ตอนที่ 20 สายพันธ์ุแพร่ระบาด
อู่ฉีย่อยคำอธิบายของเฒ่าฮู้เงียบๆ แน่นอน เขาไม่รู้ว่าเฒ่าฮู้กำลังประเมินหน้าตาเขาอยู่ พี่สาวรั่วหรงเคยบอกเขาถึงเผ่าพันธุ์ซอมบี้ และเขาก็ยังได้ยินถึงความโหดร้ายมาก่อน ในเวลาเดียวกัน พี่สาวรั่วหรงยังบอกเขาว่าพวกมันมีไวรัสในตัวมากมายที่อาจแพร่ใส่สัตว์กลายพันธุ์กลุ่มใหญ่หรือแม้กระทั่งผู้บุกเบิก
ไม่มีสายพันธุ์แพร่ระบาดในป่าที่อู่ฉีอาศัย และหากมี จำนวนก็คงไม่มาก
เมื่อมาถึงจุดนี้ เสียงของเครื่องยนต์ก็เบาลงและแสงก็พลันหายไป หลังเข้าอุโมงค์ ความเร็วของรถก็ช้าลง
“ทุกคนด้านหลัง ตื่นตัวกันไว้ ไม่งั้น พวกสัตว์ประหลาดอาจโผล่ออกมาฆ่าพวกนาย!”หวังเซิ่ง ที่นั่งข้างคนขับกล่าวเสียงดัง พาดมือขวาไว้บนหน้าต่างรถ โยนก้นบุหรี่ทิ้ง
ก้นบุหรี่ตกลงบนพื้นอุโมงค์และหลังเด้งกระดอนเล็กน้อย มันก็หยุดนิ่ง มีเพียงประกายไฟหม่นๆบนก้นบุหรี่ที่กลายเป็นแสงสว่างเดียวในอุโมงค์มืด
อุโมงค์มืดและเงียบมาก มีเพียงเสียงเครื่องยนต์ของรถบรรทุก ซึ่งเบาลงมาก อากาศในอุโมงค์ไม่บริสุทธิ์ เต็มไปด้วยฝุ่น ทำให้สภาพแวดล้อมมีแต่กลิ่นฝุ่น ทหารรับจ้างทุกคนเพิ่มการระวังตัว อันยี่ เกาหยวนและคนอื่นที่นั่งด้านหลังยืนขึ้น กวาดตามองรอบๆ ทหารรับจ้างปืนดำนำกะบังหมวกลงทีละคน เปิดระบบวิสัยทัศน์กลางคืน ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถเห็นทุกการเคลื่อนไหวได้ชัดเจน ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีการเสริมวิสัยทัศน์
ในส่วนหลังนี้ อันยี่ดูประหม่าเล็กน้อย ขาของโจวฉิงสั่นไม่หยุด เขาหลับตาแน่น อยากใช้ความสามารถรับรู้เขา ซึ่งไม่อาจสัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตที่ปล่อยกลิ่นอายอันตราย แต่ทั้งอุโมงค์กลับให้ความรู้สึกน่าขนลุก
“หัวหน้า นี่แค่ภารกิจสำรวจ มันไม่ควรมีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ”ต้าหยงคว้าแขนอันยี่และกล่าวด้วยความกลัว
อันยี่ยิ้มให้เขา แม้จะไม่รู้ก็ตาม แต่เขาก็ต้องปลอบต้าหยง“ไม่ต้องห่วง หากมีอันตราย ทหารรับจ้างปืนดำจะจัดการเอง”
“ครับ...”
รถหุ้มเกราะขับไปสักพักและพลันหยุดกะทันหัน คนขับและหวังเซิ่งเห็นพร้อมกันว่ามีรูขนาดใหญ่รัศมี3-4เมตรทางขวาของอุโมงค์ข้างหน้า ส่วนหนึ่งของกำแพงคอนกรีตอุโมงค์แตกเหมือนปูนซีเมนต์ ราวกับมันถูกทำลายด้วยพลังมหาศาล
“เตรียมตัว”หวังเซิ่งออกคำสั่ง เขาเปิดประตู รองเท้าบู้ตสีน้ำตาลเขาเหยียบลงบนพื้นอุโมงค์เป็นคนแรก คนที่อยู่ด้านหลังเองก็กระโดดออกมา อู่ฉี อันยี่และคนอื่นพากันกระโดดออกมาทีละคน ทหารรับจ้างปืนดำยกปืนเล็งไปรอบๆ ขณะที่อู่ฉีแกะหนังสัตว์ที่พันรอบดาบยาว เก็บพวกมันลงกระเป๋าไปพร้อมกับฉีเยวี่ย
หวังเซิ่งกับคนอื่นเดินไปในรูทางขวาของอุโมงค์ เฝ้าดูอย่างระมัดระวัง เขาปัดฝุ่นบนพื้นด้วยมือ อยากดูว่ามีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตหรือไม่ ขณะที่ทหารรับจ้างข้างเขาหยิบกระดาษกับปากกาขึ้นมาจดบันทึก
อู่ฉีเดินไปรอบๆ สายตาเขาสามารถเห็นสภาพแวดล้อมได้ดี แม้กระทั่งชัดกว่าทหารรับจ้างที่ใช้อุปกรณ์มองเห็นกลางคืนซะอีก เขาก้าวไปบนราง รู้สึกได้ถึงความไม่สม่ำเสมอบนราง
