บทที่ 64 หญิงสาวผู้งดงาม
บทที่ 64 หญิงสาวผู้งดงาม
กุนไท่มาถึงลานประลองที่ใหญ่ที่สุดของวังหลวง มันเป็นลานประลองสำหรับเหล่าบุคคลระดับสูงมาฝึกฝนกัน และในยามนี้บุคคลระดับสูงให้รุ่นเยาว์ได้เข้ามาข้างในได้ ด้านข้างลานประลองเต็มไปด้วยเครื่องมือช่วยเหลือในด้านการฝึกอย่างครบครัน แต่ละอย่างนั้นมีมูลค่าสูงมาก มีแค่เหล่าบุคคลระดับสูงเท่านั้นจึงจะสามารถใช้มันได้
กุนไท่ไปรวมกลุ่มกับรุ่นเยาว์คนอื่น พวกมันแต่ละคนต่างมีความภาคภูมิใจผ่านทางสีหน้าแต่ละคนมีความสามารถโดดเด่นและหลากหลาย รุ่นเยาว์ทั้งหมดที่นี่มีจำนานราวสองพันคนโดยส่วนใหญ่จะอยู่ระดับสร้างรากฐานกับระดับหลอมรวมพลัง มีเพียงกี่ร้อยคนที่อยู่ระดับผู้เชี่ยวชาญหมู่คนเหล่านี้ส่วนมากอยู่แค่ขอบเขตผู้เยี่ยมยุทธ์และปรมาจารย์ยุทธ์เท่านั้น ส่วนยอดฝีมือมีไม่ถึงสิบคน!
เขาใช้จิตสัมผัสตรวจสอบว่าเกาเทียนฉีได้มาด้วยหรือไม่? แต่กลับไม่พบเห็นอีกฝ่ายแม้กระทั้งเงา นี่เป็นสิ่งยืนยันได้ว่าเกาเทียบฉีไม่กล้าออกมาพบเจอกับผู้คน อีกฝ่ายคงอับอายจนไม่กล้าออกจากที่พำนับเป็นแน่
เหนือลานประลองห่างออกไปไม่กี่ลี้มีที่นั่งสำหรับเหล่าผู้อาวุโสระดับต่ำจนไปถึงระดับสูง ผู้อาวุโสระดับต่ำจะถูกจัดอันดับตามความแข็งแกร่งด้วยเช่นกันมันมีจำนวนทั้งหมดพันคน ผู้อาวุโสยี่สิบกับผู้อาวุโสสิบสี่ล้วนเป็นผู้อาวุโสระดับต่ำหากทั้งสองต่างการเป็นผู้อาวุโสระดับสูง พวกเขาต้องมีการบ่มเพาะในระดับทลายขอบเขตมนุษย์!
ผ่านไปไม่นานทุกคนทยอยมากันครบ บนที่นั่งทั้งหมดทั้งมวลมีบัลลังก์อันยิ่งใหญ่ที่สร้างขึ้นอย่างประณีตอยู่มันให้ความรู้สึกที่สูงส่งน่าเคารพ ผู้ที่นั่งบนบัลลังก์มิใช่ใครอื่นนอกจากองค์จักรพรรดิหย่งผู้ปกครองสูงสุดของราชวงศ์!
มันเป็นชายชราใกล้ลงโลงผมสีขาวที่แห้งกร้าน ใบหน้าเหี่ยวย่นเต็มไปด้วยริ้วรอย สวมชุดเหลืองทั้งตัวปักลายก้อนเมฆแม่น้ำและมังกร! บนศีรษะสวมหมวกสีแดงประดับไว้ด้วยทองคำดูโดดเด่นงามสง่า
ส่วนด้านข้างองค์จักรพรรดิเป็นหญิงชราดูสงบนิ่งแต่งตัวคล้ายคลึงกัน นางนั่งบนบัลลังก์ที่อยู่ด้านข้างองค์จักรพรรดิหย่งนางคือพระอัครมเหสี!
