ตอนที่ 2 การใช้ชีวิตบนภูเขา 2
เนื้อที่ย่างอยู่บนไฟอุณหภูมิสูงส่งกลิ่นหอมของเนื้อ อากาศและโคลนชื้นไม่อาจกลบกลิ่นได้ ในเวลาอันสั้น จิ้งจอกตัวเมียก็วิ่งเข้าถ้ำมา แต่ทว่า ศพของหมีน้ำตาลถูกวางไว้ตรงทางเข้าถ้ำ มันรู้ว่านี่คือสัตว์ร้ายที่ถือเป็นราชา สัญชาตญาณสัตว์ป่าบอกมันว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในถ้ำนั้นอันตราย
มันล้มเลิกความคิดที่จะเข้าถ้ำ คาบอวัยวะภายในบางส่วนจากศพหมีน้ำตาลแทน และรีบวิ่งหายไปในพุ่มไม้
สัตว์อื่นเองก็ตัดสินใจเหมือนกัน ในเวลาอันสั้น ศพของหมีน้ำตาลก็เหลือแค่กระดูก ซึ่งเติมเต็มความหิวของสัตว์รอบๆได้รวมถึงเป็นสิ่งกีดขวางตามธรรมชาติ
“กินซะ”ภายในถ้ำ หญิงสาวหยิบเกลือมาโรยบนเนื้อน่องของหมีน้ำตาล ส่งมันให้เด็กชาย เด็กชายรับมาและกินมันอย่างว่าง่าย
ความหิวเป็นเรื่องปกติในป่านี้ เขากินมันเงียบๆราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ฉี ตั้งแต่พรุ่งนี้ ฉันจะพาเธอไปล่าด้วยกัน”เสียงของเธอไพเราะมาก เหมือนเสียงของนิ้วหยกที่ดีดบนกู่เจิ้ง
เด็กชายชื่อฉีพยักหน้าเงียบๆ หลังกินเนื้อ เขาก็ดื่มน้ำกลั่นไปหลายชามและกลับไปนอนเงียบๆ
ความเงียบ สุขภาพ และความแข็งแรงคือวิถีเอาตัวรอดสามสิ่งที่หญิงสาวมอบให้เด็กชาย แม้กระทั่งในภูเขาที่สิ่งมีชีวิตกลายพันธ์ุ
มันผ่านไปอย่างนั้นหกปี
...
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว 9 ปีนับตั้งแต่เด็กชายและหญิงสาวล่าด้วยกัน และ 3 ปีก็ผ่านไปตั้งแต่หญิงสาวจากไปโดยไม่กล่าวอำลา
ในถ้ำเดิม กระดูกของอสูรนอกถ้ำกองกันเหมือนภูเขา ภายในถ้ำไม่แตกต่างจาก 9 ปีก่อนมาก มีผ้าห่มอุ่นๆที่ทำจากขนสัตว์ผืนใหญ่ และกำแพงเถาวัลย์ เตาย่างประกอบจากแท่งเหล็ก หินและไม้ พร้อมด้วยกระจกกับชามเซรามิกเพื่อกลั่นน้ำเช่นเคย
ถ้ำยังแห้งเหมือนเคย และเวลาก็พิสูจน์แล้วว่านี่คือหนึ่งในถ้ำไม่กี่แห่งในเทือกเขานี้
เด็กชายเติบโตเป็นเด็กหนุ่มอายุ 16 ปี เขาดูอ่อนโยนแต่ก็ยังคมเข้มจากสภาพแวดล้อมของป่า ดวงตาสีดำของเขาดำมืดยิ่งกว่าเดิม มันใหญ่และกลมขึ้น มากพอจะดึงดูดหญิงสาวทุกคน คิ้วเขาคมเข้ม แกะสลักโดยลมและฝนของภูเขา จมูกโด่งได้รูปที่ขัดเกลาด้วยกลิ่นเลือดของเหยื่อ และริมฝีปากอวบอิ่มจากการลิ้มรสเลือด
ทุกสัดส่วนของร่างกายแข็งแกร่ง เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อได้รูป ซึ่งมาจากการล่า
เขากำลังขัดดาบสีดำเงา เป็นดาบเล่มเดียวกับที่หญิงสาวเคยใช้สอนเขา
“พี่สาวรั่วหรง ผมผ่านด่านทดสอบที่พี่สาวตั้งไว้ให้เกือบหมดแล้ว ครั้งนี้ผมจะออกภูเขาให้ได้ จากนั้นก็จะออกเดินทางตามหาพี่สาว ต่อให้ต้องข้ามภูเขาหรือแม่น้ำไปไกลหลายพันกิโลเมตรก็ตาม”
เด็กหนุ่มมองดาบที่เงาคล้ายกระจก สะท้อนดวงตาแน่วแน่ไม่ไหวติง เสียงเขาชัดเจนเหมือนเสียงหยกกระทบ
ชื่อของเขาคืออู่ฉี