อู่ฉีนั่งยองๆ เขาเก่งในเรื่องการสังเกตรายละเอียด ในไม่ช้า เขาก็เห็นสิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจสุดขีด มีรอยบุบผิดปกติจำนวนนับไม่ถ้วนบนพื้นอุโมงค์และแม้แต่รางเหล็ก
เมื่อสังเกตรอยบุบจำนวนมากอย่างใกล้ชิด อู่ฉีพบว่าตรงขอบของรอยบุบนั้นมีรูปทรงพิเศษและสม่ำเสมอกันทุกรอย หากที่นี่ไม่มืด สายตาเขาคงดีพอและวิสัยทัศน์ก็คงกว้างขวางพอ มันยากจะเห็นทุกอย่างผ่านร่องรอยได้
“หรือว่าจะเป็น...รอยเท้าของพวกแพร่ระบาด?”อู่ฉีพึมพำ นี่คือการคาดเดาตามสัญชาตญาณที่สืบสันดานมาจากประสบการณ์เก้าปีในป่า
ทันใดนั้น กระแสไฟฟ้าก็วิ่งผ่านตัวของอู่ฉีขึ้นหัว ทำให้ผิวเขาและแม้กระทั่งกล้ามเนื้อก็ชาด้านไปชั่วขณะ รูม่านตาอู่ฉีพลันหดลง และเขาก็รู้ว่านี่คือสัญญาณอันตราย
อุโมงค์รายล้อมไปด้วยกำแพงคอนกรีตสีเทา และเพื่อให้ทำตามหน้าที่มัน การก่อสร้างจึงแข็งแกร่งและปลอดภัยมาก ชั้นดินถูกปิดผนึกไว้แน่น ในแง่ของความแข็ง กระสุนปืนไรเฟิล5.56mmทำได้แค่ทิ้งรูขนาดเท่าเล็บ เช่นเดียวกับพื้น ตอนขับรถหุ้มเกราะเข้ามาจากด้านนอก ความชื้นในอากาศไม่สูง และคนทั่วไปก็ไม่อาจรู้สึกถึงความแห้งหรือชื้นได้ แต่หลังขับเข้าลึกมาในอุโมงค์ได้800เมตร อู่ฉีก็รู้สึกได้ชัดว่าอากาศภายในอุโมงค์ชื้นขึ้นมาก
ด้วยประสบการณ์ชีวิตของอู่ฉีภายในป่า เขามีความอ่อนไหวมากต่อกลิ่นดินชื้น หวังเซิ่งเองก็สังเกตเห็นผนังถ้ำแตกซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่าสามเมตร อู่ฉีไม่เห็นภายใน แต่ผิวเขาสามารถรู้สึกถึงมันได้ ความชื้นเช่นนี้ไม่ได้มาจากดินบนกำแพงแตก ความชื้นนี้ส่งมาจากภายใน และทุกทิศทางจากด้านหน้าไปด้านหลัง ซ้ายไปขวา ต่างมอบความรู้สึกเย็นชื้นแบบเดียวกัน
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ทุกมุมของอุโมงค์นี้ไม่ได้ปิดชั้นดินจนสนิท ข้อสรุปที่เกิดจากสัญชาตญาณของร่างกายนี้ไร้เหตุผลจนอู่ฉียังไม่อยากเชื่อ
ในความมืดมิด ชิ้นส่วนเล็กๆของเพดานคอนกรีตพลันขยับแปลกๆ และดินในบริเวณเล็กๆก็ปูดเล็กน้อย จากนั้นก็ไหลไปทุกทิศทางอย่างเป็นธรรมชาติ ผิวสีดำม่วงโผล่จากมัน เพดานยิ่งปูด สุดท้ายสิ่งมีชีวิตสีดำม่วงก็หลุดออกจากมันอย่างสมบูรณ์ มันมีหัวแปลกๆ ขนาดเท่าหัวมนุษย์ ไร้ดวงตาและรูจมูกก็แนบติดหน้าจนเป็นเส้นสั้นๆสองเส้น ผิวของมันเหี่ยวย่นมาก ทั่วร่างก็เป็นสีดำม่วงน่าเกลียด ส่วนปากปกคลุมครึ่งหนึ่งของกะโหลก สัตว์ประหลาดตนนั้นยกริมฝีปากมันขึ้น เผยให้เห็นปากกว้างสุดพรรณนา ฟันสีแดงเข้มเรียงกันอย่างแน่นหนา แต่ละซี่มีความยาวเท่านิ้วพร้อมด้วยความแหลมประดุจกรงเล็บสัตว์ และมันยังมีมากกว่าแถวเดียว ฟันมันซ้อนกันเป็นเหมือนโพรง คล้ายกับฟันฉลาม
หัวของมันโผล่ออกมา จมูกเล็กๆมันก็สูดดมกลิ่นของมนุษย์ด้านใต้มัน สีผิวมันกลมกลืนเข้ากับสภาพแวดล้อม ในสภาพแวดล้อมมืดมิดนี้ ต่อให้มนุษย์มีความสามารถมองเห็นกลางคืน เว้นแต่พวกเขาจะแหงนจ้องบนหัว พวกเขาย่อมไม่มีทางพบมัน
แต่ความจริงก็คือ พวกอู่ฉีนับสิบคนด้านล่างไม่มีใครรับรู้ถึงการดำรงอยู่ของมันเลย ร่างคล้ายจิ้งจกมันไหลออกจากเพดานคอนกรีตทีละเล็กน้อยโดยไม่ส่งเสียงใดๆ ราวกับมันเกิดมาเพื่อแหวกว่ายในนั้น