ตอนที่ 32 ชัยชนะ
หวังเซิ่งรับกล่องยามาจากเกาหยวน เปิดมันโดยไม่พูดอะไร นำหลอดยากระตุ้นเซลล์สีเขียวออกมา หลังจับร่างคล้ายถ่านหินของอู่ฉี เขาก็ลอกผิวหนังแขนซ้ายที่ไหม้เกรียมออก แทงเข็มฉีดยาเข้าไป
หลังดันยาทั้งหมดเข้าไป หวังเซิ่งก็ย้ายร่างอู่ฉีออกจากศพของยักษ์จอมทำลายมาบนพื้น เพราะร่างกายของอู่ฉีส่วนหนึ่งแนบติดกับศพของยักษ์จอมทำลายจากความร้อนสูง เขาจึงต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
เมื่อเห็นอู่ฉีได้รับการช่วยเหลือ อันยี่และโจวฉิงก็รีบวิ่งมา อู่ฉีไม่ใช่แค่ผู้ช่วยชีวิตพวกเขา แต่ยังเป็นสมาชิกกลุ่มทหารรับจ้างในเขตปลอดภัย ต่อให้เวลาที่อยู่ร่วมกันจะสั้น ตัวตนนี้ก็ไม่มีทางเปลี่ยนในหัวใจของพวกเขา
แต่จิ้งจอกน้อย ฉีเยวี่ยกลับวิ่งเร็วกว่าพวกเขา มันรีบวิ่งไปด้านข้างอู่ฉี ส่งเสียงร้อง เลียหน้าเขาด้วยลิ้นมันสลับกับแผลบนตัวเขา
“ใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อช่วยเขาให้ได้”หวังเซิ่งวางกล่องยาตรงหน้าพวกอันยี่ ส่งมอบยาและเครื่องมือที่ดีสุดให้ จากนั้นเขากับเกาหยวนก็ไปชำแหละศพของยักษ์จอมทำลาย สายพันธุ์แพร่ระบาดระดับสอง
ตราบเท่าที่ภารกิจของสายพันธุ์แพร่ระบาดระดับสองปรากฏ พวกมันจะมีความยากระดับBเป็นอย่างต่ำ ด้วยพลังของกลุ่มทหารรับจ้างปืนดำเขา พวกเขายังพอเอาชนะสายพันธุ์แพร่ระบาดระดับสองตัวหนึ่งได้ แต่ครั้งนี้กลับมีสายพันธุ์แพร่ระบาดระดับหนึ่งกว่าร้อยตัวด้วย
อย่างไรก็ตาม ด้วยระดับความอันตรายเช่นนี้ ผลประโยชน์ที่ได้รับย่อมไม่ต่ำ
อย่างที่ทุกคนรู้ ความสามารถระดับสองทุกชนิดต้องการความสามารถระดับหนึ่งมากกว่าหนึ่งเป็นรากฐาน ไวรัสอัศจรรย์ระดับหนึ่งในสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ต้องผ่านกระบวนการยาวนานเช่นการกิน เติบโตและกลืนไวรัสระดับหนึ่งอื่น สุดท้ายถึงผลิตไวรัสระดับสองขึ้นมาได้ เชื้อไวรัสระดับสองนี้จะทำเงินให้กลุ่มทหารรับจ้างได้มากมหาศาล
ยักษ์จอมทำลายมีความสามารถ’พละกำลัง’ระดับสอง ‘เกราะ’ระดับสอง และ’รังสีความร้อนสูง’ระดับสอง สองอย่างแรกเป็น’ความสามารถประเภทเสริมร่างกาย’ และอันสุดท้ายคือ’ความสามารถประเภทอวัยวะกลายพันธุ์’ ความสามารถประเภทอวัยวะกลายพันธุ์จะมักพิเศษและหายากกว่าประเภทเสริมร่างกาย ด้วยประสบการณ์ของหวังเซิ่ง เขาไม่เคยเห็นสัตว์ประหลาดที่มีโพรงลาวาบนหลังเช่นนี้มาก่อน