อู่ฉียืนขึ้นจากเก้าอี้หินที่นั่งมา9ปี รองเท้าหนังสีน้ำตาลของเขาดูทนทาน ทำมาจากหนัง’จระเข้ยักษ์ของบึงปีศาจ’ที่ตีนหุบเขา พื้นรองเท้าแข็งเท่ากับเหล็ก แถมยังมีหนามติดรองเท้าตอนเขาสร้างมัน นอกจากนี้ ชุดทั้งหมดของเขาล้วนเป็นชุดทำเองที่รวบรวมวัสดุจากการล่าทุกปี มันช่วยให้เขาอบอุ่นและเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้น
อู่ฉีออกถ้ำไปอย่างมั่นใจ กระเป๋าของเขาเรียบง่ายและเบา ไม่มีอะไรอื่นนอกจากขวดน้ำ สมุดจดหนัง ปากกาขนหมาป่า และเนื้อแห้ง
อู่ฉีเดินไปตามป่า มีพืชต่างๆเพิ่มขึ้นมากจากเก้าปีก่อน และพุ่มไม้ก็สูงเท่าหน้าอกของอู่ฉีที่สูง 180 เซนติเมตร กิ่งต้นนุ่นกลายพันธ์ุสูงขึ้นกว่าเดิม แต่อู่ฉีก็ยังกระโดดขึ้นไปบนพวกมันได้ง่ายๆ
อากาศไม่ชื้นเพราะมีฝนเมื่อสามวันก่อน และตอนนี้พื้นก็แห้ง มันง่ายมากที่จะหารอยเท้าของเป้าหมายในโคลนแห้ง ในไม่ช้า อู่ฉีก็พบรอยเท้าห้านิ้ว แถมยังมีรอยเท้าอื่นรอบๆมัน
อู่ฉีพบว่าสายตาเขาเฉียบแหลมมากเป็นอย่างแรก จากนั้นเขาก็พัฒนาสัมผัสการรับกลิ่นและการได้ยินเป็นอันดับรองลงมา สำหรับนักล่ามากประสบการณ์ การพัฒนาสัมผัสการรับกลิ่นและการได้ยินคือสิ่งจำเป็น
ป่าหนาทึบ เถาวัลย์ที่ห้อยระหว่างต้นนุ่นสูงสร้างเป็นม่านยาวธรรมชาติสีเขียวเหลือง เถาวัลย์คล้ายเส้นผมเหล่านี้คือ’ใยแมงมุม’ สิ่งมีชีวิตกลายพันธ์ุที่ฉลาดพอจะใช้มันเพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหว เถาวัลย์ยาวมาก แต่มีเพียงพวกหิวจัดถึงจะกินมัน ในเวลาเดียวกัน มันก็บดบังมุมมองของอู่ฉีได้ดี ซึ่งสร้างความลำบากให้เขา
เขานำมีดออกมาและตัดเถาวัลย์ การกระทำนี้จะเตือนสัตว์กลายพันธ์ุรอบๆ และเขาก็ต้องรีบออกไป
หลังขยายมุมมอง เขาก็เห็นมุมมองที่อยู่ไกลออกไปสิบเมตรแม้จะมีหมอกหนา นี่คือป่าที่เขาใช้ชีวิตมาหลายปี ข้อมูลทั้งหมดของระบบนิเวศเขาต่างก็รู้หมด พรสวรรค์แต่กำเนิด ร่างกายที่ผ่านการฝึก สัมผัสที่ดี แถมพลังเขาก็ถึงจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารบนภูเขาแล้ว การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วมาก สายตาเขาจับจ้องการเคลื่อนไหวของเหยื่อ เสียงหัวใจ และดาบที่อาบเลือดของสิ่งมีชีวิตมามากว่า 9 ปีก็อันตรายเสียยิ่งกว่าหมีน้ำตาลหุ้มเหล็ก
ไม่น่าแปลกใจ สัตว์กลายพันธ์ุตัวน้อยที่อยู่ไกลไป 10-20 เมตรสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของเถาวัลย์ และหลังได้กลิ่นอู่ฉี พวกมันก็หนีไป
มีเพียงสัตว์ตัวเดียวที่กล้าเข้ามาในมุมมองของอู่ฉี มันสูง 2 เมตร ยาวเกือบ 4 เมตร หนัก 980 กิโลกรัม
นี่คือหมีน้ำตาลหุ้มเหล็กอีกตัว พลังและความเร็วของมันแกร่งกว่าตัวเก้าปีก่อนอย่างน้อยสองเท่า อู่ฉีนึกย้อนดูความรู้ที่รั่วหรงสอนเขาและตัดสินว่าหมีน้ำตาลหุ้มเหล็กตัวนี้ได้ผ่านการวิวัฒนาการแล้วและอัตราการกลายพันธ์ุก็เกือบถึง 100% แล้ว