบากเสียแล้ว”
เนี่ยฟงที่ได้ยินเสียงกล่าวของหยางเวยจึงรีบหันมามองเอ่ยวาจาสอบถาม
“เกิดสิ่งใดขึ้น”
หยางเวยยื่นจดหมายในมือให้เนี่ยฟงอ่าน
“ข้าคิดไว้แล้วไม่มีผิดว่าผู้อยู่เบื้องหลังต้องเป็นเจ้าสำนัก เอาเถอะหากกลับออกไปค่อยหาวิธีจัดการ สมบัติที่อยู่ด้านในคงเป็นที่หมายตามานานหลายปี”
“ต้องแจ้งให้ศิษย์พี่จงเหรินป้าและแม่นางเสี่ยวจูหรือไม่”
“ไม่ต้องอย่าให้คนพวกนั้นรับรู้เรื่องนี้ ข้าไม่อยากดึงพวกเขาเข้ามายุ่งเกี่ยว เจ้าก็เห็นไม่ใช่รึว่าคำสั่งสุดท้ายถ้าคนพวกนั้นได้สมบัติไป คือสังหารข้าและเจ้า ไม่มีคำสั่งสังหารพวกเขา”
“หลังจากนี้จะทำอย่างไรต่อไป”
“ทำตามที่เจ้าตั้งใจเถอะคุณชายหยางเวย”
“ปล้นสมบัติคนพวกนั้นมาให้หมด”
สิ้นเสียงกล่าวของหยางเวยทั้งสองก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น ทั้งสองเปลี่ยนมาสวมชุดสีดำและผ้าดำปกปิดใบหน้าพุ่งทะยานออกไปตามทาง มีหยุดพักเพื่อเก็บสมุนไพรบางชนิดหลังจากนั้นจึงเดินทางต่อ ทันทีที่พบเจอคนกลุ่มใหม่ ทั้งสองตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นศิษย์สำนักพยัคฆ์ขวาจริงค่อยลงมือสังหาร หยางเวยใช้พิษร้ายเคลือบไปที่คมมีด ส่วนเนี่ยฟงใช้กระบี่บินโจมตีรอบนอกอีกทั้งยังคอยใช้เกราะสายฟ้าต้านรับปราณดาบและกระบี่ให้แก่หยางเวยอีกที
ตลอดระยะเวลาสิบสี่วันที่ผ่านมา ทั้งสองตระเวนสังหารศิษย์สำนักพยัคฆ์ขาวตกตายไปเกือบร้อยคน หยางเวยร่ำรวยสมบัติไม่น้อย รวมไปถึงสัตว์อสูรระดับสีดำขึ้นต้นและกลางเกือบสิบตัว ในระหว่างนั้นเองจากที่สภาพอากาศในพื้นที่หนาวเย็น อยู่ๆสายฝนก็เทสาดกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ทั้งสองจึงหลบสายฝนในถ้ำหิน เมื่อเข้ามาด้านในเนี่ยฟงใช้อักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าสร้างเป็นม่านพลังปราณบดบังสายตา นั่งโคจรลมปราณอยู่ด้านในเช่นเดียวกับหยางเวย เกือบชั่วยามได้มีกลุ่มคนสองกลุ่มเข้ามาพักที่นี่ จากที่สังเกตคนทั้งสองกลุ่มรู้จักกันเป็นอย่างดีจากเสียงพูดคุย
เนี่ยฟงและหยางเวยนั่งฟังทั้งสองกลุ่มพูดคุยกันอยู่นานจึงได้รู้ว่าเป็นกลุ่มของสำนักอินทรีทองเขตแห่งเมฆหมอกและกลุ่มของสำนักผาสวรรค์จากเขตแห่งทราย
“พวกเจ้าสังเกตหรือไม่ ว่าจุดของคนจากสำนักพยัคฆ์ขาวจางหายไปเกือบหมด”
“อย่าสนใจพวกสวะพวกนั้นเลย เหอะทำมาเป็นวางก้ามใหญ่โต พวกมันเป็นเพียงแค่เศษสวะออกจากสำนักเดิมหันเข้าหาสำนักใหญ่เพียงแค่นั้น”
“เหอะ เจ้าอย่าอคติสิ คนจากสำนักอินทรีทองก็ไม่น้อยเลยที่เข้ารวม แล้วเหตุใดพวกเจ้าถึงไม่เข้าร่วมกับสำนักพยัคฆ์ขาวเช่นผู้อาวุโสของพวกเจ้าละ”
