ตอนที่ 31 ดาบไฟลุก
ด้านหลังทุกคน เกาหยวนผู้ปรับท่าใหม่ได้ตั้งปืนคู่ใจเขาอีกครั้ง หยิบกระสุนเจาะเกราะหัวแหลมขึ้นมา ผลักไปในรังเพลิง หลังสิ้นเสียงกลไกขยับ เกาหยวนก็เล็งหัวของยักษ์จอมทำลาย
ปัง ปัง ปัง!
ปืนไรเฟิลซุ่มยิงแผดเสียงถึงสามครั้ง!รอยแตกขนาดใหญ่พลันปรากฏบนเกราะกลางหน้าผากของยักษ์จอมทำลาย แต่มันไม่แตกโดยสิ้นเชิง กระสุนปืนยังฝังอยู่ในช่องว่างนั้น
ความสามารถเกราะระดับสองนำมาซึ่งการป้องกันที่แข็งกว่าแผ่นเหล็กหนา 20 มิลลิเมตร แต่มันก็ยังถูกเปิด หลังถูกโจมตีจนเกิดบาดแผลที่คุกคามชีวิตมัน ยักษ์จอมทำลายก็มองเกาหยวนเป็นศัตรูที่อันตรายสุด
แต่ก่อนมันจะได้ทำอะไร กระสุนก็พลันระเบิดใส่ตำแหน่งเดิม!
ผิวของกระสุนนี้แกะเป็นลวดลายทรงเกลียว มันคือกระสุนเจาะเกราะ12.7mmสำหรับปืนไรเฟิลซุ่มยิง มันรุนแรงกว่ากระสุนเจาะเกราะทั่วไปถึง 50% แต่ราคาก็แพงกว่าห้าเท่าเช่นกัน สำหรับเกาหยวน พลซุ่มยิงมืออาชีพของกลุ่มทหารรับจ้างจากฐานG011 มันยังนับเป็นของราคาแพง
ตอนนี้เอง อาวุธนี้ได้แสดงพลังอันยิ่งใหญ่ หลังฝุ่นควันหายไปหมด หัวของยักษ์จอมทำลายก็เผยรอยแตกเรียบเนียนเหมือนใยแมงมุม มีสีส้มแดงจางๆซ่อนลึกอยู่ในรอยแตก
สำหรับยักษ์จอมทำลาย นี่คือ’เลือด’ มันคำรามจนอุโมงค์สั่นสะเทือน พ่นไอน้ำสีขาวจากปากที่หนากว่าเดิมถึงสามเท่า ผิวมันเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม และลาวาในโพรงด้านหลังมันก็ระเบิดออกมา
ยักษ์จอมทำลายเปลี่ยนตัวมันเองเป็นเตาหลอมขนาดใหญ่และอุณหภูมิภายในรัศมีสิบเมตกร็เพิ่มขึ้นมากกว่า 120 องศา คลื่นความร้อนทำให้ทหารรับจ้างปืนดำต้องถอยหนีด้วยความกลัว หากพวกเขาสูดเอาอากาศเช่นนั้นเข้าไป พวกเขาคงตายจากความร้อนที่แผดเผาอวัยวะภายใน
คลื่นความร้อนนี้ยังพัดใส่เกาหยวน ทำให้ผิวเขาแสบร้อนอย่างมาก เกาหยวนนับว่าบอบบางที่สุดในกลุ่มทหารรับจ้างและร่างเขาก็ไม่ได้มีการเสริมการป้องกันใดๆเลย ความร้อนสูงนี้ทำให้กล้ามเนื้อเขากระตุก ไม่สามารถหายใจได้ และไม่มีพลังพอจะหลบหนี
เมื่อลำแสงสีขาวส้มปรากฏในปากใหญ่ของยักษ์จอมทำลาย หัวใจของเกาหยวนก็หยุดเต้น ดวงตาแข็งแกร่งของเขาเผยความสิ้นหวังออกมา
กลายเป็นว่า การยิงครั้งก่อนของเขาคือโอกาสสุดท้ายที่จะเอาชนะสายพันธุ์แพร่ระบาดระดับสองตัวนี้
ทันใดนั้น เงาร่างถือดาบก็พุ่งพรวดเข้ามาในโลกแห่งเปลวไฟ!
อู่ฉีก้าวเหยียบไปบนไหล่ของยักษ์จอมทำลายซึ่งเปรียบเสมือนกำแพงชั้นนอกของเตาหลอมซึ่งร้อนกว่าคลื่นความร้อนสูงที่กระจายออกไปไม่รู้กี่เท่า ในเวลาไม่ถึงครึ่งวินาที รองเท้าหนังจระเข้ก็กลายเป็นสีแดง แต่อู่ฉีกลับกัดฟันทนอุณหภูมิสูงที่สามารถแผดเผาร่างกายมนุษย์ไว้ด้วยใบหน้าดำมืด ใช้สองมือแทงดาบยาวใส่รอยแตกบนหัวของยักษ์จอมทำลายด้วยความเร็วดุจสายฟ้าฟาด!
เลือดสีแดงส้มสาดกระจายออกมาเป็นครั้งแรก ดาบยาวเขาพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง เสื้อหนังสัตว์เองก็ถูกชโลมด้วยประกายไฟจากโพรง และลุกไหม้ทันที!
