ตอนที่ 40 การทดสอบ 2
เมื่ออู่ฉีเดินผ่านภาพวาดของคนดังคนหนึ่ง เขาก็หยุดชะงัก เพ่งตามอง ในภาพคือใบหน้าเหี่ยวย่น ดูเหมือนชายชราวัย60ต้นๆ ชายชราหันหน้าไปทางซ้าย สวมชุดคลุมสีขาวตัวหลวม ผมสีเงินยาวดูเรียบร้อย ไว้หนวดเคราสั้นสีเงิน เขาสวมแว่นตาดำ ตาด้านหลังแว่นมีความหมองหม่น แต่ก็ไม่อาจปิดบังความฉลาดได้
ไม่เหมือนภาพวาดของคนดังก่อนๆ แถบปีเกิดและปีที่ตายด้านล่างภาพนี้เป็น’?’ ซึ่งหมายความว่าเขายังไม่ตาย ประสบการณ์ของชายชราข้ามผ่านยุคอารยธรรมและยุคมืดมา ปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสาขาตะวันตกของสถาบันกลาง เขาใช้เซลล์ผู้บุกเบิกเป็นแกนหลัก ผสมกับวัสดุทางชีววิทยาและชีวเคมีนับไม่ถ้วน ทำการทดลองมากกว่าสามหมื่นครั้ง และในที่สุดก็คิดค้น’ยาเสริมพันธุกรรม’ให้มนุษย์เลือดบริสุทธิ์ได้ เขาคือนักวิทยาศาสตร์ชีวภาพระดับแนวหน้าแห่งยุค เกรเกอร์ โมเสส ฉายา’เมนเดลแห่งยุคโลกาวินาศ’
“มนุษย์เลือดบริสุทธิ์ไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่ถูกทอดทิ้งในยุคแห่งการวิวัฒนาการนี้”อู่ฉีอ่านวลีใต้รูปของเกรเกอร์ คำพูดธรรมดาและเรียบง่ายนี้กลับดูมีผลกระทบทางจิตใจอย่างมาก เพราะมันย้อนแย้งกับตรรกะของทั้งยุคสมัย
อู่ฉีถอนสายตา เดินตามหวังเซิ่งกับจางเซี่ยงต่อไป หลังเดินไปอีกสิบเมตร ในที่สุดทางเดินก็มาถึงจุดสิ้นสุด ทางฝั่งซ้ายคือบันไดขึ้นไปชั้นบน ทางฝั่งขวาคือประตูสีเทาสุดไฮเทค
จางเซี่ยงนำบัตรประจำตัวเขาออกมา รูดมันบนเครื่องระบุ หลังส่งเสียงปี้บ ประตูสีเทาก็เปิด เผยให้เห็นบันไดลงไปสู่ชั้นใต้ดิน ตอนแรกทางเดินนั้นมืดสลัว แต่เมื่อประตูเปิดอ้า แสงก็สว่างขึ้น
ทั้งสามเดินลงไปจนถึงชั้นใต้ดิน ยังมีบันไดเดินลงไปลึกกว่านั้น แต่พวกเขาไม่ได้ลงไป จุดหมายปลายทางพวกเขาคือสนามฝึกอเนกประสงค์บนชั้นใต้ดิน ซึ่งยังเป็นสนามสอบสำหรับการทดสอบลงทะเบียนด้วย
เมื่อเดินเข้าไปยังสนามฝึกอเนกประสงค์ ชั้นใต้ดินก็สว่างไสวขึ้นด้วยหลอดไฟ พื้นที่ที่นี่กว้างขวาง มีผนังกั้นสีขาวพร้อมฉนวนกันเสียงชั้นดีระหว่างพื้นที่AและF แต่ละพื้นที่มีขนาดอย่างน้อยสองร้อยตารางเมตร สูงประมาณห้าเมตร พื้นทำจากเหล็กดำพิเศษ ซึ่งสามารถทนผลกระทบของการเสริมพละกำลังระดับสามได้โดยไม่เกิดความเสียหาย แต่ละพื้นที่มีอุปกรณ์ต่างๆไว้สำหรับฝึกฝนการต่อสู้ระยะประชิด ฝึกยิง หลบหลีก ทดสอบพลังเหนือธรรมชาติและอื่นๆอีกมาก
อู่ฉีและคนอื่นเดินไปยังพื้นที่Bของสนามฝึกใต้ดิน ไม่มีใครอยู่ในพื้นที่ฝึกกว้างขวางสักคน บนพื้นที่ฝึกต่อสู้ระยะประชิด มีหุ่นซ้อมระดับCสีฟ้าอยู่สี่ตัว ฐานของพวกมันถูกยึดกับพื้น หุ่นซ้อมระดับCนั้นเทียบได้กับความสามารถระดับหนึ่ง’ผิวแข็ง’หรือการป้องกันระดับสอง ราคาของแต่ละตัวคือพันหยวน หากทหารรับจ้างทำให้หุ่นซ้อมเสียหายระหว่างการฝึก พวกเขาต้องจ่ายเต็มจำนวน ส่วนราคาเช่าหุ่นซ้อมแค่100หยวนเท่านั้น
จางเซี่ยงยืนตรงกลางสนามฝึกและกล่าว“เจ้าหนู อย่าชักช้า มาเริ่มกันเลย”
