ตอนที่ 3 ทักษะของลู่เฟย
"หือแน่ใจเหรอว่ามาหาซีอิ๊ว" เบบี้อดยิ้มไม่ได้
"แน่นอนถ้าคุณไม่เชื่อผม คุณสามารถไปดูที่ห้องครัวของฉัน มันไม่มีซีอิ๊วเหลืออยู่เลย" ลู่เฟยอธิบายอย่างจริงจัง
“เข้ามา”
“เยี่ยม!”
ลู่เฟย เดินตามหยางอิ่ง เข้าไปในบ้านของเธอซึ่งเป็นบ้านสองชั้นดูเพล็กซ์การตกแต่งคล้ายกับบ้านที่เขาอาศัยอยู่อย่างไรก็ตามหลังจากเข้าไปลู่เฟยก็เห็นว่าถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปวางอยู่บนโต๊ะในห้องนั่งเล่น
ให้ตายเหอะ ดาราใหญ่กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่บ้าน เอาจริงดิ? ลู่เฟยตกใจอย่างมาก
“คุณหยางอิ่ง ดาราใหญ่อย่างคุณยังกินมาม่าอยู่งั้นหรอ? ผมไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม?” ลู่เฟยถามหยางหยิงด้วยความช็อค
หยางหยิงหน้าแดง: “ทำไม? ฉันทำอาหารเองไม่เป็นแล้วฉันจะกินอะไรถ้าไม่ใช่มาม่า ข้างนอกร้อนเกินไป ฉันไม่อยากออกไปกินข้างนอกแล้วก็ไม่ยากโทรสั่งอาหารข้างนอกมากินด้วย”
“โอ้ว.. กลายเป็นว่าคุณไม่รู้วิธีปรุงอาหารก็เลยกินมาม่า มันไม่ดีต่อสุขภาพของคุณจริงๆ นะ งั้นถ้าคุณกินมาม่าตลอดแล้วคุณมีหุ่นดีแบบนี้ได้ไงเนี่ย?” ลู่เฟยมองดูเบบี้และพูดด้วยความเป็นห่วง
“ฉันก็กินเป็นครั้งคราวแค่นั้นปกติจะกินข้างนอก นอกจากนี้ฉันจะทำไรได้อีกล่ะ?” หยางอิ่งแก้ตัว
“งั้นให้ผมทำอาหารให้คุณลองชิมละกัน” ลู่เฟยอาสา อาหารที่เขาปรุงนั้นอร่อยมาโดยตลอดแล้วเขาก็พัฒนาฝีมือ และฝึกฝนทักษะการทำอาหารอยู่เสมอก่อนข้ามโลกมา นี่อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นทักษะส่วนตัวของเขาเองล้วนๆ
“คุณกินอาหารของคุณเองได้ไหม?” หยางอิ่งถามลู่เฟยอย่างสงสัย
“คุณกินได้แน่นอน ผมมั่นใจว่าคุณจะอยากกินมันอีกครั้งหลังจากคุณได้ลิ้มลองไปแล้ว คุณสามารถตั้งคำถามเกี่ยวกับตัวผมได้ แต่คุณไม่ควรตั้งคำถามกับทักษะการทำอาหารของผมเลย” ลู่เฟยประกาศอย่างมั่นอกมั่นใจด้วนท่าทางทีจริงจังและโอ่อ่าไม่น้อยไปกว่าหยางอิ่ง
“โอเค แล้วคุณจะทำอะไรให้สาวคนนี้ล่ะ” หยางอิ่งยิ้มแล้วกล่าวด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“อืม.. งั้นคุณรอผมแป๊บ เดี๋ยวผมจะไปทำที่บ้านแล้วคุณก็มากินที่บ้านผม”
“งั้นฉันจะไปกับคุณ ฉันจะคอยดูคุณเผื่อคุณสั่งข้าวมาโกงฉัน” หยางอิ่งยิ้มเห็นด้วย
“อั๊กก…” ลู่เฟยแทบกระอักเลือดออกมา ผู้หญิงคนนี้ไม่เชื่อเขา เป็นดาราใหญ่ที่ไม่เชื่อคนอื่น บ้าจริง
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ ที่บ้านของผมมีอาหารและเนื้อครบ” ลู่เฟยยิ้มให้กับเบบี้
