บทที่ 197
หยางเวยยกยิ้มดีใจนั่งตรวจสอบแหวนในมือหลายสิบวงอย่างอารมณ์ดีบนก้อนหินใต้ต้นไม้ เนี่ยฟงยืนตรวจสอบแผ่นหนังพร้อมกับขมวดคิ้วเอ่ยวาจาออกมา
“หยางเวยรีบเถอะมีกลุ่มคนมุ่งหน้าไปทางพวกจงเหรินป้าอยู่”
“ไหนเจ้ากล่าวว่าจะไม่มีใครตรวจสอบอย่างไรเล่า”
“ใช่ เพียงแต่กำลังคนที่มุ่งหน้าไปที่นั่นมีเกือบยี่สิบคนเลยทีเดียว ข้าไม่แน่ใจว่าคนพวกนั้นตามล่าเราหรือล่าสิ่งใดกันแน่ หรือว่าเจ้าไม่สนใจสมบัติที่คนพวกนั้นนำมา”
หยางเวยขมวดคิ้วทั้งสองขึ้นรีบเก็บแหวนในมือ
“อย่าชักช้าเสียเวลา คุณชายเนี่ยฟงรีบนำทางเถอะขอรับ”
“ขอรับคุณชายหยางเวย”
ทั้งสองเร่งฝีเท้ากลับมายังจุดที่พักของจงเหรินป้าระหว่างทางพบกลุ่มชายฉกรรจ์สวมชุดสีดำพร้อมผ้าสีดำปกปิดใบหน้าเกือบยี่สิบคนเป็นกลุ่มใหญ่ ทั้งสองจึงแอบสะกดรอยตาม คนกลุ่มนั้นหาได้มุ่งหน้าไปยังกลุ่มของจงเหรินป้าแต่อ้อมไปอีกทางขวาขึ้นทางเหนือ ทั้งสองยังคงติดตามอยู่เกือบชั่วยามกลุ่มชายชุดดำก็หยุดลงบริเวณตีนเขาลูกใหญ่ ชายฉกรรจ์สองคนสะบัดมือขวาไปมาวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีแดงค่อยๆปรากฏออกมาด้านหน้าของก้อนหินขนาดใหญ่ มีหลายคนออกลาดตระเวนโดยรอบ ซึ่งสร้างความแปลกใจแก่เนี่ยฟงไม่น้อย
“หยางเวย คนพวกนี้แปลกประหลาดนัก ดูเหมือนมีจุดประสงค์บางอย่างในที่แห่งนี้”
“จัดการพวกมันเลยหรือไม่”
“ใจเย็นๆก่อน ข้าว่าพวกมันต้องเข้าไปด้านในแน่ คอยดูพวกมันไว้ก่อนก็แล้วกัน”
ในระหว่างนั้นเองก็ได้ยินเสียงตะโกนดังลั่นมาจากกลุ่มที่ออกลาดตระเวน ชั่วน้ำเดือดคนพวกนั้นก็พุ่งทะยานกลับมาพร้อมกับสัตว์อสูรตัวใหญ่ยักษ์ รูปร่างคล้ายพยัคฆ์ตัวใหญ่มีเขางอกออกมาจากศีรษะประดุจกระทิง ด้านหลังมีปีกคล้ายค้างคาว ส่วนหางเป็นหางของแมงป่อง มันร้องคำรามติดตามกลุ่มลาดตระเวนด้านหน้า กรงเล็บอันแหลมคมถูกตวัดจัดการกับต้นไม้ที่ขว้างทางโค่นล้มระหว่างทาง มีหลายคนหลบหนีไม่ทันถูกสังหารตกตาย เลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็น
“ไอ้บ้าเอ๊ย”
“บัดซบ พวกเจ้านำสิ่งใดกลับมา”
“ต้านมันไว้ วงอักขระศักดิ์สิทธิ์แก้ไขใกล้เสร็จสิ้นแล้ว”
“สกัดมันเอาไว้”
