ตอนที่ 159-160
ตอนที่ 159 : คนละสามชั่วโมงต่อวัน
เถาวัลย์หน้าผีร้องคำราม ใบหน้าผีสางนั้นเริ่มหมองหม่นราวสูญเสียพลังชีวิตจนแห้งเหือด!
การโจมตีของลั่วฉวนเมื่อครู่ มันบดขยี้แกนกลางของต้นเถาวัลย์หน้าผี!
“น่าเสียดาย แต่วันนี้พอเท่านี้แล้วกัน!”
ลั่วฉวนผ่อนลมหายใจ สายตารับชมต้นเถาวัลย์หน้าผีพร้อมพึมพำกับตนเอง
ตัวเขาถูกเถาวัลย์หน้าผีนี้สังหารทั้งสิ้นยี่สิบเก้าครั้ง
หากเทียบเปรียบกับครั้งเพิ่งเข้าเล่นหอคอยแห่งการทดสอบ จำนวนที่ตกตายนั้นแตกต่าง
ครั้งเล่นชั้นที่หนึ่งโหมดง่ายนั้น ลั่วฉวนต้องสิ้นชีพไปกว่าร้อยครั้ง
เวลาผันผ่านไปเพียงไม่นาน สถิติของลั่วฉวนมีแต่จะดีขึ้น...
ขณะนี้ถอดหมวกออก ลั่วฉวนยืดกล้ามเนื้อผ่อนคลาย
ขณะนี้เกือบจะบ่ายแล้ว
“เถ้าแก่ไม่เล่นหอคอยแห่งการทดสอบต่อหรือ?” เหยาซือหยานเผยน้ำเสียงเบากล่าวถาม
“วันนี้พอแล้ว” ลั่วฉวนตอบรับ
“โอ้” เหยาซือหยานพยักหน้า “นี่ก็บ่ายแล้ว ข้าขอตัวไปทำมื้อเที่ยงก่อน”
ด้วยเหตุนี้เหยาซือหยานจึงเดินกลับขึ้นไปยังชั้นที่สอง
พิจารณาจากสถานการณ์ เหยาซือหยานขณะนี้ผันตัวเป็นคนทำอาหารเรียบร้อยแล้ว...
เหยาซือหยานเดินกลับขึ้นไป ลั่วฉวนจึงมารับช่วงหน้าที่ต่อ
นั่นคือก็การนั่งด้านหลังโต๊ะรับเงิน
แม้เป็นช่วงมื้อเที่ยง ทว่าลูกค้าอื่นก็ไม่น่าจะมีเข้ามาเพิ่มในร้าน
กระนั้นลั่วฉวนก็รู้จัก ว่าร้านอย่างไรก็ต้องมีคนเฝ้า
ปล่อยร้านโล่งไม่มีคนเฝ้านั้นเป็นเถ้าแก่ที่ใช้ได้หรือ?
อย่างน้อยขณะนี้ก็มีลูกค้าหกคนอยู่ในร้าน หากมีสินค้าหายไปจะทำอย่างไร?
กระนั้นก็ไม่ใช่ว่าลั่วฉวนไม่เชื่อใจระบบรักษาความปลอดภัยของร้าน แต่เป็นความรู้สึก
เขาทราบดีว่าระบบย่อมไม่มีทางทำอะไรผิดพลาดโดยง่าย
แต่แม้กระนั้นก็ไม่ใช่ว่าระบบจะไร้ที่ติ!
นอกจากนี้ลั่วฉวนยังอาศัยอยู่ในดวงดาวสีฟ้าครามมานานไม่น้อย คิดให้มากเข้าไว้ถือว่าไม่ใช่เรื่องผิด
ลั่วฉวนเปรยสายตามองคนทั้งหกที่ดื่มด่ำอยู่กับโลกเสมือนจริง
เพราะอะไรไม่ทราบ แม้อยู่ในโลกเสมือนจริง ทว่าคนทั้งหกกลับเกิดอาการหนาวสั่น
ไฉนจึงเกิดความรู้สึกราวถูกจับจ้องได้?
ลั่วฉวนนั่งด้านหลังโต๊ะพลางคิดไปเรื่อยถึงความเป็นไปของโลกใบนี้ ไม่ช้าเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
รอคอยไม่นาน กลิ่นหอมเตะจมูกจึงลอยฟุ้งออกจากชั้นที่สอง
ขณะนี้ผู้เล่นเกมทั้งหกเองก็ได้ตระหนักว่าเล่นครบสามชั่วโมงแล้ว
คณะของปู้หลี่เกื๋อทราบเรื่องดี ดังนั้นจึงจบศึกก่อนจะหมดเวลาอย่างรู้ความ
กระนั้นทางด้านคณะของเหว่ยอี้ไม่ทราบ
ขณะกำลังเข้าได้เข้าเข็ม แต่แล้วกลับต้องถูกดึงตัวกลับ
“ระยะเวลาเล่นเกมของวันนี้ถึงขีดจำกัด! เกมจะปิดตัวลง!”
