ตอนที่ 163-164
ตอนที่ 163 : การคาดเดาของจี้อู๋ฮุย
ผู้อาวุโสลำดับที่สามพยักหน้ารับ “ตามท่านกล่าว”
ไม่ช้า ศิษย์ของหุบเขาโอสถจึงได้ทราบคำสั่งให้ตระเตรียมเดินทางสู่นครจิ่วเหยา...
ขณะที่หุบเขาโอสถตระเตรียมเพราะสารจากเหว่ยอี้ ทางตระกูลตี้อู๋และแดนศักดิ์สิทธิ์ห้วงน้ำหยกก็มีความเคลื่อนไหว
ตระกูลตี้อู๋ หลิวลู่อวี่ แหละเหว่ยอี้ต่างกระทำเช่นเดียวกัน ทั้งสามต่างส่งข้อความกลับหาต้นสังกัด
พิจารณาจากระยะทาง อีกไม่นานคณะทั้งสามฝ่ายจะมาเยือนยังนครจิ่วเหยา
ถึงเวลานั้น นครจิ่วเหยาก็ไม่ทราบแล้วว่าจะเกิดเรื่องใดขึ้นบ้าง...
หลังเสร็จสิ้นมื้อเที่ยง ลั่วฉวนจึงไปนอนอาบไล้แสงตะวันที่หน้าร้านเหมือนดังเคย
เขารู้สึกว่านี่จึงเป็นกิจธุระที่สมควรทำในทุกวัน
ความอบอุ่นของแสงตะวันช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่น
อีกทั้งยังสบาย...
แต่แล้วไม่นานเขากลับได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาในตรอก
เป็นเสียงฝีเท้าที่ไม่คุ้นหู
ลั่วฉวนจึงลืมตา พบว่าเป็นเหล่าไป่กับจี้อู๋ฮุย
“เถ้าแก่ ไม่พบกันนาน!”
“เถ้าแก่เป็นเหมือนเช่นเคย!”
จี้อู๋ฮุยและเหล่าไป่ต่างเผยยิ้มกล่าวทักทาย
เพราะตัวตนคนทั้งสอง คิดมาเยือนร้านต้นตำรับทุกวี่วันไม่อาจทำได้
อีกทั้งสินค้าที่ขายในร้านต้นตำรับยังไม่ใช่ดึงดูดจี้อู๋ฮุยเป็นการส่วนตัวสักเท่าใดนัก
ดังนั้นทั้งสองจึงมาเยือนบ้างเป็นครั้งคราว
ลั่วฉวนพยักหน้ารับเป็นการตอบสนอง
จี้อู๋ฮุยและเหล่าไป่ไม่คิดสนใจท่าทีเช่นนี้นานแล้ว
สำหรับเถ้าแก่ ทั้งสองเข้าใจนิสัยอีกฝ่ายดี
“เถ้าแก่ หลายวันมานี้ในร้านมีของใหม่อะไรบ้างหรือไม่?” จี้อู๋ฮุยกล่าวถามด้วยความสงสัย
ลั่วฉวนจึงรับคำ “มี”
“เป็นสินค้าอะไรหรือเถ้าแก่?” เหล่าไป่กล่าวถาม
ลั่วฉวนจึงตอบ “ระบบฝึกสอนทำอาหาร”
เหล่าไป่เผยสีหน้างงงัน
จี้อู๋ฮุยก็เผยสีหน้างงงันเช่นกัน
คนทั้งสองได้แต่ชะงักมองหน้ากันเอง
เมื่อครู่พวกตนได้ยินอะไร
ระบบฝึกสอนทำอาหาร?!
เถ้าแก่หยอกล้อเล่นเช่นนี้เป็นตั้งแต่เมื่อใด? นี่ไม่คล้ายใช่นิสัยเถ้าแก่!
“แค่กแค่ก เถ้าแก่อย่าได้หยอกล้อเล่นแล้ว” จี้อู๋ฮุยเผยยิ้มขื่นขม
ลั่วฉวนเผยสีหน้างงงันพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่ใช่หยอกล้อ”
ครั้งนี้จึงกลายเป็นเหล่าไป่และจี้อู๋ฮุยที่งุนงงแทนแล้ว
ด้วยนึกถึงสินค้าในร้านว่าไม่มีใดธรรมดา เหล่าไป่จึงคิดไปครู่ก่อนจะถาม “ขอสอบถามเถ้าแก่ ระบบฝึกสอนทำอาหารนั้นมีอะไรพิเศษหรือไม่?”
