เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ บทที่ 24: เข้าเรียน
大姐大 บทที่ 24: เข้าเรียน
เจี่ยนอีหลิงไม่ได้ดูกระวนกระวายหรือโกรธ สีหน้าของเธอนั้นสงบ ดวงตากระจ่างสดใส และแม้กระทั่งคำพูดของเธอก็ยังนุ่มนวลอยู่เล็กน้อย
ในทางกลับกัน หัวหน้าฝ่ายการศึกษาและชิวหยีเจนต่างพากันโกรธมากแต่ว่าไม่สามารถที่จะแสดงออกมาได้
“เอาล่ะ เวลาสายมากแล้ว แผนการในตอนเช้าของวันก็คือพวกเธอต้องรีบเรียนให้มาก อย่าเสียเวลาอ่านหนังสืออันมีค่าตอนเช้าไป พวกเธอต้องชัดเจนว่างานที่สำคัญที่สุดของพวกเธอก็คือการเรียน อย่าคิดทำสิ่งที่ไม่ควรกระทำ”
หัวหน้าฝ่ายแนะนำทุกคน เร่งให้หัวหน้าห้องพาทุกคนอ่านหนังสือ และจากไปอย่างรวดเร็วเท่าที่จะเป็นไปได้ หากมองไปที่เจี่ยนอีหลิงอาจจะทำให้เขาโกรธขึ้นมาอีกครั้ง
ชิวหยีเจนนั้นเหมือนมีไฟแผดเผาอยู่ในใจ เธอรู้สึกว่าเธอถูกเจี่ยนอีหลิงหลอกในเช้าวันนี้ และเธอก็ไม่รู้ว่าจะระบายความโกรธของเธอไปที่ไหน
สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าตอนนี้หัวหน้าฝ่ายการสอนได้ตกลงที่จะตรวจสอบกล้องวงจรปิดให้กับเจี่ยนอีหลิงเรียบร้อยแล้ว เธอจะต้องกลับไปหาวิธีปกปิดเรื่องนี้
ก่อนจาก ชิวหยีเจนได้มองไปยังเจี่ยนอีหลิงอย่างดุร้าย ดวงตาของเธอดูเหมือนจะพูดกับเจี่ยนอีหลิงว่า “รอก่อนเถอะ”
เพื่อนร่วมโต๊ะของเจี่ยนอีหลิงเหลือบมองไปยังเจี่ยนอีหลิงอย่างระมัดระวังหลายครั้ง ดูเหมือนว่าเธอจะสังเกตเห็นความแตกต่างของเจี่ยนอีหลิงที่ได้พักเป็นเวลาเจ็ดวันกับก่อนหน้านั้น
เพื่อนร่วมโต๊ะของเจี่ยนอีหลิงนั้นเรียกว่า หูเจียวเจียว ซึ่งดูบอบบางและค่อนข้างขี้อาย
ความสัมพันธ์กับเจี่ยนอีหลิงก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้ดีและก็ไม่ได้ร้าย
แม้ว่าเจี่ยนอีหลิงคนเดิมนั้นเป็นคนเจ้าอารมณ์ แต่เธอก็ไม่ถึงกับไม่รู้จักแยกแยะเหตุผลถูกผิด หูเจียวเจียวก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อเธอแย่นักทั้งเธอก็ไม่ได้ถือโอกาสรังแกหูเจียวเจียว
หูเจียวเจียวลังเลชั่วขณะก่อนที่จะถามเจี่ยนอีหลิงว่า “เจี่ยนอีหลิง ให้ฉันช่วยเธอเก็บหนังสือข้างหลังนะ เธอจะได้ใช้มันในการเรียนในภายหลัง…”
หูเจียวเจียวรู้สึกเสียใจอยู่บ้างเพราะว่าหนังสือถูกทิ้งไป เมื่อตอนที่พวกมันถูกโยนทิ้งเธอก็อยู่ที่นี่แต่ว่าเธอไม่ได้ทำอะไรเลย
