ตอนที่ 41 การทดสอบ 3
หวังเซิ่งลอบอุทานกับความเร็วของอู่ฉีจนลืมสังเกตสภาพร่างกายของอู่ฉี เขาแค่พิจารณาว่าสภาพร่างกายของอู่ฉีนั้นแข็งแกร่ง และอย่างมากก็สามารถคงความเร็วเช่นนั้นได้สักพัก แต่เขาไม่รู้ว่าอู่ฉียังออมแรงไว้ หากเขาถอดรองเท้าบู้ตหนาที่ไม่เหมาะกับการวิ่ง เขาจะวิ่งได้เร็วกว่านี้
ข้างเขา ดวงตาของจางเซี่ยงเป็นประกายเหมือนพบเห็นขุมสมบัติ ระดับความเร็วที่ระบบมอบให้นั้นมากถึงระดับ3 ซึ่งเทียบเท่ากับการได้รับยาเสริมพันธุกรรมด้านความเร็วระดับ3 !
น้ำเสียงของจางเซี่ยงแปลกไปเล็กน้อย เขาอดถามไม่ได้“มีความสามารถอะไรจะแสดงอีกไหม?” อู่ฉียืนอยู่กับที่เพื่อปรับลมหายใจ มันใช้เวลาประมาณ 20 วินาทีเพื่อปรับให้ลมหายใจเขากลับเป็นปกติ เขาไม่ตอบตรงๆ การเงียบไปชั่วขณะทำให้หวังเซิ่งกังวล เขาจึงตอบแทนอู่ฉี“เขายังมีความสามารถป้องกันและวิสัยทัศน์”
แต่ทว่า หลังคิดสักพัก เขาก็รู้สึกว่าทางเลือกของอู่ฉีสมเหตุสมผลมาก มันเป็นการปิดบังพลังไว้ส่วนหนึ่ง
อู่ฉีหันมา ชี้ดาบยาวที่ห่อด้วยหนังสัตว์บนพื้นเหล็กดำ“ผมยังสามารถใช้ดาบได้ นี่นับเป็นความสามารถไหม?” สายตาของจางเซี่ยงไปหยุดที่ดาบยาวในห่อหนังสัตว์ เขาคิดสักพักและกล่าว“หากการใช้ดาบสามารถเพิ่มพลังโจมตีนายได้ งั้นก็นับ”
อู่ฉีเดินไปก้มหยิบดาบยาวขึ้นมา จากนั้นก็สะบัดดาบอย่างแรงจนห่อหนังสัตว์หลุด หนังสัตว์ผืนใหญ่ลอยตกลงตามแรงโน้มถ่วง และในเวลาเดียวกัน เหล็กเย็นยาว 90 เซนติเมตรก็ตั้งฉากอย่างมั่นคงในมือของอู่ฉี
พลังของอู่ฉีตอนถือดาบยาวกระโดดขึ้นไปอีกระดับ หากสิ่งที่เขาแสดงออกมาก่อนหน้าคือร่างกายที่เต็มไปด้วยพลังและมั่นคง ตอนนี้ร่างนี้ก็เหมือนมังกรที่อัดแน่นไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่!
ทั้งสองเห็นแค่ดาบเหล็กเย็นที่สะท้อนกับแสง จากนั้นอากาศรอบข้างก็หมุนวนอย่างปั่นป่วน เสียงการปะทะระหว่างเหล็กกับเหล็กดังก้องในสนามฝึกกว้างสองร้อยตารางเมตร จากนั้นส่วนบนของหุ่นซ้อมก็ถูกแยกออกจากส่วนล่าง
อู่ฉีคลายกล้ามเนื้อที่รัดแน่น ถือดาบยาวในมือขวาด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนเขาเพิ่งตัดกระดาษแผ่นบางมา ความสามารถนี้ได้สำแดงมาแล้วในรังสายพันธุ์แพร่ระบาด แต่ตอนนั้นหวังเซิ่งไม่ได้เห็นมันเต็มตาแบบนี้ ตอนนั้นเขาถึงไม่ได้ประทับใจอะไรนัก แตกต่างกับตอนนี้
“เยี่ยมมาก!”จางเซี่ยงปรบมือ
หลังยืนยันว่าอู่ฉีไม่มีความสามารถอื่นจะแสดงแล้ว จางเซี่ยงก็กดปุ่ม’เสร็จสิ้น’บนแท็บเล็ต และผลสรุปสุดท้ายก็คือระดับ3ขั้นต้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง ขั้นตอนตามระบบนั้นเสร็จสิ้นแล้ว อู่ฉีคือทหารรับจ้างระดับสามและได้รับการรับรองโดยองค์กรทหารรับจ้างซีเรียส ซึ่งมีระดับสูงกว่าหวังเซิ่งซะอีก
อู่ฉีหยิบหนังสัตว์มาห่อดาบยาวใหม่ ยืนบนพื้นสนามฝึกเงียบๆ จากนั้นจางเซี่ยงก็พาหวังเซิ่งไปตรงมุมสนามฝึก กล่าวด้วยเสียงต่ำ