“มีอยู่แล้ว” ลั่วฉวนพยักหน้ารับ
เหล่าไป่และจี้อู๋ฮุยค่อยถอนหายใจโล่งอกกันได้
ของร้านเถ้าแก่ก็ต้องพิเศษดังที่คิดไว้
แม้บอกว่าเป็นระบบฝึกสอนทำอาหาร แต่มันก็ต้องมีความลับซุกซ่อนไว้!
“ก็คล้ายอย่างหอคอยแห่งการทดสอบ เป็นประสบการณ์เสมือนจริง และระบบฝึกสอนทำอาหารจะทำให้ได้รับประสบการณ์จากมุมมองอื่นที่ไม่อาจจับต้อง” ลั่วฉวนกล่าวเสริม
“มุมมองอื่น? ไม่อาจจับต้อง? งั้นก็สมควรเป็นมรดกของยอดฝีมือแล้ว!”
จี้อู๋ฮุยอุทานอยู่ภายในใจ
ทวีปเทียนหลันแห่งนี้ ผู้แข็งแกร่งบางคนจะสร้างหยกมรดกความรู้ชั่วชีวิตเอาไว้เมื่อถึงคราววาระสุดท้าย
และหยกมรดกเหล่านั้นจะได้ทำให้พบเห็นภาพที่ผู้สร้างหลงเหลือไว้
แม้ไม่ทราบว่าการฝึกสอนทำอาหารของเถ้าแก่หมายความถึงอะไร ทว่าจี้อู๋ฮุยมั่นใจ ว่ามันสมควรดีเสียยิ่งกว่าหยกมรดกเหล่านั้น
แม้กล่าวเช่นนั้น...
แต่มันก็ยังถูกเรียกว่าการฝึกสอนทำอาหาร!
จี้อู๋ฮุยอดไม่ได้ที่จะคิด ว่าแล้วมันเกี่ยวข้องกับการฝึกฝนอย่างไร!
ขณะนี้เองที่จี้อู๋ฮุยพลันนึกถึงสินค้าที่มีขายในร้าน ว่าเหล่านั้นรสชาติก็ไม่มีใดธรรมดาเลย
ดังนั้นขณะนี้จึงมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา
หรือว่าร้านต้นตำรับแห่งนี้เถ้าแก่แท้จริงคิดฝึกสอนผู้ฝึกตนทั้งหลายให้เป็นพ่อครัว?
ความคิดนี้ดูเป็นไปได้มากเลยทีเดียว!
ตอนที่ 164 : คำเตือนของลั่วฉวน
ลั่วฉวนย่อมไม่ทราบว่าจี้อู๋ฮุยคิดอะไรอยู่
หากทราบ ก็เกรงว่าเขาคงทุบตีต่อความคิดอีกฝ่ายเป็นแน่แท้
ลั่วฉวนคือบุรุษผู้ซึ้งคิดเป็นเถ้าแก่ร้านผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลก ดังนั้นจะมีใจไปเปิดหลักสูตรเป็นพ่อครัวอย่างที่จี้อู๋ฮุยคิดเพื่ออะไร?
เหล่าไป่ขมวดคิ้ว “ว่าไปแล้วเถ้าแก่ แม้ระบบฝึกสอนทำอาหารนี้คล้ายหอคอยแห่งการทดสอบ แต่อย่างไรมันก็ยังเป็นการฝึกสอนทำอาหารอยู่ดี!”
จี้อู๋ฮุยจึงมองทางเหล่าไป่ที่ถามแทนตนอย่างโล่งอก
สมแล้วที่รู้จักกันมานาน อีกฝ่ายเจาะจงถามปัญหาที่เขาค้างคาได้ดีเยี่ยม
น้ำเสียงลั่วฉวนยังคงราบเรียบเช่นเคย “ก็จริง แต่การฝึกสอนทำอาหารนั้นสอนทุกขั้นตอนตั้งแต่หาวัตถุดิบจนสำเร็จเป็นอาหาร”
“ทุกขั้นตอน...”
เหล่าไป่และจี้อู๋ฮุยถึงกับเหม่อไปวูบ
หลังสูดลมหายใจอยู่พักหนึ่ง คนทั้งสองค่อยมองกันเองก่อนจะพบเห็นความคิดของอีกฝ่าย
วัตถุดิบระดับสูงล้ำ นั่นหมายความถึงขอบเขตพลังอันสูงส่ง
เรื่องนี้ไม่ว่าใครต่างก็ทราบกันดี
เพราะอาหารระดับสูง มันหมายถึงการเสริมกำลังระดับสูง
อย่างไรแล้วสัตว์อสูรทั้งหลายก็มีสติปัญญา เมื่อใดแข็งแกร่งพอพวกมันจะไม่ต่างอะไรกับมนุษย์
ส่วนสิ่งมีชีวิตที่ไร้ซึ่งสติปัญญา นำมาเป็นอาหารก็ไม่ได้ช่วยเสริมกำลังแต่อย่างใด
หากมันเป็นอาหารที่เถ้าแก่ต้องลงมือเองเพื่อวัตถุดิบที่แข็งแกร่งแล้วละก็...