“เคร.. นายยังต้องการซีอิ๋วไหม?” หยางอิ่งเริ่มถาม
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องแล้ว ไปกันเถอะ” ลู่เฟยโบกมือ (อ่าวไอ่นี่)
“ได้”
ลู่เฟยพาหยางอิ่งมาที่บ้านเขา ประตูของทั้งคู่ห่างกันเพียงแค่ 2 เมตร ซึ่งมันสะดวกมาก
หลังจากเข้าไปในบ้าน ลู่เฟยก็ไปที่ห้องครัวและหยางอิ่งก็นั่งที่ประตูห้องครัว พร้อมกับ iPhone รุ่นล่าสุดของเธอ ลู่เฟยเริ่มทำอาหารและเขาก็ยุ่งอยู่ในครัวตลอด
“ลู่เฟย คุณทำงานอะไรหรอ?” หยางอิ่งถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ผมหรอ ผมยังไม่ได้ทำงานอะไร ผมเพิ่งย้ายมาปักกิ่งหน่ะ” ลู่เฟยตอบขณะชิมข้าวของเขาอยู่ ตอนนั้นเขาก็มองไปที่สีขาวคู่ขนาดใหญ่ของหยางหยิงเขาอดไม่ได้ที่จะแอบคิดในใจ (ผู้แปล: หืออออ!)
ให้ตายเถอะ ขาสวยๆ เหล่านี้ดีเกินไป (ผู้แปล:รอดตัวไปเอ็ง) แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เบบี้เคยเป็นนางแบบเธอเดบิวต์ในฐานะนางแบบและดูเหมือนเธอเปิดตัวที่ญี่ปุ่นในช่วงแรกแล้วเธอก็มีชื่อเสียงมากในตอนนั้น
“เอ่อ แล้วคุณมีแผนจะทำอะไร”
“ผมยังไม่รู้ ผมไม่รู้งานประเภทไหนเหมาะ” ลู่เฟยบอกความจริง เป้าหมายของเขาคือครองฮอลลีวูด แต่เขาไม่รู้จะเข้าสู่วงการบันเทิงตอนนี้ได้อย่างไร
“ความสามารถพิเศษของคุณคืออะไร? ร้องเพลงได้ป่าว?” หยางอิงถามต่อ
“ร้องเพลงงั้นหรอ? จริงสิ” ลู่เฟยยิ้มและมั่นใจว่าเขาจะร้องเพลงได้อย่างแน่นอน และเขาร้องเพลงได้หลายเพลง
ทันใดนั้นลู่เฟยก็คิดได้ว่าทำไมเขาไม่ขอให้นายท่านระบบแลกเปลี่ยนเสน่ห์ของเขา ไม่ใช่ว่ามีคะแนนเหลืออยู่หรือไง
แลกกับเสียงที่ดีเพื่อให้คุณมีเสียงร้องเพลงที่ไพเราะ การเข้าสู่วงการบันเทิงไม่ใช่ว่ากลายเป็นเรื่องง่ายหรอกหรือ?
“แล้วคุณสามารถร้องเพลงพวกนั้นได้ไหม?” หยางอิงถามด้วยรอยยิ้ม
"ผมสามารถร้องเพลงได้หลายเพลงเลยล่ะ เช่น ‘ทะเลกว้างและท้องฟ้า’ ‘มีคุณอยู่ริมทาง’ ‘น่าเสียดายที่ไม่ใช่คุณ’ ‘ปีแห่งความรุ่งโรจน์’ และก็อีกหลายๆ เพลง" ลู่เฟยเสียบหม้อหุงข้าว แล้วเขาก็เริ่มล้างผัก
"ฉันเคยได้ยิน แต่เพลงที่ ‘มีคุณอยู่ริมทาง’ ซึ่งร้องโดยแจ็คกี้เฉิง ฉันไม่เคยได้ยินอีกสามเพลงที่เหลือ คุณเขียนเองหรือเปล่า?" หยางหยิงถามอย่างสงสัย
ลู่เฟยเกือบจะไม่ถูกฟ้าผ่าตาย (ผู้แปล: เดาว่าน่าจะประมาณช็อกมากแหละ) : “My God! ดาราใหญ่ คุณบอกว่าคุณไม่เคยได้ยินเพลง ‘ทะเลกว้างและท้องฟ้า’ งั้นหรอ นี่เป็นเพลงคลาสสิกคุณไม่เคยได้ยินได้ไง?”