“สวัสดีพวกเจ้าทุกคนข้าคือองค์รัชทายาท งานในครั้งนี้ข้าเป็นผู้ควบคุมขอให้พวกเจ้าแสดงความสามารถทั้งหมดออกมา และนี่คือผู้อาวุโสที่จะเป็นผู้ให้คะแนนว่าใครแสดงความสามารถออกมาได้ดีแค่ไหน!”
เสียงนุ่มลึกของบุรุษดังขึ้น เจ้าของเสียงนี้เป็นองค์รัชทายาทซึ่งเป็นชายวัยกลางคนสูงสง่ารูปร่างกำยำ พลังปราณที่แผ่ออกมาบ่งบอกได้ว่าชายผู้นี้อยู่ในระดับทลายขอบเขตมนุษย์แล้ว!
หลังจากที่กล่าวจบองค์รัชทายาทพลันหายไปพร้อมกับปรากฏตัวบนเก้าอี้ที่อยู่ตำแหน่งข้างล่างขององค์จักรพรรดิ แท้จริงแล้วงานนี้ไม่ใช่งานแสดงความสามารถธรรมดาแต่เป็นงานสำหรับเอาไว้ให้เหล่าองค์ชายทั้งหลายต่างเลือกผู้ที่มีความสามารถเข้ามาเป็นฝ่ายของตน เพราะสงครามภายในกำลังจะเริ่มขึ้นอีกไม่ถึงสิบปีข้างหน้า!
ตอนนี้งานได้เริ่มขึ้นแล้วผู้ใดถูกขานชื่อจะต้องขึ้นมาบนลานประลองและแสดงความสามารถที่คิดว่ายอดเยี่ยมที่สุดของตนออกมา ผู้ที่ได้รับคะแนนมากที่สุดจะได้รับรางวัลอันทรงเกียรติซึ่งสามารถขออะไรก็ได้หนึ่งอย่าง โดยที่สิ่งนั้นทางราชวงศ์หย่งจะต้องสามารถทำได้
รุ่นเยาว์แต่ละคนต่างแสดงความสามารถมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการร่ายรำกระบี่ หรืออาวุธอื่นๆจำนวนมาก รวมถึงการปรุงโอสถ การสร้างค่ายกล และใช้สัตว์อสูรโจมตีผสานกันได้โดยนักฝึกสัตว์
“หนุ่มน้อยผู้นี้ทำตามขบวนการปรุงโอสถได้อย่างราบลื่น รวมถึงการควบคุมเปลวเพลิงได้อย่างชำชอง ทำให้โอสถที่หลอมออกมามีคุณภาพสูงนัก ข้าจะรับหนุ่มน้อยนี้ไปเป็นนักปรุงโอสถที่ตำหนักของข้า”
ผู้อาวุโสผู้หนึ่งดวงตาเปล่งประกายขณะจ้องมองมาที่ชายหนุ่มบนลานประลองพลางลูบเคราที่ยาวของตนเอง
“โอ้ เด็กคนนี้สามารถเข้าใจถึงท่าดาบได้อย่างชำนาญขนาดนี้ แสดงว่าต้องเป็นคนที่ฝึกฝนอย่างหนักและตั้งอกตั้งใจอย่างแน่นอน ข้าเกิดมาไม่ได้มีพรสวรรค์มากเช่นเดียวกัน แต่อาศัยความเพียรพยายามทำให้สามารถมาถึงจุดนี้ได้ เด็กคนนี้เหมาะเป็นผู้สืบทอดของข้า!”
