บทที่ 196
ตลอดช่วงเวลาสามวันกลุ่มล่าสังหารเนี่ยฟงหาได้มีใครพบเห็นตัว แม้แต่จุดในแผนที่ก็หายไป หลายกลุ่มลงความเห็นว่าตกตายไปแล้ว จึงไม่มีผู้ใดเอะใจหรือสงสัยแม้แต่น้อย เพราะมีหลายกลุ่มเข้าไปตรวจสอบบริเวณจุดปะทะ ต้นไม้ถูกเผาพื้นดินถูกทำลายเสียหายอย่างหนักอีกทั้งซากศพที่พบเจอก็ถูกเผาทำลายจนไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดกันแน่ ทันทีที่ทราบเรื่องเสี่ยวจูและฟางจวินซีทำเพียงเศร้าเสียใจเท่านั้นเพราะทั้งสองรับรู้อยู่แล้วว่านี้คงเป็นแผนการของเนี่ยฟง แต่จงเหรินป้าและหยางเฟยต่างออกไปทั้งสองนำกลุ่มไล่ล่าสังหารคนจากสำนักพยัคฆ์ขาวหวังแก้แค้น
วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าส่องแสงสว่างออกมาจากช่องรอยแยกระหว่างเขา เนี่ยฟงและหยางเวยก้าวเดินออกมาในสภาพร่างกายสมบูรณ์พร้อมรบ สามวันที่ผ่านมาเนี่ยฟงจัดการประทับอักขระศักดิ์สิทธิ์เพิ่มเติมในอาวุธมีดของหยางเวย พร้อมทั้งสร้างชุดเกราะไหมจากของที่ตรวจยึดได้รวมไปถึงอาวุธลับสองสามอย่างให้แก่หยางเวย
“เราจะออกล่าสังหารพวกมันเลยหรือไม่ ข้าอยากทดสอบอาวุธและชุดเกราะไหมของเจ้าแล้ว”
“ใจเย็นก่อนหยางเวย หาทางแจ้งข่าวแก่พวกจงเหรินป้าและพวกแม่นางเสี่ยวจูเสียก่อน ตอนนี้คนพวกนั้นคงคิดว่าเราตกตายไปแล้วแน่ ทางแม่นางเสี่ยวจูข้าคิดว่าคงไม่น่าเป็นห่วง แต่ทางจงเหรินป้าแล้วข้าเกรงว่าจะวู่วามทำอะไรไม่คิด”
“เราจะแยกกันไปแจ้งข่าวหรือไม่”
เนี่ยฟงนำแผ่นหนังออกมาตรวจสอบหาพวกจงเหรินป้าและเสี่ยวจู
“ไม่ต้องพวกเขาทั้งสองกลุ่มอยู่ที่นี่ไม่ไกลนัก เจ้าติดตามข้ามาเถอะหยางเวย”
เนี่ยฟงสะบัดมือเก็บแผ่นหนังพุ่งทะยานออกไปทางซ้าย หยางเวยก็พุ่งติดตามออกไปประดุจเงาตามตัว ทั้งสองเร่งฝีเท้าอย่างสุดกำลังไม่ถึงสองเค่อก็พบกับกลุ่มของเสี่ยวจูและฟางจวินซี เนี่ยฟงแจ้งแผนการให้ทั้งสองรวมไปถึงเม็ดยาและวิธีใช้แผ่นหนังสำหรับตรวจสอบกลุ่มต่างๆ เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นก็พุ่งทะยานออกไปต่อเพื่อพบเจอกับจงเหรินป้า ทั้งสองมุ่งลงใต้หากพบเจอสัตว์อสูรพยายามหลีกเลี่ยงเกือบชั่วยามก็ได้ยินเสียงปะทะด้านหน้า เนี่ยฟงหยุดฝีเท้าเมื่อเข้าใกล้พบเห็นจงเหรินป้าและหยางเฟยกำลังต้านรับชายฉกรรจ์สี่คน ส่วนพวกที่เหลือต่างได้รับบาดเจ็บอยู่ด้านหลังโดยมีชายฉกรรจ์แปดคนยืนล้อม
“หยางเวย เจ้าเข้าไปจัดการทั้งสี่ ส่วนอีกแปดคนที่เหลือข้าจัดการเอง”
“ได้ หวังว่าคนทั้งหมดจะนำสมบัติของข้ามาไม่มาก็น้อย”
“เร่งลงมือเถอะพวกนั้นคงต้านเอาไว้ได้ไม่นานแล้ว”
สิ้นเสียงกล่าวของเนี่ยฟง หยางเวยสะบัดมือขวาถือมีดอันแปลกประหลาดในมือเร่งโคจรลมปราณพุ่งทะยานเข้ามาคนทั้งสี่ ส่วนเนี่ยฟงสะบัดมือขวาซัดกระบี่ออกไปแปดเล่ม ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งแสยะยิ้มฟันดาบเข้าปะทะดาบของหยางเฟย เคร้ง ดาบในมือหักกระเด็น คมดาบวาดผ่านหน้าอก เลือดสีแดงพุ่งกระฉูด หยางเฟยกระเด็นไปทางด้านหลัง แต่ทว่าชายฉกรรจ์ผู้นั้นหาได้ทำสิ่งใดได้อีกต่อไป ปลายมีดเสียบแทงทะลุหน้าอกออกมาก่อนสิ้นลมหายใจได้ยินเสียงเพียงกระซิบข้างหู