“ฉันงงไปหมดแล้ว ฉันจะโกหกคุณไปทำไม คลาสสิกอะไรกัน ฉันรับประกันได้เลยว่าเพลงเหล่านี้ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทำคุณถึงบอกว่ามันคลาสสิก” หยางหยิงจ้องไปที่ลู่เฟยอย่างไม่พอใจ
ลู่เฟยตกใจอย่างมาก ตอนนั้นเองเขาก็นึกขึ้นได้ ระบบเคยบอกเขาว่า ทรัพยากรด้านความบันเทิงของโลกนี้นั้นค่อนข้างขาดแคลน ดูเหมือนว่ามีหลายอย่างขาดหายไปในโลกคู่ขนานนี้ ด้วยเหตุนี้ เขามีบางอย่างต้องทำ..
“อืม.. เบบี้ อีกสามเพลงเป็นเพลงของผมจริงๆ อ่ะแหละ” ลู่เฟยตอบกลับหยางหยิง
“จริงหรอ? งั้นลองร้องเพลงให้ฉันฟังสักสองสามคำ ถ้าคุณมีความสามารถจริงๆ ฉันขอแนะนำให้คุณเข้าร่วมรายการ The Voice of China ของ Zhejiang Satellite TV .. ซีซั่นแรกของ ‘Hurry Up, Brother’ (ผู้แปล: รายการ Running Man ของจีน ซึ่งตอนหลังจะเปลี่ยนเป็นชื่อรายงาน Keep Running)
เพิ่งจบลงแล้ว สถานีโทรทัศน์มีแผนที่จะจัดการแข่งขันรายการ ‘The Voice of China’ ถ้าคุณมีความสามารถจริงๆ คุณสามารถเข้าร่วมในรายการนี้ได้ฉันมีความสัมพันธ์ที่นั่นและสามารถช่วยได้" หยางอิ่งเริ่มให้กำลังใจลู่เฟย
“โอเค ตกลง ขายหน้าคุณแล้ว” ลู่เฟยตอบรับทันใดนั้นเข้าก็เรียกระบบราชาในใจ
“คุณระบบช่วยฉันที คุณอยู่รึป่าว?”
“โฮสต์ต้องการเปลี่ยนเสียงเพี้ยนๆ ของคุณ เป็นเสียงอันไพเราะใช่หรือไม่” เสียงเครื่องจักรดังขึ้น
“ใช่.. เวรเอ๊ย นายรู้ได้ไง” ลู่เฟยแปลกใจทีสามารถสื่อสารกับระบบในเขาได้
“ฉันเป็นระบบที่มีอำนาจทุกอย่าง ฉันสามารถรู้ได้โดยธรรมชาติว่าคิดอย่างไร ฉันอยู่ในระบบประสาทของคุณ” ระบบตอบกลับมายังลู่เฟย
“นั่นหล่ะ ท่านระบบ นายสามารถแลกมันให้ฉันจากคะแนนที่เหลือทั้งหมดโดยเร็วที่สุดให้เป็นเสียงอันไพเราะเพื่อเพิ่มเสน่ห์ในการร้องเพลงของฉัน” ลู่เฟยกำชับระบบอย่างร้อนรน
“ตกลง ระบบจะแลกคะแนนให้คุณในทันที หลังจากนั้นเมื่อคุณมีคะแนนสะสมมากขึ้น มันสามารถเพิ่มความเข้มแข็งในเสียงของคุณได้ แต่คุณมั่นใจได้ว่า คะแนนสะสม 30 คะแนนนั้นเพียงพอที่จะทำให้คุณมีเสียงที่ทำให้ตกตะลึกไปทั่วโลกและมันก็ไพเราะมากอย่างแน่นอน” ระบบตอบกลับลู่เฟย…
===========