เสียงตะโกนเสียงดังสนั่นจากด้านล่าง พื้นดินถูกทำลายเป็นรอยเท้าหลุมลึก หางแมงป่องจ้วงแทงซากศพยังคงติดอยู่ที่ส่วนหาง ปราณดาบปราณกระบี่ปลิวว่อน สัตว์อสูรประเภทต่างๆถูกสร้างขึ้นมาเข้าโจมตีสัตว์อสูรด้านหน้า เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง
“ท่านลุ่ยกงขอรับ เคยพบเห็นสัตว์อสูรตัวนั้นหรือไม่ขอรับ”
“ไม่เคยพบเจอที่ไหนมาก่อน มันคงถูกกระทำบางอย่างเป็นแน่ เพราะแต่ละส่วนดูไม่ค่อยเข้ากันเสียเท่าไร หากเดาไม่ผิดสถานที่แห่งนี้ต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นเป็นแน่ เจ้ารอดูคนพวกนั้นแก้ไขวงอักขระศักดิ์สิทธิ์เถอะ ข้าอยากรู้เช่นกันว่ามีสิ่งใดอยู่ในนั้น”
เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังลั่นไปทั่วบริเวณ กลุ่มชายฉกรรจ์ถูกสังหารหกตายไปนับสิบคน ทันทีที่วงอักขระศักดิ์สิทธิ์ถูกแก้ไข มองเห็นเป็นทางเข้าขนาดใหญ่ สัตว์อสูรด้านหน้าร้องคำรามเสียงดังสนั่น พ่นบางอย่างออกมาโจมตี เปรี้ยง เปรี้ยง วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีแดงปรากฏที่พื้น เถาวัลย์สีแดงพุ่งออกมารัดตัวเอาไว้ แต่นั่นก็ทำได้เพียงหยุดเพียงชั่วขณะไม่ถึงสิบลมหายใจก็ถูกทำลายลง เสียงตะโกนสั่งการดังขึ้นมาอีกครั้ง
“รีบเข้าไปหลบได้ในเถอะ ก่อนที่จะตกตายไปกันหมด”
เนี่ยฟงได้ยินเช่นนั้นแสยะยิ้มหันไปมองหยางเวย
“หยางเวยรีบเข้าไปด้านในเถอะ”
“หือ อย่างไร”
“เจ้าติดตามข้ามาก็พอ”
ทั้งสองแอบตามต้นไม้ใหญ่เมื่อเข้าใกล้บริเวณ เนี่ยฟงสะบัดมือขวาสร้างวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าไว้ที่พื้นสี่วงเมื่อเห็นคนพวกนั้นถอยหลังคิดเข้าไปด้านใน เถาวัลย์สีฟ้าพุ่งออกมาจากวงอักขระศักดิ์สิทธิ์เข้ารัดตัวคนเหล่านั้นเอาไว้
“หยางเวยรีบเข้าไปด้านใน”
สิ้นเสียงกล่าวหยางเวยพุ่งทะยานเข้าไปด้านในทันที เสียงตะโกนด่าทอดังลั่นเมื่อคนพวกนั้นพบเห็นหยางเวย เนี่ยฟงเองเมื่อเห็นว่าคนที่เหลือถูกรัดด้วยเถาวัลย์สีฟ้าจนหมดแล้วก็พุ่งติดตามหยางเวยเข้าไป ทันทีที่เข้ามาด้านในได้แล้วสะบัดมือขวาสร้างวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ปิดทางเข้าเอาไว้ ได้ยินเพียงเสียงร้องโหยหวนไม่นานก็เงียบเสียงลง หยางเวยรีบนำตะเกียงไฟออกมาจุดสร้างแสงสว่าง พื้นที่ด้านในเป็นถ้ำขนาดใหญ่ถูกสร้างระหว่างรอยต่อของช่องเขา หยางเวยยืนนิ่งไม่ไหวติงเมื่อเห็นกองสมบัติจำนวนมากที่วางอยู่เกลื่อนพื้น มีทั้งแก่นพลังปราณ หีบเหล็กที่บรรจุทองคำและอาวุธต่างๆ