“บัดซบนักคิดสังหารคนตระกูลข้ารึ”
เสียงตะโกนด่าทอด้วยความเดือดดาลดังลั่นออกมา หยางเวยหาได้สนใจดึงมีดออกมาจากด้านหลัง เคร้ง เข้าต้านรับดาบอีกเล่มที่ฟาดฟันเข้ามา
“ศิษย์พี่จงเหรินป้า ข้าฝากดูและหยางเฟยด้วยขอรับ สามคนที่เหลือข้าจัดการเอง”
“ได้ ข้าฝากที่เหลือด้วย”
ไร้เสียงตอบรับจากหยางเวยได้ยินเพียงเสียงระเบิดดังลั่น ตูม ควันพิษสีม่วงฟุ้งกระจาย หยางเวยแสยะยิ้มกวัดแกว่งมีดในมืออย่างรวดเร็ว เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง ไม่ถึงยี่สิบลมหายใจเสียงการปะทะก็จบลง หยางเวยแสยะยิ้มก้าวเดอนออกมา หันไปมองชายฉกรรจ์อีกแปดคนนอนแน่นิ่งถูกกระบี่จ้วงแทงที่ลำคอตกตายอยู่บนพื้น ส่วนเนี่ยฟงเข้าไปรักษาอาการบาดเจ็บคนจากกลุ่มจงเหรินป้า
“เจ้าลงมือรวดเร็วนักไอ้บ้าเนี่ยฟง”
“ต้องขอบใจเจ้าที่ดึงความสนใจคนพวกนั้นเอาไว้ เจ้าเร่งตรวจสอบสมบัติของเจ้าเถอะ”
หยางเวยหาได้กล่าวสิ่งใดตอบพุ่งทะยานออกไปปลดแหวนในมือซากศพทั้งแปด เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นอาการของคนทั้งหมดเริ่มเดินทางได้เนี่ยฟงหาคนทั้งหมดออกไปทางซ้ายมือเกือบสองลี้ พบลานกว้างใต้ต้นไม้ใหญ่
“พักกันที่นี่ก่อน ข้าจะวางอักขระศักดิ์สิทธิ์ป้องกันพวกท่านไว้”
เสียงสะบัดมือดังแว่ววงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าปรากฏออกมาขนาดใหญ่สองวง ที่พื้นและเหนือต้นไม้ใหญ่ ไม่นานวงอักขระศักดิ์สิทธิ์เหนือต้นไม้ก็กลายเป็นโดมขนาดใหญ่สีฟ้าครอบบริเวณรอบต้นไม้ ส่วนวงอักขระศักดิ์สิทธิ์ที่พื้นกลายเป็นม่านพลังสีฟ้าป้องกันอีกชั้นหนึ่ง
“พวกเจ้าพักรักษาอาการบาดเจ็บที่นี่ก่อน ข้าและหยางเวยจะออกไปจัดการกับกลุ่มคนอีกสองกลุ่มที่อยู่บริเวณนี้”
“ขอบใจพวกเจ้าทั้งสองมากศิษย์น้อง”
“ไม่เป็นไรศิษย์พี่จงเหรินป้า”
เนี่ยฟงนำขวดยาสีขาวนวลออกมายื่นให้แก่จงเหรินป้า
“นำไปรักษาอาการคนที่ยังไม่หายดี รอข้าจัดการคนพวกนั้นเสร็จข้าจะรีบกลับมา เมื่ออยู่ด้านในนี้คนด้านนอกจะไม่สามารถพบเห็นหรือได้ยินสิ่งใด ขอเพียงอย่าออกไปด้านนอกก็พอ”
จงเหรินป้าได้ยินเช่นนั้นหมายคุกเข่าคารวะ แต่เนี่ยฟงใช้มือขวาคว้าจับมือของจงเหรินเอาไว้เสียก่อน
“อย่าทำเช่นนั้นเลยศิษย์พี่”
ทันทีที่จงเหรินป้ายืนขึ้น เนี่ยฟงก็หันไปมองหยางเวย
“ไปกันเถอะหยางเวย สมบัติของคนพวกนั้นคงเรียกร้องหาเจ้าของแล้ว”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้ากล่าววาจาได้น่าฟังนัก รีบไปกันเถอะ”
เนี่ยฟงเพียงยกยิ้มเมื่อเห็นหยางเวยแสยะยิ้มยกมือทั้งสองขึ้นมือถู หลังจากนั้นไม่นานหยางเวยก็พุ่งทะยานติดตามเนี่ยฟงออกไป ไม่ถึงสองเค่อทั้งสองก็พบกลุ่มชายฉกรรจ์ด้านหน้าแปดคนกำลังมุ่งหน้าเข้ามา เนี่ยฟงถีบเท้าพุ่งขึ้นไปแอบอยู่บนกิ่งไม้ หยางเวยยืนนิ่งโคจรลมปราณเอาไว้ ทันทีที่กลุ่มคนด้านหน้าพุ่งทะยานเข้ามาพบเห็นหยางเวย แต่ละคนล้วนแล้วตื่นตกใจไม่น้อย