หวังเซิ่งสกัดไวรัส100มิลลิลิตรสี่หลอดจากโพรงด้านหลังของยักษ์จอมทำลาย เก็บมันลงกล่องตัวอย่างและนำมีดเขาออกมาตัดทั้งโพรงก่อนมันจะย่อยสลาย แผนที่ดีสุดคือใช้รถหุ้มเกราะขนศพยักษ์จอมทำลายที่หนักกว่าสามตัน ตัวอย่างของสายพันธุ์แพร่ระบาดระดับสองที่ไม่มีบันทึกไว้สามารถขายให้สถาบันวิจัยกลางได้ แต่ทว่า รถหุ้มเกราะของพวกเขาระเบิดไปแล้ว ทางเลือกเดียวคือต้องตัดส่วนสำคัญมันไป
หวังเซิ่งต้องกุมขมับเมื่อคิดถึงรถที่ระเบิด และเมื่อเขาคิดถึงกล่องตัวอย่างสามกล่องเดิมที่ถูกระเบิดไปด้วย หวังเซิ่งก็ยิ่งหดหู่ ยิ่งพวกเขาผ่านความเป็นความตาย พวกเขาก็จะยิ่งรู้สึกว่าของที่พวกเขาได้จากการใช้ชีวิตเข้าแลกนั้นมีค่ามาก โชคดี ยักษ์จอมทำลายสามารถทำเงินได้มากกว่านั้นหลายเท่า
เมื่อหวังเซิ่งกำลังตัดโพรงหลัง เงาสีแดงสดก็พลันกระโดดมา มันคือสัตว์เลี้ยงของอู่ฉี ฉีเยวี่ย จมูกของฉีเยวี่ยแนบติดกับผิวของโพรงหลังยักษ์จอมทำลาย ราวกับมันถูกดึงดูดด้วยกลิ่นของไวรัสภายใน จากนั้นมันก็เปิดปากและกัดฉีกโพรงหลังยักษ์จอมทำลาย
“จิ้งจอกตะกละนี่กล้ากินเนื้อของสายพันธุ์แพร่ระบาด เดี๋ยวก็ตายซะหรอก!”หวังเซิ่งดึงหนังคอฉีเยวี่ย ดุมันและโยนมันไปในอ้อมแขนของโจวฉิง
จากนั้นเขาก็ตัดโพรงทั้งหมด เก็บมันลงในกล่องตัวอย่าง
มีเวลามากพอให้ทหารรับจ้างคนอื่นจัดการกับบาดแผลตัวเอง และงานทางฝั่งของหวังเซิ่งกับเกาหยวนก็เสร็จพอดี ทหารรับจ้างในเขตปลอดภัยล้อมอู่ฉีในสภาพโคม่าไว้ หลังฉีดสเปรย์ห้ามเลือดให้เขาเต็มหลอดและใช้ผ้าพันแผลห้ามเลือดทั้งหมดพันรอบตัว อู่ฉีก็กลายเป็นมัมมี่ ถูกทหารรับจ้างที่บาดเจ็บน้อยสุดแบกขึ้นหลัง
ทุกคนในทีมสำรวจยืนข้างหวังเซิ่ง ในที่สุด หวังเซิ่งก็มีเวลาจ้องมองศพของสหายเขาบนพื้น และนำทีมเร่งออกจากอุโมงค์แสนอันตรายนี้
หากเพื่อนที่ตายในการต่อสู้ยังมีศพสมบูรณ์ มันก็คงไม่เสียอะไรหากนำกลับไปทำพิธีฝังศพ แต่ส่วนใหญ่มีสภาพไม่สมบูรณ์ แขนขาขาดบ้าง เหลือแค่อวัยวะภายในบ้าง
พวกเขาคือทหารรับจ้าง ในการต่อสู้กับสัตว์กลายพันธุ์หรือสายพันธุ์แพร่ระบาด พวกเขาไม่สามารถนำศพของเพื่อนร่วมเดินทางไปได้ตลอดเวลา ความล่าช้ามีแต่จะทำให้พวกเขายิ่งเสี่ยง
หวังเซิ่งเข้าใจดีว่าอุโมงค์นี้อันตรายและลึกลับมาก!
