ตอนที่ 42 บ้าน
ท้องฟ้าเหนือฐาน G011 ถูกปกคลุมด้วยเมฆ ยิ่งเวลาผ่านไป เมฆเทาก็ยิ่งหนาขึ้น แสงแดดจางๆ จากเมฆก็ยิ่งเบาบาง ความชื้นในอากาศค่อยๆ เพิ่มขึ้น เมื่อฝนเม็ดแรกตกจากท้องฟ้า มันก็ทิ้งดิ่งลงมาเป็นเม็ดฝนรูปเข็ม ตกใส่พื้นยางมะตอย ฝนเริ่มสาดเทลงมาอย่างไม่หยุดหย่อนจากเมฆดำ
ไวรัสและแบคทีเรียกลายพันธุ์ที่ลอยในอากาศยังถูกกดทับลงมาด้วย เมื่อใดก็ตามที่ฝนตก ความหนาแน่นของไวรัสและแบคทีเรียในสภาพแวดล้อมจะเพิ่มขึ้นมาก ต่อให้มนุษย์เลือดบริสุทธิ์จะมีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสในสภาพแวดล้อมธรรมชาติ พวกเขาก็ยังเกรงกลัวแบคทีเรียกลายพันธุ์ โดยเฉพาะคนที่มีแผลหรือเจ็บป่วยอยู่ พวกเขาจะพยายามหลีกเลี่ยงฝนกลายพันธุ์สี’ ดำ’ นี้สุดความสามารถ
ตึกองค์กรซีเรียสยืดหยัดโดดเด่นบนพื้นคอนกรีต มันเองก็ถูกอาบด้วยฝนกลายพันธุ์สีดำ หวังเซิ่งและอู่ฉีเดินออกจากล็อบบี้ชั้นแรก อู่ฉีถือบัตรขนาดครึ่งฝ่ามือสองใบเอาไว้ ใบหนึ่งคือบัตรทหารรับจ้าง ทางซ้ายของบัตรประจำตัวสีดำสนิทคือสัญลักษณ์พิเศษขององค์กรซีเรียส ชื่อเขาถูกประทับตรงกลางบัตร มีดาว4แฉก3ดวงอยู่ภายใต้ชื่อ หนึ่งในนั้นเป็นสีทอง อีกสองเป็นสีขาว ซึ่งหมายความว่าเขาเป็นทหารรับจ้างระดับสามขั้นต้น
อีกใบเป็นสีขาว มีภาพของอู่ฉี ชื่อ รหัสประชากร และฐานที่ลงทะเบียนพิมพ์ลงอยู่บนบัตร มันแทบเหมือนกับบัตรประจำตัวประชาชนของยุคอารยธรรม
ตั้งแต่นั้น อู่ฉีก็ไม่ใช่คนจากถิ่นทุรกันดารอีก เขากลายเป็นประชากรอย่างเป็นทางการของฐานG011 และมีสิทธิตามกฎหมายของผู้อาศัยฐาน
หยางตงเฉินขับรถกระบะสีเหลืองมารับ ซึ่งจอดอยู่ห่างจากทางออกไปสิบเมตร ฝนตกใส่รถกระบะคันเก่า กระจายน้ำหนาแน่นเป็นหย่อมใหญ่บนผิวเหล็กของรถ หลังกลุ่มน้ำจัดระเบียบกันได้ มันก็จะไหลตกไปตามมุมเอียงของตัวรถ
หวังเซิ่งและอู่ฉีเป็นมนุษย์เลือดบริสุทธิ์ที่สุขภาพแข็งแรง พวกเขาย่อมไม่กลัวฝนกลายพันธุ์ พวกเขาก้าวไปบนบันไดหยกขาวและเดินท่ามกลางฝนตกหนัก รีบเปิดประตูขึ้นรถไปด้วยสภาพเปียกชุ่ม
“กลับไปบ้านฉัน” หวังเซิ่งเอนพิงเบาะ ปรับท่าทางให้สบายสุด
หยางตงเฉินเหลือบมองดูหวังเซิ่งและอู่ฉีที่นั่งเบาะหลังผ่านกระจก เขาเห็นบัตรสองใบในมืออู่ฉีและถาม“แล้วอู่ฉีละ?”