นี่มันเรื่องอะไร?
คนทั้งสามเผยอาการมึนงงอย่างไม่ทราบว่าเกิดเรื่องใดขึ้น
“ไม่ใช่ทราบแล้วหรอกหรือ? ว่าแต่ละคนเล่นเกมได้สามชั่วโมงต่อวัน”
ปู้หลี่เกื๋อเผยยิ้มพร้อมอธิบายคนทั้งสามที่เผยสีหน้างุนงง
“แต่เมื่อกี้กำลังจะจบศึกได้อยู่แล้ว!”
ดวงตางดงามของหลิวลู่อวี่เผยความไม่ยินดี เป็นตัวนางไม่ทราบว่าล่าสุดที่โกรธเกรี้ยวขนาดนี้มันเมื่อใดกัน
ด้วยฐานะนักบุญของแดนศักดิ์สิทธิ์ห้วงน้ำหยก ผู้อื่นมีแต่จะโอนอ่อนตามนาง เช่นนั้นจะมีเรื่องใดให้โกรธเกรี้ยว?
เหว่ยอี้และตี้อู๋อู่หยิงก็ไม่ยินดีเช่นเดียวกัน
มันราวกับพวกเขาเพิ่งเข้าไปเล่นได้ไม่นานก็ถูกห้ามเล่นเสียแล้ว
ด้วยเพราะกำลังจะจับหลักอะไรบางอย่างขณะต่อสู้กับร่างจำแลงได้ แต่แล้วพลันถูกดึงตัวกลับ
ด้วยเป็นผู้ฝึกฝนราวคลุ้มคลั่งผู้หนึ่ง จึงเป็นเรื่องยากที่ตี้อู๋อู่หยิงจะหาคู่ต่อสู้ที่ทัดเทียม
ขณะนี้พบเจอโอกาสอันดี อย่าได้กล่าวถึงสามชั่วโมง ต่อให้เป็นสามวันต่อเนื่องเขาก็สามารถสู้ต่อเนื่องได้ไหว!
ตอนที่ 160 : การตัดสินใจของแต่ละคน
“กฎนี้เป็นเถ้าแก่ตั้งขึ้น หากไม่พอใจเช่นนั้นไปบอกเถ้าแก่!”
ปู้หลี่เกื๋อชี้ทางลั่วฉวนที่นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะ
ลั่วฉวนจึงหันมองทางปู้หลี่เกื๋อด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เช่นนี้นิ้วที่ชี้ไปนั้นจึงหดกลับในพริบตา
เหว่ยอี้และคณะมองหน้ากันเอง
ไม่พอใจให้บอกเถ้าแก่?
ไม่พูดเสียจะดีกว่า
“ว่าไปนี่กลิ่นหอมอะไร?”
ปู้ฉืออีสูดดมพร้อมพบว่าในร้านมีกลิ่นที่ไม่คุ้นเคย
“ซือหยานกำลังทำมื้อกลางวัน” ลั่วฉวนตอบกลับอย่างราบเรียบ
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวกลับแล้วเถ้าแก่!”
คนทั้งสามทราบความ ปู้ฉืออีจึงตัดสินใจกลับ
กลิ่นอาหารในร้านเถ้าแก่หอมจนเกินไป อยู่ต่อมีแต่จะเป็นทุกข์
และหากอยู่ต่อ เช่นนั้นก็รับชมเถ้าแก่รับประทานอาหารหอมหวานงั้นหรือ?
คณะของเหว่ยอี้บอกลาลั่วฉวนพร้อมออกไปจากร้านด้วยความคิดเช่นเดียวกัน
ลั่วฉวนจึงเดินขึ้นบันไดไป พบว่าเหยาซือหยานเตรียมอาหารพร้อมแล้ว
อาหารมีสามจาน ปีกไก่ต้มโคล่า กุ้งทอดชุบแป้ง และปลาย่าง
ไม่ว่าจะทั้งรูป รส กลิ่น สี ทั้งหมดล้วนชวนลิ้มลอง และเป็นลั่วฉวนชื่นชอบอาหารเหล่านี้
แน่นอนว่าลั่วฉวนคนเป็นจำพวกชอบกินเนื้อสัตว์
และขณะนี้ก็ได้เวลาอิ่มเอมแล้ว...