“น้องชายหวัง นายไม่รู้รายละเอียดของเด็กนี่เลยนะ ฉันเพิ่งป้อนผลการสแกนใบหน้าอู่ฉีลงฐานข้อมูลขององค์กร แต่ก็ไม่พบบันทึกอะไรเลยแม้แต่น้อย ประวัติเขาขาวโพลน ไร้บันทึกการซื้อยาเสริมพันธุกรรมใด ๆ”
ใบหน้าของหวังเซิ่งไม่แปรเปลี่ยน“ยาเสริมพันธุกรรมไม่ได้มีขายแค่ช่องทางเดียว ทำไมคนในถิ่นทุรกันดารจะฉีดยาเสริมพันธุกรรมไม่ได้?” จางเซี่ยงขมวดคิ้ว“แต่ไม่ใช่กับยาเสริมพันธุกรรมความเร็วระดับ3 ราคาสำหรับยาเสริมพันธุกรรมพื้นฐานคือ 6 พัน บางคนอาจนำพวกมันไปขายถิ่นทุนกันดารก็จริง แต่ราคาจะสูงขึ้นมาก ยาเสริมพันธุกรรมขั้นสูงจะมีราคามากกว่าขั้นพื้นฐานถึงสี่เท่า ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คนในป่า-เขาจะสามารถจ่ายได้”
หวังเซิ่งมองข้ามไหล่จางเซี่ยง กล่าวขณะขยิบตา“พี่ชายเซี่ยง อย่าเจาะลึกไป คุณก็รู้ว่าเมื่อออกฐาน เรื่องราวด้านนอกจะไม่ถูกควบคุมโดยกฏระเบียบของฐาน..”
ความหมายคือแม้อู่ฉีจะได้รับยามาโดยการสังหารคนอื่น นั่นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขา
หวังเซิ่งเลิกคิ้ว คิดถึงบางสิ่ง“แล้ว อู่ฉีใช่ผู้บุกเบิกไหม?” “ไม่ใช่ หากมีร่องรอยของไวรัสเหนือธรรมชาติในตัวเขา คอมพิวเตอร์คงจะส่งเสียงร้องแล้ว เด็กนี่คือมนุษย์เลือดบริสุทธิ์”จางเซี่ยงกล่าว“มันน่าเสียดายจริงๆ หากเขาเป็นผู้บุกเบิก เขาคงกลายเป็นอาวุธสังหารของมนุษยชาติเป็นแน่ !”
คำพูดเหล่านี้อาจฟังดูรุนแรงเล็กน้อยในหูมนุษย์บริสุทธิ์ แต่ก็ไม่มีใครสามารถหักล้างข้อเท็จจริงนี้ได้ นี่คือความจริงที่รวมเข้ากับกฏของโลกนี้ ความแข็งแกร่งของผู้บุกเบิกนั้นเหนือกว่ามนุษย์เลือดบริสุทธิ์โดยสิ้นเชิง ในยุครุ่งอรุณแสนป่าเถื่อนนี้ มนุษย์จะมีชีวิตที่ยืนยาวได้ก็ต่อเมื่อพวกเขามีพลัง ไม่ว่าการเสริมพันธุกรรมจะแข็งแกร่งแค่ไหน มันก็มีขีดจำกัด
“นั่นก็จริง”หวังเซิ่งถอนหายใจ อู่ฉีคือเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดจริงๆ ในฐานะนักสู้ชั้นนำของกลุ่มทหารรับจ้างปืนดำ เขารู้สึกว่าการเข้ามาของอู่ฉีจะทำให้เหล่าทหารรับจ้างปืนดำลืมความล้มเหลวของตัวเอง ค่อยๆพาพวกเขากลับเส้นทางที่ถูกต้อง
ขณะที่หวังเซิ่งกำลังวางแผนในใจ เสียงของจางเซี่ยงก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ค่าธรรมเนียมการลงทะเบียนเท่ากับสามพัน หุ่นซ้อมระดับ C ที่เสียหายอีกหนึ่งพัน ใครคือคนจ่าย นายหรืออู่ฉี?” “เห้ย เจ้าเด็กนี่ แกจะใช้ดาบทำไมฟะ!”หวังเซิ่งสูดหายใจลึก ใช้แนวคิดที่ละเอียดอ่อนสุดในการคำนวณเงินสไตล์เขา...1พันก็เท่ากับ บุหรี่ห้าซอง! เขาพลันรู้สึกอ่อนแรง ลืมไปว่ามันเป็นตัวเองที่บอกให้อู่ฉีแสดงพลังออกมาให้มากที่สุด
อู่ฉีนั้นดูเหมือนจะยืนอยู่ไกลก็จริง แต่ด้วยหูที่ดี เขาจึงได้ยินบทสนทนาของหวังเซิ่งและจางเซี่ยงชัดเจน รวมถึงความเสียใจที่เขาเป็นมนุษย์เลือดบริสุทธิ์
อู่ฉีไม่มีอารมณ์พิเศษอะไรต่อเรื่องนี้ แต่เขาจำคำพูดที่โด่งดังของ เกรเกอร์ โมเสส ได้ว่ามนุษย์เลือดบริสุทธิ์ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่ถูกทอดทิ้งในยุคสมัยนี้