สายพันธุ์แพร่ระบาดไม่ได้ปรากฏในส่วนลึก ไม่เป็นไปตามกฏที่ว่า’ยิ่งลึก สัตว์ประหลาดยิ่งแข็งแกร่ง’ ตั้งแต่ต้นของการเดินทางจนถึงการกลับออกอุโมงค์ หวังเซิ่งและคนอื่นไม่เห็นสถานที่ที่ยักษ์จอมทำลายใช้เข้าออกเลย แล้วยักษ์จอมทำลายออกมาจากตรงไหน?
ขณะที่เขากำลังคิด หวังเซิ่งก็สัมผัสได้ถึงความเย็นไร้ขอบเขตที่แทรกซึมกระดูกสันหลังเขา หวังเซิ่งคิดว่าความจริงคงเป็นอย่างที่อู่ฉีพูด อุโมงนี้กลายเป็นรังของสายพันธุ์แพร่ระบาดอย่างสมบูรณ์แล้ว พวกเขาไม่สามารถระบุภูมิประเทศของอุโมงค์ได้ ไม่รู้ว่าสัตว์ประหลาดจะปรากฏตัวออกมาจากที่ไหน มันนับว่าโชคดีแล้วที่พวกเขามีชีวิตรอดออกไปได้...
ในที่สุดทั้งกลุ่มก็เดินออกอุโมงค์มืด แสงแดดด้านนอกดูสบายและอบอุ่นเป็นพิเศษ สมาชิกที่รอดชีวิตของทีมสำรวจพยุงผู้บาดเจ็บ ค่อยๆเดินไปบนรางรถไฟความเร็วสูงที่ถูกทิ้งร่างมาครึ่งศตวรรษ
สิ่งมีชีวิตอันตรายนับไม่ถ้วนซุ่มซ่อนในต้นไม้เขียวชอุ่มของภูเขาและที่ราบ ถนนนั้นทอดยาวตรงไปจนถึงทางหลวงSW04 ทหารรับจ้างดูท้อแท้อย่างมากในทุ่งรกร้างนี้ ไม่ต่างอะไรกับคนเร่ร่อนที่เหลือรอดชีวิตกันไม่ถึงเลขสองหลัก
อุโมงค์ซึ่งเป็นรังของสายพันธุ์แพร่ระบาดตกอยู่ในความเงียบ หลังลาวาสีแดงส้มบนกำแพงอุโมงค์สิ้นแสงของมันไป ความมืดไร้สิ้นสุดก็ปกคลุมทุกส่วนของอุโมงค์อีกครั้ง
ในส่วนลึกของอุโมงค์มืด ประกายแสงสีฟ้าพลันสว่างวาบ จากภายในสู่ภายนอก มันกระพริบอยู่กว่า20ครั้งจนกระทั่งมาปรากฏห่างจากทางออกอุโมงค์ไม่กี่กิโลเมตร หลังพบศพของยักษ์จอมทำลาย ประกายแสงสีฟ้าก็หยุด กลายเป็นบอลแสงสีฟ้าเส้นผ่านศูนย์กลางสี่เมตรที่ขยายใหญ่อย่างต่อเนื่อง ผิวทรงกลมของมันปกคลุมด้วยพลังงานสีฟ้า และยังมีกระแสอากาศสีขาวผิดปกติจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ทั้งหมดเป็นเหมือนพลังงานปั่นป่วนที่ปล่อยออกมาโดยปืนแม่เหล็กไฟฟ้า
ทันใดนั้น หนวดสีเนื้อยาวสามเมตรสองเส้นก็ตวัดออกจากบอลแสงสีฟ้าซึ่งมัดเข้ากับศพของยักษ์จอมทำลาย ยกศพที่หนักกว่าสามตันดังเข้าไปในบอลแสงสีฟ้า ร่างของยักษ์จอมทำลายผสานเข้ากับบอลแสง ราวกับมันถูกกลืนกิน
หลังกลืนกินร่างของยักษ์จอมทำลาย บอลแสงสีฟ้าก็ไม่อยู่ต่อ มันเปล่งแสงจ้าและหายลับไปในอุโมงค์
คราวนี้ ในที่สุดอุโมงค์ก็ตกอยู่ในความมืดอย่างสมบูรณ์...