“ว่าไปแล้ว พวกเจ้าคิดเห็นอย่างไรกับร้านต้นตำรับ?” เหว่ยอี้เผยเสียงจริงจังกล่าวถามหลังออกจากร้านแล้ว
“ยังจะมีอื่นใดได้?” หลิวลู่อวี่ยืดแขนพร้อมเผยร่างโค้งเว้าอันสมบูรณ์แบบให้ได้เห็น “ร้านนี้ไม่ใช่อะไรที่จะหาเรื่องด้วยได้”
บรรดาผู้คนที่สัญจรบนถนนต่างรับชมคนทั้งสามที่โดดเด่น
หลิวลู่อวี่ไม่คิดสนใจ ฟลูตหยกพลันปรากฏในมือ
ด้วยจรดริมฝีปาก บทบรรเลงอันไพเราะจึงเผยออก
ทันใดนี้เองที่บรรดาผู้สัญจรได้ยินเสียงบทเพลงต่างต้องหลับตาลงราวกับสูญสิ้นสติ
หากไม่เกิดอุบัติเหตุใด เกรงกว่าเมื่อใดคนเหล่านี้ได้สติอาจต้องเจ็บไข้!
เพราะบทเพลงนี้เป็นการโจมตีทางจิตของหลิวลู่อวี่!
นักบุญแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ห้วงน้ำหยก ไม่ใช่อะไรที่ผู้คนจะมองรับชมได้โดยง่าย!
“ก็เป็นเช่นนั้น” หลิวลู่อวี่จับจ้องทางเหว่ยอี้พร้อมเผยยิ้ม “หากพี่เหว่ยคิดอยากทำอะไรร้านนั้น ข้าก็ไม่คิดห้ามปรามแต่อย่างใด”
ด้วยฐานะศิษย์ของหุบเขาโอสถ เหว่ยอี้จึงเป็นนักปรุงยาผู้เก่งกาจ
และสิ่งของที่ขายในร้านต้นตำรับมันเทียบเท่าโอสถระดับสูงล้ำ กระนั้นราคากลับต่ำเตี้ยกว่าเป็นร้อยพันเท่า!
เหว่ยอี้ทราบดีว่าหากเรื่องราวนี้แพร่กระจายออกไป เมื่อนั้นจะส่งผลกระทบใหญ่ต่อหุบเขาโอสถ หรืออาจส่งผลกระทบต่อทั้งวงการโอสถของทวีปเทียนหลัน!
“ฮ่าฮ่า ข้าย่อมไม่คิด!” เหว่ยอี้เพียงยิ้มตอบ
ตี้อู๋อู่หยิงยังคงเงียบมาโดยตลอด
กระนั้นจากดวงตาที่หรี่ลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาตัดสินใจอะไรได้
ตัวตนของร้านต้นตำรับภายหน้าจะทำให้เกิดคลื่นลมอันรุนแรงในทวีปเทียนหลัน!
และหากตระกูลตี้อู๋สามารถควบคุมทิศทางคลื่นลมนี้ เช่นนี้ผลประโยชน์มีแต่จะได้รับ คิดขึ้นสู่ชั้นแนวหน้าของทวีปเทียนหลันย่อมไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน!
แน่นอนว่าร้านต้นตำรับเป็นตัวตนแข็งแกร่งพอที่จะเป็นต้นตอของคลื่นลมในครั้งนี้!
ไม่เช่นนั้นหากเกิดคลื่นลม มันจะกลายเป็นถูกขั้วอำนาจอื่นกลืนกินเข้าไป!
คนทั้งสามต่างแยกย้าย
สาเหตุว่าทำไมมารวมตัวกันวันนี้ นอกจากหาข้อมูลแล้วก็ยังเป็นเพราะเพิ่งมาเยือนนครจิ่วเหยาเป็นครั้งแรก
ขณะนี้ได้ทราบเรื่องสำคัญในนครจิ่วเหยา พันธมิตรที่ก่อตัวอย่างกะทันหันย่อมไม่จำเป็นอีกต่อไป
ขณะนี้คนทั้สามต่างแปรเปลี่ยนจากสหายร่วมทางเป็นคู่แข่งต่อกันแล้ว!
อาศัยจากข้อมูลที่ได้รับมา เหว่ยอี้จึงมุ่งหน้าไปยังถนนที่รุ่งเรืองที่สุดของนครจิ่วเหยา
ที่แห่งนี้มีร้านสารพัดชนิดอยู่ส่องฟากเส้นทาง
และมันมีร้านหลากหลายที่ค้าขายโอสถกันอย่างคึกคัก
ถนนเส้นนี้มีผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนแวะเวียนมาซื้อหากันไม่ขาด