จี้อู๋ฮุยและเหล่าไป่แทบไม่อาจจินตนาการถึงได้
“ขอสอบถามเถ้าแก่เล็กน้อย อาหารเหล่านั้นมีการแบ่งระดับหรือไม่?”
เสียงจี้อู๋ฮุยกล่าวถามด้วยอาการสั่น
ลั่วฉวนพยักหน้ารับ
“ไม่ทราบว่าระดับสูงสุดคือเท่าใด?” เหล่าไป่กลืนน้ำลาย น้ำเสียงขณะนี้สั่นไม่ต่างกับจี้อู๋ฮุย
ภายในคนทั้งสองขณะนี้ตื่นเต้นรุนแรง
“สูงที่สุดเท่าที่จะมีในโลกใบนี้” ลั่วฉวนมองคนทั้งสองพร้อมตอบกลับอย่างราบเรียบ
เหล่าไป่และจี้อู๋ฮุยต่างตื่นตะลึง
สูงที่สุดในโลก?
อย่างนั้นมันเป็นพลังขั้นใดกัน?
คนทั้งสองต่างอยู่ขอบเขตทดสอบเต๋าระดับที่เก้า และเป้าหมายใหญ่ที่สุดยามนี้คือก้าวสู่ขอบเขตราชัน
กระนั้นที่นี่วันนี้ พวกเขาพลันได้ตระหนักว่าระดับการฝึกฝนของพวกตนต่ำเตี้ยเพียงใด
“แต่ขอแนะนำให้เตรียมกายและใจให้พร้อมก่อน และทุกสิ่งต้องเป็นไปตามขั้นตอน ไม่อย่างนั้นคิดก้าวหน้าสู่ขอบเขตราชันคงไม่อาจทำได้”
คำกล่าวราบเรียบของลั่วฉวน มันเปรียบดังเอาน้ำเย็นใส่ถังราดใส่คนทั้งสอง
จี้อู๋ฮุยและเปล่าไป่ค่อยได้สติกลับคืน ขณะนี้ถึงกับต้องหวาดเกรง
หากไม่ได้ลั่วฉวนย้ำเตือนเมื่อครู่ เกรงว่าทั้งสองจะเลือกมุ่งตรงไปเลือกอาหารระดับสูงสุดทดลองดูแล้ว
หลังได้ทราบประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่จนเกินตัว มันอาจทำให้มองอะไรผิดจากการก้าวไปทีละขั้น
ถึงตอนนั้นคิดเสียดายก็จะสายเกินไปแล้ว!
ขณะนี้ทั้งสองเตรียมใจพร้อมแล้ว ปัญหาที่ได้รับการย้ำเตือนย่อมไม่เกิดขึ้น!
ส่วนว่าทำไมกู่หยุนซีและคณะศิษย์ผู้อื่นเลือกรับชมกันตามสะดวก และลั่วฉวนไม่เคยเตือนนั้นมีเหตุผล
อย่างไรพื้นฐานก็สำคัญที่การเตรียมใจ!
ศิษย์เหล่านั้นอายุราวสิบปลายถึงยี่สิบปี ดังนั้นความตื่นเต้นจะยิ่งเร้าให้มีชีวิตชีวา
ขณะเดียวกันการเปิดรับสิ่งใหม่ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ามหาศาลนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบเหมือนอย่างผู้เจนศึกเช่นเหล่าไป่
เพราะในใจพวกเขายังไม่ทราบว่ากำลังอันสูงสุดนั้นเป็นเช่นไร!
พร้อมกันนี้พวกเขายังมีพื้นที่ให้เฝ้าฝันเติบโต!
ซึ่งมันจะแตกต่างกับผู้ที่ผ่านโลกมาอย่างยาวนานมากแล้ว
“ขอบคุณเถ้าแก่ที่ชี้แนะ!”
เหล่าไป่และจี้อู๋ฮุยต่างกล่าวขอบคุณต่อลั่วฉวนอย่างจริงจัง
ถ้อยคำเหล่านี้เป็นพวกเขากล่าวออกจากใจจริง!
ลั่วฉวนโบกมือเป็นการตอบรับ
จากนั้นจึงหลับตาลงพร้อมดื่มด่ำกับแสงตะวันที่ม้านั่งต่อไป...