เสียงสะบัดมือดังแว่วคนจากสำนักอินทรีทองกำชับอาวุธในมือแน่นจ้องมองชายที่เอ่ยวาจาออกมา
“ถึงแม้ข้าจะอยู่สำนักอินทรีทองแต่ข้าหาได้เป็นเช่นพวกบัดซบนั่น”
“เก็บอาวุธของพวกเจ้าซะ มีคนกำลังมาที่นี่”
คนจากสำนักอินทรีทองเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พากันเก็บอาวุธในมือ หลบซ่อนตัวที่ซอกหินภายในถ้ำ ชั่วน้ำเดือดก็ได้มีกลุ่มคนมาที่นี่จริงเป็นกลุ่มของเสี่ยวจูและฟางจวินซี ทั้งหมดเข้ามาหลบฝนในสภาพเปียกชุ่มไปทั้งตัว กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งสองเมื่อเห็นสภาพหญิงสาวเช่นนั้นหลายคนเริ่มตื่นตัวจ้องมองอย่างไม่วางตา แน่นอนว่าเมื่อเข้ามาด้านในทั้งหมดรับรู้อยู่แล้วว่ามีกลุ่มคนด้านใน
“ไม่คิดว่ากลุ่มสาวงามแห่งสำนักวารีสวรรค์จะมาหลบฝนที่นี่ คงเป็นโอกาสดีไม่น้อยที่สวรรค์ประธานสาวงามเช่นพวกเจ้ามาให้พวกข้าเชยชม”
“เจ้ากล่าววาจาบัดซบอันใด”
“เช่นนั้นพวกข้าคงไม่จำเป็นต้องกล่าววาจาสิ่งใดแล้ว เรามาร่วมกันกระทำกันเถอะ”
เสียงสะบัดมือดังแว่ว ชายฉกรรจ์สองกลุ่มเดินออกมาจากซอกหิน วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีเขียวปรากฏขึ้นที่พื้น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงตะโกนออกมาดังลั่น
“รีบจัดการพวกนางซะ เวลาสนุกของพวกเราจะได้มีมากยิ่งขึ้น อย่างให้พวกนางบาดเจ็บมากนัก”
เถาวัลย์สีเขียวมีหนามแหลมพุ่งออกมารัดตัวชายฉกรรจ์สามคน สัตว์อสูรและภูติน้ำพุ่งออกมาจากร่างกายเข้าปะทะเสียงดังสนั่น เช่นเดียวกับดาบและกระบี่ เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง พลังปราณระดับสีดำขั้นต้นและกลางชายกลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งสองเข้ากดดันกลุ่มของหญิงสาว เสี่ยวจูต้องสร้างวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ออกมาลดทอนพลังปราณให้แก่กลุ่ม ไม่ถึงสองเค่อหลายคนจากกลุ่มฟางจวินซีถูกทำร้านได้รับบาดเจ็บ เพราะจำนวนคนที่น้อยกว่าและระดับพลังที่ห่างกันมากเกินไป หลงเหลือคนที่ปะทะได้ไม่ถึงสี่คนรวมไปถึงเสี่ยวจูและฟางจวินซี
ชายฉกรรจ์สองคนรีบถอดชุดที่สวมใส่พุ่งทะยานเข้าหาหญิงสาวนางหนึ่งที่นอนสลบอยู่ที่พื้น
“บังอาจ”
เสียงสบถดังลั่นมาจากฟางจวินซี ปราณกระบี่พุ่งเข้าหาชายฉกรรจ์ทั้งสอง เปรี้ยง แต่กลับถูกทำลายลงเพราะปราณดาบสีแดงจากชายผู้หนึ่ง
“ยอมเสียเถอะแม่นางฟางจวินซี หากกลับออกไปได้ข้าจะจัดงานแต่งให้แก่เจ้าอย่างยิ่งใหญ่ หากต้องต่อสู้กันเจ้าอาจได้รับบาดเจ็บไม่น้อย ข้าไม่อยากทำร้ายหญิงสาวที่งดงามเช่นเจ้า”
“ผายลมอันใดเจ้าสวะแห่งสำนักอินทรีทอง ผู้อาวุโสสำนักเจ้าแอบวางยาบิดาข้า เจ้าก็สวะไม่ต่างผู้อาวุโสเจ้าเช่นกัน”