“โชคเข้าข้างคุณชายหยางเวยยิ่งนัก”
หยางเวยหัวเราะเสียงดังลั่นเข้าไปตรวจสอบสมบัติ ส่วนเนี่ยฟงเดินมุ่งหน้าเข้าไปด้านในเพราะพบเห็นศิลาจารึกขนาดใหญ่สีแดงตั้งอยู่ หยางเวยเมื่อตรวจสอบของทั้งหมดก็เก็บรวบรวมเอาไว้ในแหวนนั่งโคจรลมปราณรอเนี่ยฟง เกือบสองชั่วยามหยางเวยทนความหิวไม่ไหวจึงจัดการก่อไฟย่างเนื้อสัตว์อสูรทาน ไม่นานเนี่ยฟงก็ก้าวเดินออกมา
“เกิดสิ่งใดขึ้นเหตุใดครั้งนี้เจ้าถึงได้อ่านศิลาจารึกก้อนนั้นนานนัก”
“เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าในศิลาจารึกก้อนนั้นสลักสิ่งใดเอาไว้”
หยางเวยพยักหน้าพร้อมกับยืนเนื้อสัตว์อสูรให้แก่เนี่ยฟง
“เจ้ายังจดจำเรื่องที่ข้าเล่าให้ฟังเกี่ยวกับพวกนั้นหรือไม่ ที่มาจากดินแดนอื่น”
“ข้ายังพอจำได้ หรือว่าเจ้าได้เบาะแสเพิ่มเติม”
“ใช่แล้ว ในศิลาจารึกกล่าวไว้ว่า มีวิธีเดินทางไปที่แห่งนั้นอยู่ เพียงแต่ว่าต้องหาศิลาจารึกอีกก้อนเพื่อสร้างเรือเหาะสำหรับเดินทางข้ามทะเล”
“เรือเหาะ ข้ามทะเล”
“ใช่ เรือเหาะ ข้ามทะเล ก่อนอื่นหากเราจะไปที่แห่งนั้นจริงเราต้องหาคนที่จะสร้างเรือสำหรับเดินทาง คงต้องไปเสาะหาคนที่เขตแห่งทะเล ส่วนวิธีการสร้างคงต้องหาก้อนศิลาจารึกอีกก้อน มันถูกซ่อนไว้ที่เขตแห่งทะเล แต่ข้ายังไม่แน่ใจว่าที่ไหน”
“ข้าว่าเนื้อความในศิลาจารึกคงไม่หมดแค่นี้ใช่หรือไม่”
“อืม ยังไม่หมดยังมีกล่าวถึงเผ่าปีศาจอีกเล็กน้อยถึงวิธีสังหารพวกมัน”
“หือ วิธีสังหาร”
“วิธีการไม่ต่างไปจากที่ข้าทำ คือขอเพียงจัดการกับปราณสีดำที่รักษาอาการบาดเจ็บของพวกมันได้ก็ไม่ต่างไปจากการสังหารสัตว์อสูรและมนุษย์เสียเท่าไร”
“แล้วคนพวกนั้นรู้ที่ซ่อนที่นี่ได้อย่างไร”
“เรื่องนั้นข้าไม่ทราบคงต้องตรวจสอบแหวนในมือของคนพวกนั้นไม่แน่อาจได้เบาะแสบางอย่างเพิ่มเติม”
หยางเวยสะบัดมือขวานำบันทึกออกมาให้แก่เนี่ยฟงสองเล่ม
“ข้าคิดว่ามันคงเป็นชุดอักขระศักดิ์สิทธิ์ เจ้านำไปศึกษาเถอะ”
เนี่ยฟงรีบรับมาพร้อมกับเปิดอ่านเนื้อหาข้างในไม่นานก็ยกยิ้ม
“ขอบใจเจ้ามาหยางเวย ขอเพียงมีสิ่งนี้เราสามารถสร้างเรือเหาะได้แน่นอน”