“ด่านแรกคือทดสอบพละกำลัง ต่อยให้สุดแรงเกิด เราจะทดสอบพลังหมัดของนาย”จางเซี่ยงนำแท็บเล็ตออกมาเพื่อบันทึกข้อมูลขณะชี้หุ่นซ้อมสีฟ้าที่อยู่ห่างไปสองเมตร
หวังเซิ่งตบไหล่อู่ฉีและกล่าว“อย่าออมแรงเชียวละ ยิ่งได้คะแนนสูง อันดับทหารรับจ้างที่นายได้รับหลังลงทะเบียนก็ยิ่งสูง”
อู่ฉีพยักหน้า ค่อยๆวางดาบยาวลงบนพื้น
ดวงตาสีดำคู่งามเขาหรี่ลง จับจ้องเป้าหมายอย่างจริงจัง หมุนหัวไหล่ อุ่นร่างกายขณะเดินไปในสนามฝึกต่อสู้ ในเวลาเดียวกัน กล้ามเนื้อหลังที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อผ้าก็ดูคล้ายกับปลาที่กำลังแหวกว่ายนับไม่ถ้วน การเสียดสีของกระดูกหนาแน่นถูกส่งผ่านกล้ามเนื้อ
อู่ฉีเดินไปหยุดห่างกับหุ่นซ้อมหนึ่งเมตร เหยียดไหล่และเท้า ปรับสมดุลร่างกาย ขยับมือซ้ายไปข้างหน้า ส่วนมือขวาตั้งขึ้นเพื่อปกป้องขากรรไกรเขาไว้ มันคือท่าต่อสู้มาตรฐาน วินาทีต่อมา เขาก็กระแทกหมัดขวาใส่เป้าของหุ่นซ้อมด้วยพลังที่ส่งมาจากกล้ามเนื้อเอวและหลัง
ชั่วพริบตานั้น แขนขวาของอู่ฉีพลันเปลี่ยนเป็นภาพติดตา แหวกผ่านอากาศจนเกิดเสียงหวีดแหลม จากนั้นหวังเซิ่งกับจางเซี่ยงก็ได้ยินเสียง’ปุ๊’ตรงกลางเป้าของหุ่นซ้อม เหมือนเสียงของลูกโป่งที่ถูกเจาะด้วยเข็ม
หลังจากนั้น อู่ฉีก็ดึงแขนขวากลับมาตั้งท่าต่อสู้เหมือนเดิม ตรงกลางเป้าวงกลมของหุ่นซ้อมกลับปรากฏรอยบุบที่มีขนาดเท่ากับหมัดขวาของอู่ฉีพอดี นิ้วชี้และนิ้วกลางของรอยหมัดนับเป็นส่วนที่ลึกสุดของรอยหมัดนี้ รอยแตกเล็กๆกระจายจากตรงจุดนั้น แสดงให้เห็นว่าอู่ฉีงอนิ้วชี้และนิ้วกลางเขาตอนชก ทำลายเป้าหมายและเติมเต็มตรงกลางรอยแตกด้วยเสียงคล้ายลูกโป่งกำลังปล่อยลม
จางเซี่ยงตกใจกับวิธีโจมตีของอู่ฉี นี่คือหุ่นซ้อมที่มีพลังป้องกันเท่ากับความสามารถ’ผิวแข็ง’ แต่อู่ฉีกลับใช้วิธีโจมตีเช่นนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการทำร้ายมือตัวเอง
จางเซี่ยงก้มมองบันทึกแรงหมัดตรงฐานของหุ่นซ้อม ข้อความสีดำหนาบนหน้าจอสีขาวเขียนตัวเลข985จิน แม้อู่ฉีจะใช้เทคนิคเพื่อเพิ่มแรงให้มากขึ้น แต่แรงหมัดล้วนๆของก็คงอยู่ระหว่าง700-800จินเป็นแน่
จางเซี่ยงลอบกรอกตัวเลข 985 จินลงบนบันทึกข้อมูล และข้อมูลที่แสดงกลับมาคือระดับ2+
“ต่อไป ทดสอบความเร็ว”
หลังจากนั้น อู่ฉีก็ระเบิดความเร็ว125กิโลเมตรต่อชั่วโมงและความเร็วสูงสุดที่132กิโลเมตรต่อชั่วโมงบนเครื่องทดสอบความเร็ว ความเร็วการวิ่งนี้เกือบใกล้เคียงกับความเร็วสูงสุดเฉลี่ยของรถมอเตอร์ไซต์ในยุคอารยธรรม ซึ่งมากพอจะวิ่งหนีหมาป่าโลกันต์และมีความเร็วเหนือยิ่งกว่ากิ้งก่าฉลาม
เมื่ออู่ฉีเดินออกจากเครื่องทดสอบความเร็ว ร่างส่วนบนเขาก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทำให้เสื้อผ้าเปียกไปหมด ผิวขาเขาร้อนมาก อุณหภูมิระหว่างกล้ามเนื้อเขาเหนือกว่าอุณหภูมิของมนุษย์ทั่วไป แก้มของอู่ฉีแดงเล็กน้อย และลมหายใจเขาก็ถี่ขึ้น
ปล.เมนเดลคือผู้คิดค้นกฏทางพันธุกรรมต่างๆ