หัวของยักษ์จอมทำลายถูกโจมตีในช่วงเวลาวิกฤต ลาวาที่บรรจุในปากใหญ่ไม่สามารถควบแน่นได้อีกและพุ่งออกมา
รังสีความร้อนสูงผิดรูปพุ่งใส่กำแพงอุโมงค์ ก่อให้เกิดลาวาก้อนใหญ่ที่มีขอบดำมืด ส่วนภายในเป็นสีแดงส้ม ลาวาเหลวหนืดค่อยๆไหลลงจากกำแพง ทำให้เกิดเสียงซู่ซ่าไม่หยุดพร้อมพ่นหมอกขาวออกมา
ร่างใหญ่เหมือนม้าศึกของยักษ์จอมทำลายดูเหมือนจะเสียพลังชีวิตคอยค้ำจุน มันล้มหงายหลังกระแทกกับพื้นเสียงดัง
ดวงตาสีลาวามันหรี่ลงก่อนจะค่อยๆปกคลุมด้วยสีดำสนิท จุดแสงสีแดงส้มเองก็หายไปจากใต้ผิวมัน สีของเกราะและผิวมันไม่เปลี่ยนเป็นสีขาวซีด แต่กลับดำขึ้น
ลาวาในโพรงด้านหลังมันระเหยด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง และรูปทรงของโพรงก็กลายเป็นเห็นได้ชัด ดาบยาวยังปักคาหัวของยักษ์จอมทำลาย ส่วนเจ้าของมันกำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนตัวของยักษ์จอมทำลาย
วัสดุแข็งของรองเท้าหนังจระเข้ละลาย เหลือไว้แค่พื้นรองเท้าแข็ง เสื้อและกางเกงหนังสัตว์เขาถูกไฟเผาจนสลายหายไปหมด
ผิวภายใต้คอของอู่ฉีเปลี่ยนเป็นสีดำ ใบหน้าขาวสะอาดที่ทำให้ผู้หญิงอิจฉากลายเป็นสีแดงราวกับมันถูกต้ม เขาหลับตาสนิท มือเขายังจับด้ามดาบยาวสีแดงไว้ไม่เคยปล่อย
ไอน้ำสีแดงเลือดค่อยๆปล่อยออกจากศพของยักษ์จอมทำลาย เหมือนเมฆแห่งชีวิต รุกล้ำพื้นที่อุโมงค์ ไอน้ำสีแดงเลือดไม่เข้ากันกับหมอกขาว และข้างในก็เหมือนโลกที่เผาผลาญแก่นชีวิต
หวังเซิ่งมองโลกไอน้ำสีแดงเลือดด้วยความกลัว และพลันตระหนักว่าเขากำลังนั่งอยู่บนพื้น เขาถูนิ้วชี้เขากับนิ้วโป้งโดยไม่รู้ตัว ปลายนิ้วเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ สูดอากาศซึ่งยังร้อน แต่ก็ไม่ร้อนจนทำร้ายปอดกับหลอดลม
ในที่สุดหวังเซิ่งก็มีเวลาดูรอบๆ ศพของอมนุษย์ ทั้งตัวใหญ่ ตัวเล็ก สมบูรณ์หรือไม่สมบูรณ์ รวมถึงศพของทหารรับจ้างปืนดำ เลือดสีเขียวและแดงผสมกันจนเกิดกลิ่นเหม็นเน่า มีรอยไหม้สีแดงเข้มรูปทรงต่างๆทั่วอุโมงค์มืด เปล่งแสงสีแดงจางๆ กำแพงที่หลอมละลายยังเปล่งแสงสีแดงพร้อมปล่อยคลื่นความร้อน
หวังเซิ่งลุกขึ้น มองอู่ฉีผู้คุกเข่าอยู่บนตัวยักษ์จอมทำลาย ดวงตาเขาฉายแววชื่นชมและขอบคุณ เขาค่อยๆเดินไปในโลกไอน้ำสีแดงเลือด เดินไปหาอู่ฉี
เขาถอดถุงมือ ย้ายนิ้วชี้ไปตรงจมูกของอู่ฉี ด้วยความแปลกใจ เขาพบว่าอู่ฉียังหายใจ แต่ลมหายใจเขาอ่อนแรงมาก
“รองหลิว นำกล่องยามาเร็ว!”หวังเซิ่งตะโกนด้วยความหวังที่ว่าอู่ฉียังรอดชีวิต แต่ทว่า เขากลับไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคย เขาดูเหมือนจะเข้าใจคำตอบ บิดคอหันไปอย่างยากลำบาก ตรวจดูศพของทหารรับจ้างปืนดำทั้งหมด
มีทหารรับจ้างปืนดำเหลือรอดแค่สามคน แต่จำนวนศพไม่ถูกต้อง หวังเซิ่งย้ายสายตาเขาไปยังบริเวณใกล้กับกำแพงที่หลอมละลาย จากนั้นดวงตาเขาก็กระตุก
เขารีบเบือนหน้าหนี
เกาหยวนพบกล่องยาสภาพสมบูรณ์จากกระเป๋าหลายใบที่กระจัดกระจายบนพื้นและส่งมันให้หวังเซิ่ง ยังมีเงาของความกลัวฉาบบนหน้าเขา
เกาหยวนลดสายตาลง เปิดริมฝีปากแตกที่มีเลือดไหลขึ้น“เราเป็นหนี้เขา”