หวังเซิ่งยื่นมือมาและตบไหล่อู่ฉี ยกคางที่มีเคราหนาขึ้นพร้อมฉีกยิ้ม“แน่นอนว่าต้องพากลับไปบ้านฉันด้วยสิ”
“ดี” หยางตงเฉินหักพวงมาลัย เหยียบคันเร่งและรถกระบะคันเก่าก็เริ่มออกตัวท่ามกลางสายฝน
อู่ฉีไม่ได้คัดค้านอะไรกับคำพูดของหวังเซิ่ง
รถกระบะขับไปกว่าสองกิโลเมตรและในที่สุดก็หยุดในย่านพักอาศัย บ้านในย่านพักอาศัยเป็นอาคารสี่ชั้นหมด แต่ละหลังจะมีแปดห้อง และอาคารก็ถูกสร้างห่างกันพอประมาณ โดยรวมแล้วมันคล้ายกับอพาร์ตเม้นในยุคอารยธรรม แต่ละห้องมีพื้นที่ใช้สอยกว่า100ตารางเมตร ซึ่งถือว่าเป็นบ้านขนาดกลางในฐานG011
รถกระบะขับไปชั้นล่างของอาคารเพื่อหลบฝน หวังเซิ่งย้ายก้นลงจากรถอย่างรวดเร็ว ราวกับกลัวบ้านจะหนีหายไป อู่ฉีลงจากรถพร้อมกระเป๋าและดาบยาว จิ้งจอกแดงฉีเยวี่ยวิ่งคลอเคลียเท้าเขา ตามเขาไปทุกที่
“งั้นฉันไปก่อนนะ หัวหน้า อู่ฉี”
หยางตงเฉินลงจากรถ โยนกุญแจรถให้หวังเซิ่งและเดินไปอีกทางของบริเวณพักอาศัยผ่านชั้นใต้ดินของอาคารเพื่อหลบฝน
“เขาจะไปไหน?” อู่ฉีถาม
“ไปไหนงั้นหรอ? เมียและลูกกำลังรอเขาอยู่” หวังเซิ่งยิ้มอ่อนโยน หยางตงเฉินมีครอบครัว ซึ่งแตกต่างจากเขา
“ไปกัน เข้าไปในบ้านฉัน” หวังเซิ่งกล่าว
ในไม่ช้า อู่ฉีก็เดินตามหวังเซิ่งเข้าบ้านเขาไป หลังหลอดไฟในห้องนั่งเล่นสว่าง หวังเซิ่งก็ผ่อนคลายมาก เส้นประสาทเขาคลายตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาก้าวไปไม่กี่ก้าว ทิ้งตัวบนโซฟานุ่มสีแดง
อู่ฉีกวาดตามองบ้านของหวังเซิ่ง การตกแต่งนั้นเรียบง่าย เป็นสีขาวล้วน ไม่มีอะไรพิเศษ นอกจากของใช้ทั่วไปในยุคอารยธรรมเช่นโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ มันยังมีไฟฟ้าและน้ำ มีเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่าง อีกจุดคือมันเรียบร้อยมาก ไร้ฝุ่นบนโต๊ะและอากาศก็สดชื่นมาก มันดูเหมือนเพิ่งจะได้รับการทำความสะอาด ไม่เหมือนบ้านพักของชายผู้เกรี้ยวกราดที่ไม่อยู่บ้านมาระยะหนึ่งแล้ว
แม้อู่ฉีจะขาดประสบการณ์ของการใช้ชีวิตในยุคอารยธรรม เขาก็ยังจำที่อยู่อาศัยแรกเขาได้นอกจากถ้ำแห้ง ความแตกต่างระหว่างห้องนั้นและสถานที่นี้ชัดเจนมาก
“เห้ย! หวังเฉิง กลับมาแล้วงั้นหรอ?” เสียงผู้หญิงตะโกนดังจากห้องนอน
อู่ฉีเห็นสีหน้าผ่อนคลายของหวังเซิ่งเปลี่ยนไป จากนั้นก็แสดงรอยยิ้มเขินอายกับอู่ฉี
ปัง! ประตูห้องนอนถูกผลักเปิดอย่างแรงและหญิงสาวสูงประมาณ 160 เซนติเมตรก็ปรากฏในสายตาของอู่ฉี หน้าตาของเธอดูดี ไม่ถือว่าสวยมาก เธอสวมเสื้อยืดสีขาวและกางเกงขาสั้นสีเขียว เผยให้เห็นผิวขาวเนียนนุ่ม ผมยาวสีดำเธอมัดเป็นหางม้าง่ายๆ เผยให้เห็นไหล่ขาว
วินาทีที่เธอปรากฏ เธอก็แสดงสีหน้าเกรี้ยวกราด แต่หลังเห็นคนแปลกหน้า เธอก็กลายเป็นกระต่ายขี้กลัว ตกใจจนก้าวถอยหลัง และตะโกน“หวังเซิ่ง นี่ใคร?”
“เสี่ยว หยาน อย่าตะโกนสิ นี่เป็นเพื่อนฉันเอง” หวังเซิ่งรีบกล่าว
อู่ฉีลดคอลงเล็กน้อย ดวงตาคู่งามเขามองหญิงสาวขึ้นลงไม่หยุด เด็กสาวสบตากับเขาและหลังมองอู่ฉีอีกครั้ง ใบหน้าเธอก็แดงก่ำ เธอรีบเบือนหน้าหนี
ในป่า สัตว์ร้ายมักหลบสายตาของสัตว์อื่น ไม่ว่าจะด้วยความกลัวหรือไม่ก็ตาม
อู่ฉีหันหัวเขาไปมองหวังเซิ่ง“พี่ชายหวัง ผมมารบกวนคุณหรือเปล่า?”
หวังเซิ่งรีบโบกมือ“ขอโทษด้วย นายเพิ่งมาฐาน และยังไม่มีเวลาไปซื้อสิทธิ์เข้าพัก คืนนี้พักบ้านฉันไปก่อนเถอะ”
“แต่พี่..สะใภ้ดูจะไม่ค่อยสบายใจ” อู่ฉีพยายามนึกถึงความรู้เชิงมนุษย์ในยุคอารยธรรมที่รั่วหรงสอน ความรู้นี้แตกต่างจากการสู้และเอาชีวิตรอดในป่า
“แค่ก!’ หวังเซิ่งสำลัก หน้าอกเขาพองขึ้นลงเหมือนเพิ่งออกกำลังกายหนักมา จ้องอู่ฉีเขม็ง
หญิงสาวตกใจและตะโกน“นายว่าใครเป็นเมียเขานะ!”