“ไม่ต้อง” เจี่ยนอีหลิงยังคงมีลูกอม “มีดผ่าตัด” อยู่ในปาก เธอชอบกินของหวาน ในเมื่อลูกอมที่ทำขึ้นมานั้นกินได้ จึงเป็นการดีที่จะจัดการมันให้หมดไปแทนที่จะเสียของ
“ไม่ต้องหยิบมันกลับมาเหรอ”
“ไม่สำคัญ” เจี่ยนอีหลิงไม่สนใจมากนักกับหนังสือที่ถูกทิ้งอยู่ด้านหลังห้อง
หนังสือเหล่านี้ไม่มีประโยชน์สำหรับเธอ และถึงแม้ว่าจะมีใครต้องการหยิบมันมาคืนจริงๆ คนที่ควรจะหยิบขึ้นมาก็ควรจะเป็นคนที่โยนพวกมันทิ้งไป
หูเจียวเจียวรู้ว่าเจี่ยนอีหลิงไม่ได้สนใจกับหนังสือที่ถูกทิ้งไปเหล่านั้นจริงๆ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้กล่าวอ้างถึงมันอีก
เพราะว่าตามความเข้าใจของเธอที่มีต่ออดีตเจี่ยนอีหลิงก็คือ หากว่าเธอพูดว่า ไม่ เธอก็หมายความว่า ไม่ จริงๆ
ตามความเป็นจริงนั้น หูเจียวเจียวรู้สึกว่าเจี่ยนอีหลิงนั้นไม่ได้ยากในการที่จะเข้าหาเหมือนกับที่ทุกคนพูด เจี่ยนอีหลิงไม่เคยปกปิดในสิ่งที่ตนเองต้องการหรือไม่ต้องการ เธอไม่ต้องกังวลกับการที่จะต้องเดาความคิดของอีกฝ่าย
เพียงแต่อีกฝ่ายนั้นพูดค่อนข้างจะตรงไปตรงมาเกินไป และไม่ชอบที่จะพูดจาอ้อมค้อมกับคนอื่น ไม่พูดยกยอปอปั้น และมักจะทำให้คนอื่นได้รับความอับอาย
ระฆังดังขึ้นบอกถึงเวลาเข้าเรียนอย่างเป็นทางการ คาบแรกก็คือชั้นเรียนวิชาภาษาอังกฤษ เจี่ยนอีหลิงหยิบเอาหนังสือเรียนภาษาอังกฤษออกมาจากกระเป๋านักเรียนและวางไว้ด้านหน้าของเธอ
จากนั้นเธอก็หยิบเอาสมุดบันทึกออกมาอีกสองเล่ม เปิดเล่มหนึ่งขึ้นมาถือไว้ในมือ
หลังจากนั้นเธอก็เปิดสมุดบันทึกอีกเล่มและหยิบปากกาออกมาและเริ่มเขียนอะไรบางอย่างในนั้น
หูเจียวเจียวไม่มีความกล้าที่จะแอบมองเนื้อหารายละเอียดสิ่งที่เจี่ยนอีหลิงได้เขียนไว้ เพียงแต่เหลือบไปเห็นสูตรทางเคมีรวมไปถึงสูตรเคมีของอินทรีย์วัตถุมากมายที่เจี่ยนอีหลิงเขียนไว้
เมื่ออาจารย์ภาษาอังกฤษเข้ามา เจี่ยนอีหลิงก็วางสมุดบันทึกเล่มแรกทับมันไว้
เล่มนั้นเป็นบันทึกที่ฉินชวนได้สอนเธอไว้ในหลายวันนี้ เธอพลิกไปยังบันทึกส่วนที่เป็นของภาษาอังกฤษมีเคล็ดลับและเทคนิคต่างๆของไวยากรณ์จำนวนมาก
เมื่อครูเห็นว่านั่นเป็นบันทึกการเรียน เธอจึงไม่พูดอะไร
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเจี่ยนอีหลิงจดบันทึกอย่างจริงจัง
เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้นหรือไม่จึงทำให้เจี่ยนอีหลิงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเลวร้ายไปสู่เส้นทางอันชอบธรรม
เธอหวังว่านี่จะไม่ใช่ความกระตือรือล้นในช่วงสั้นๆ