“ข้ารอพวกเจ้ามานานแล้ว ถึงเวลาที่ข้าจะไล่ล่าสังหารพวกเจ้าบ้าง”
“ปากดีนักไอ้ลูกหมาหยางเวย”
“สังหารมัน”
กลุ่มชายฉกรรจ์ด้านหน้าสะบัดมือกำชับอาวุธคู่ใจแน่นพุ่งทะยานเข้าหาหยางเวย ตูม หยางเวยระเบิดพลังปราณพิษออกมาเสียงดังสนั่น
“ระวังพิษของมัน”
“เหอะ มีดีเพียงแค่พิษไอ้สารเลว”
“พูดมาเสียเวลา พวกเจ้าเข้ามาเถอะ”
หยางเวยแสยะยิ้มถีบเท้าพุ่งถอยออกมาด้านข้าง ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว เสียงกระบี่บินพุ่งออกไปแปดเล่มสังหารกลุ่มคนด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ชั่วจังหวะที่ทุกคนกำลังอยู่ควันพิษของหยางเวย ยังไม่ทันที่จะทำสิ่งใดต่อพื้นดินก็สั่นสะเทือนเกิดรอยแยกขึ้นที่พื้นดินตะขาบตัวใหญ่ยักษ์สีดำทมิฬเขี้ยวและขาของมันสีแดงก่ำพุ่งหายเข้าไปในควันพิษของหยางเวยทันทีที่มันโผล่ออกมาในปากกัดกินซากศพของกลุ่มคนที่เนี่ยฟงสังหาร หยางเวยถึงกับกุมขมับด้วยมือทั้งสองข้าง
“บัดซบ สมบัติของข้าไอ้ตะขาบเวร”
เนี่ยฟงหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นเมื่อเห็นอาการของหยางเวย
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เร่งจัดการมันเถอะก่อนที่เจ้าจะต้องผ่าร่างมองมันเพื่อหาสมบัติของเจ้า”
“บัดซบ บัดซบ บัดซบ”
เนี่ยฟงสะบัดมือขวาสร้างเกราะสายฟ้าหมุนวนรอบกายหยางเวย มีดอันแปลกประหลาดในมือสั่นสะท้าน หยางเวยเร่งโคจรลมปราณพร้อมกับพุ่งทะยานเข้าประชิด เกราะสายฟ้าต้านรับขาอันแข็งแกร่งและเขี้ยวที่จ้วงแทงเข้ามา เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง หยางเวยถีบเท้าเหยียบเกราะสายฟ้าพุ่งทะยานพร้อมกับฟาดฟันมีดในมือ ปราณมีดสีม่วงพร้อมกลิ่นเหม็นของพิษร้ายฟุ้งกระจาย ปราณมีดพุ่งเข้าปะทะลำตัวเสียงดังสนั่น เปรี้ยง เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ซากศพในปากถูกพุ่งออกมา หยางเวยถีบเท้าถอยออกมาอย่างรวดเร็ว ปราณสีดำพุ่งโพยออกมาวงอักขระศักดิ์สิทธิ์สีฟ้าส่องสว่าง เถาวัลย์สีฟ้าพุ่งเข้ารัดตัวตะขาบที่กำลังคิดหลบหนี ประกายสายฟ้าเผาทำลายปราณสีดำจนหมดสิ้น
“คิดหลบหนีรึ”
หยางเวยพุ่งทะยานขึ้นไปบนกิ่งไม้ใหญ่ กระโดดลงมาบนหลังของตะขาบ โคจรลมปราณฟาดฟันมีดในมืออย่างรวดเร็ว เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้ง ไม่นานเกราะแข็งด้านหลังก็ถูกทำลายมองเห็นเนื้อสีแดงก่ำด้านในอย่างชัดเจน ตะขาบเองก็พยายามสะบัดหยางเวยให้หลุดออกไป แต่เพราะถูกเถาวัลย์สีฟ้ารัดจนแน่นจึงไม่สามารถกระทำสิ่งใดได้มาก หยางเวยจ้วงแทงมีดเข้าไปที่เนื้อสีแดงพร้อมกับเร่งโคจรลมปราณไปที่มีด เปรี้ยง ปราณมีดพุ่งทะลุหน้าท้องออกมา ตะขาบร่วงลงไปนอนกับพื้นแน่นิ่ง