เหล่าผู้อาวุโสต่างชื่นชมอัจฉริยะที่แสดงความสามารถออกมา พวกเขาแทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะจบงานนี้อย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะรับอัจฉริยะที่พวกเขาเลือกมาเป็นคนของตน
“กัวซู่หาน!” เสียงเรียกของผู้อาวุโสดังขึ้น
หญิงสาวที่มีนามว่า ‘กัวซู่หาน’ นางเดินขึ้นบนลานประลองด้วยท่าทีสงบและท่วงทีงดงาม ใบหน้าของนางเรียบเฉยไม่ได้แสดงอารมณ์ใดออกมา แต่กลับงดงามตรึงใจชวนให้บุรุษทั้งหลายต่างใฝ่ฝันที่จะครองคู่ด้วย เหล่าชายหนุ่มทั้งหลายถึงตกอยู่ในมนต์สะกด นางมีผมยาวสีน้ำตาลสลวยเงางาม ใบหน้าอันงดงามปานภาพวาดของหญิงสาวทั่วหล้าต่างพากันอิจฉาริษยา สายตาของนางนั้นกวาดมองคนล้อมข้างด้วยสายตาไม่แยแส
พิณสีขาวนวลราวกับน้ำนมปรากฏขึ้นมันเป็นอาวุธคู่กายของนาง นางเริ่มขยับนิ้วมืออย่างอ่อนโยนราวกับกำลังลูบแมวน้อยที่น่ารักตัวหนึ่งอยู่ เสียงเพลงไพเราะเสนาะหูส่งผลให้ผู้คนโดยรอบต่างยิ่งหลงใหลในเสน่ห์ของนางมากขึ้น พลังปราณแผ่กระจายออกมาเป็นวงกว้างกินอาณาบริเวณไปถึงยี่สิบลี้มันทำให้ผู้คนหลงเข้าไปในโลกของนางแล้ว!
ภาพที่เห็นในตาของพวกเขาเป็นภาพเหตุการณ์ที่บทเพลงได้สื่อออกมา มันทำให้ผู้คนหลงใหลไปกับมัน ทัศนียภาพวิจิตรตระการตาเด่นชัดขึ้นสู่สายตา ทิวเขาลำห้วยแม่น้ำกลมกลืนกันและกันก่อให้เกิดภาพราวสรวงสวรรค์ ท้องฟ้าสีครามหมู่เมฆเพลินตาประดับไปด้วยดวงอาทิตย์อันอบอุ่น ต้นไม้สูงใหญ่ข้างกายกลายเป็นร่มเงาให้ร่มเย็นพร้อมกับสายลมที่โชยพัดผ่านความสงบเข้าสู่จิตใจของทุกคน
เมื่อบทเพลงบรรเลงจบลง หญิงสาวก้าวลงจากลานประลองก่อนที่เสียงโห่ร้องของชายหนุ่มจำนวนมากดังขึ้นไม่ต่างจากกองทัพที่ได้รับชัยชนะจากศึกสงคราม!
กุนไท่รู้สึกตกใจไม่น้อย เขาไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับผู้ใช้มายาคนแรกนอกจากตน เขามองไปที่หญิงสาวผู้นั้นด้วยความสนใจและสงสัย หญิงสาวผู้นั้นรับรู้ได้ถึงสายตาของกุนไท่ก็หันมามองเช่นกันทั้งสองสบสายตากัน ทันใดนั้นหญิงสาวรู้สึกว่าตนเองถูกดึงไปอีกโลกหนึ่งและถูกปีศาจมากมายกลืนกิน มันเป็นภาพที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก นางพลันได้สติกลับมาในโลกของตนเอง ใบหน้าซีดขาวและรู้สึกหวาดกลัวต่อภาพเหตุการณ์เมื่อครู่มันเกิดขึ้นแค่เพียงชั่วพริบตาเดียว แต่กลับให้ความรู้สึกตกอยู่ในนรกนานนับวัน!
การสบตาเมื่อครู่นี้เป็นการลองเชิงของผู้ใช้มายา กัวซู่หานได้รับความพ่ายแพ้ไปแล้ว นางรู้แล้วว่าอีกฝ่ายก็เป็นผู้ใช้มายาเช่นเดียวกัน หญิงสาวไม่คิดที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ เพราะยังไม่ได้ต่อสู้กันอย่างเต็มรูปแบบ ส่วนก่อนหน้านี้ที่นางพ่ายแพ้นั่นเป็นเพราะว่าพลังจิตของนางอาจจะด้อยกว่าอีกฝ่าย กัวซู่ห่านรู้สึกไม่ยอมรับว่าตนเองพ่ายแพ้จึงคิดจะหาโอกาสท้าสู้กับอีกฝ่าย!