เกือบสองเค่อที่ทั้งสองจัดการอาหารจนอิ่ม จึงเตรียมตัวออกไปด้านนอก เมื่อมาถึงด้านหน้าทางออก เนี่ยฟงจัดการแก้ไขวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ เมื่อออกมาด้านนอกได้สำเร็จพบเจอเศษซากชิ้นส่วนมนุษย์กระจายเกลื่อนบริเวณกลิ่นเหม็นสาบฟุ้งกระจาย เนี่ยฟงรีบแผ่ลมปราณตรวจสอบ
“หยางเวยระวังตัวหน่อย สัตว์อสูรตัวนั้นมันยังอยู่แถวนี้ ข้าจะหาทางล่อมันออกไปทางอื่น เจ้าเร่งเก็บสมบัติของคนพวกนี้แล้วติดตามข้าไป ข้าอยากรู้ว่าคนพวกนี้มายังที่แห่งนี้มีจุดประสงค์อันใด”
“ได้ ข้าจะรีบติดตามเจ้าไป”
เนี่ยฟงถีบเท้าพุ่งทะยานออกไปพร้อมกับกำชับดาบสีดำในมือแน่น ไม่ถึงสี่ลมหายใจก็ได้ยินเสียงร้องคำรามดังสนั่นพร้อมกับเสียงต้นไม้โค่นล้มติดตามเนี่ยฟงไป หยางเวยรีบออกไปค้นหาแหวนจากแขนขวาที่หลุดขาดกระเด็นลงพื้น เกือบครึ่งเค่อก็ตามเนี่ยฟงไปทันที เสียงปะทะดังสนั่น เกราะสายฟ้าหกอันหมุนวนต้านรับกรงเล็บขนาดใหญ่ที่ตะปบเข้ามา เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เถาวัลย์สีฟ้าพุ่งออกจากเกราะสายฟ้ารัดตัวสัตว์อสูรด้านหน้าเอาไว้ แต่ทว่าก็ถูกกระชากทำลายลงในไม่กี่ลมหายใจต่อมา หยางเวยพุ่งทะยานเข้ามาพร้อมกับฟาดฟันมีดในมือ ปราณมีดสีม่วงพร้อมกับกลิ่นเหม็นสาบของพิษร้ายเข้าปะทะร่างกายของสัตว์อสูรเต็มๆ เปรี้ยง สัตว์อสูรร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดจากพิษร้ายของหยางเวย
“หยางเวยหลอกล่อมันเอาไว้ มันเกรงกลัวพิษร้ายของเจ้า”
“ได้”
หยางเวยพุ่งเข้าโจมตีโดยมีเกราะสายฟ้าหมุนวนรอบกาย เสียงสะบัดมือดังแว่ววงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏบนพื้นทับซ้อนกันสี่วง เสียงปะทะยังคงดังสนั่นควันพิษสีม่วงฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ต้นไม้บางต้นเริ่มแห้งเหี่ยวลงเพราะพิษร้าย ปราณสีดำพุ่งออกมาจากสัตว์อสูรตัวใหญ่ อสรพิษดำและกิเลนอัสนีปรากฏตัวออกมาช่วยหยางเวยด้วยเช่นกัน เปรี้ยง หยางเวยถูกตบกระเด็นออกมาด้านนอก
“หยางเวย”
เถาวัลย์สีฟ้าพุ่งออกมารัดตัวสัตว์อสูรเอาไว้ประกายสายฟ้าพุ่งออกมาเผาทำลายปราณสีดำจนหมดสิ้น เนี่ยฟงรีบพุ่งทะยานเข้าไปหาหยางเวย พร้อมกับนำเม็ดยามาให้
“พักก่อนหยางเวยที่เหลือข้าจัดการเอง”