“เจ้าหาเรื่องเจ็บตัวเองแม่นางฟางจวินซี อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
สิ้นเสียงกล่าวของชายผู้นั้นฟางจวินซีต้องรีบถอยออกมาเพราะแรงกดดันระดับสีดำขั้นกลางที่ถูกปล่อยออกมา เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังแว่วเข้ามา ฟางจวินซีรีบหันไปมอง เมื่อหันกลับมาก็พบชายหนุ่มด้านหน้าพุ่งเข้ามาประชิดตัวเสียแล้ว เปรี้ยง หมัดขวาของชายหนุ่มถูกต่อยเข้าไปที่หน้าท้องเสียงดังสนั่น เปรี้ยง ฟางจวินซีถึงกับร่วงลงพื้น เสี่ยวจูเองก็เช่นกันถึงจะใช้เถาวัลย์เข้าจัดการและใช้กระบวนท่ากระบี่เข้าต้านรับแต่ทว่าก็ถูกจัดการลงเช่นกัน ไม่ถึงหนึ่งเค่อหญิงสาวทั้งหมดก็อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถูกล้อมไปด้วยชายฉกรรจ์นับสิบคนที่จ้องมองมาที่ร่างกายของพวกตนอย่างหื่นกระหาย
เสียงหัวเราะชอบใจดังลั่นออกมาทั่วบริเวณด้านในถ้ำชายหนุ่มหลายคนเริ่มที่จะปลดชุดที่ตัวเองสวมใส่ออกอย่างช้าๆ พร้อมกับจ้องมองหญิงสาวที่ตนเองหมายตา ไม่นานเสียงฉีกกระชากเสื้อผ้าของหญิงสาวดังลั่นพร้อมกับเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
“เศษสวะเช่นพวกเจ้าสมควรตายยิ่งนัก”
ชายฉกรรจ์นับสิบคนรีบหันไปมองตามเสียงแว่วด้านในถ้ำ หยางเวยก้าวเดินออกมาอย่างช้าๆพร้อมกับกำชับหมัดในมือที่สวมถุงมือไหมเอาไว้
“คุณชายหยางเวย”
“ไม่ต้องกลัวแม่นางฟางจวินซี แม่นางเสี่ยวจู ข้าอยู่ที่นี่แล้ว พวกมันหาได้มีใครทำอะไรพวกท่านได้อีกแล้ว”
“ไอ้ลูกหมา เจ้าอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
“ข้าเองเข้ามาหลบอยู่ที่นี่ก่อนพวกเจ้าเสียอีก เป็นพวกเจ้ามากกว่าที่ไม่รู้ตัวเองว่าข้าอยู่ที่นี่”
“ หมูจะหาม เอาคานเข้ามาสอด พวกเราสังหารมันซะ”
หลายคนรีบลุกขึ้นจ้องมองหยางเวยอย่างไม่วางตา หลายคนสบถเสียงดังลั่นไม่ต้องมีคำกล่าวสั่งการใดๆ ชายฉกรรจ์หกคนกำชับดาบในมือแน่นพุ่งเข้าหาหยางเวย หยางเวยแสยะยิ้มก้มตัวหลบ เถาวัลย์สีฟ้าหกเส้นพุ่งออกมารัดตัวชายฉกรรจ์ทั้งหกเอาไว้ เสียงร้องโหยหวนดังลั่นออกมา หยางเวยถีบเท้าพุ่งทะยานออกไปเข้าประชิดชายหนุ่มผู้หนึ่ง
“พวกบัดซบเช่นพวกเจ้าต้องเจอแบบนี้”
หยางเวยง้างเท้าเตะไปที่หว่างขาของชายหนุ่มด้านหน้าอย่างถนัดถนี่ เปรี้ยง เลือดสีแดงพุ่งกระฉูดออกมาจากหว่างขา เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังลั่น ทันทีที่จัดการคนผู้หนึ่งเสร็จสิ้นหยางเวยก็พุ่งเข้าประชิดชายหนุ่มอีกคน แน่นอนว่าชายผู้นั้นรีบหุบขาตัวเองแต่ทว่าหยางเวยกลับต่อยหมัดขวาเข้าที่ปลายคางแทน เปรี้ยง