บทที่ 63 สร้างความอับอาย
บทที่ 63 สร้างความอับอาย
กุนไท่มองไปยังอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง ใบหน้าอันคมคายเผยรอยยิ้มออกมาเขาไม่ได้แสดงความกังวลออกมาเลยแม้แต่น้อย กลิ่นอายพิเศษที่สูงส่งเหนือสิ่งใดบนโลกใบนี้แพร่กระจายออกมาราวกับสายลมที่ก่อตัวขึ้น
ผู้คนจำนวนมากที่อยู่บริเวณนั้นต่างทิ้งกายลงพื้นพร้อมกับใบหน้าพริ้มพราย สีหน้าของเกาเทียนฉีแปรเปลี่ยนไป มันเต็มไปด้วยความตกตะลึง เหตุใดทุกคนจึงได้สลบกันหมดเช่นนี้ ชายหนุ่มตรงหน้านี้เล่นตลกอะไรกันแน่!
เกาเทียนฉีเริ่มไม่แน่ใจในความแข็งแกร่งของตนเอง พลังปราณของมันถูกกดข่มไปสามส่วนทำให้ไม่สามารถแสดงพลังเต็มที่ได้อีกต่อไป
กุนไท่ไม่รอช้าที่จะแสดงพลังของตนเองออกมา พลังมายาสร้างโลกมายาเสมือนจริงขึ้นมา ทัศนียภาพโดยรอบของเกาเทียนฉีเปลี่ยนไป มันได้กลายเป็นพื้นที่ซึ่งมีแต่สัตว์ประหลาดน่าเกลียดน่ากลัว พวกมันมีกระทั้งปีศาจที่น่าสะพรึงแต่ละตัวนั้นมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับเกาเทียนฉี!
ตอนนี้กุนไท่ได้นั่งอยู่บนบันลังสีขาวราวกับไข่มุกมันดูยิ่งใหญ่เกรียงไกร ชายหนุ่มในยามนี้ดูราวกับองค์จักรพรรดิผู้ปกครองโลกใบนี้ สิ่งมีชีวิตทั้งหลายบนโลกต่างต้องทำตามคำสั่งอย่างไร้ข้อแม้ พวกมันแต่ละตัวเดินเข้าหาเกาเทียนฉีอย่างรีบร้อนแต่กลับสร้างแรงกดดันแก่มันอย่างมหาศาล สายตาที่พวกมันมองมาราวกับอาหารอันโอชะที่น่าลิ้มลอง
“ไม่! อย่านะ!”
เสียงร้องของเกาเทียนฉีดังขึ้นอย่างหวาดกลัว มันพยายามตะเกียกตะกายหนีอย่างสุดชีวิตแต่ความคิดนี้ช่างตื่นเขินเกินไปสิ่งมีชีวิตพวกนี้มีอยู่เต็มไปหมดทั้งล้อมหน้าล้อมหลัง และยังมีสัตว์อสูรที่กำลังบินฉวัดเฉวียนอยู่บนฟ้า
เกาเทียนฉีตกอยู่ในความกลัวอย่างถึงที่สุด มันร้องไห้ออกมาพร้อมกับน้ำที่ไหลออกมาจากตรงหว่างขาของมัน กุนไท่สลายพลังของมันไปอย่างรวดเร็วทัศนียภาพของทั้งสองกลับมาเป็นดั่งเดิม
ขณะที่เกาเทียนฉีกำลังโอดครวญส่งเสียงดังส่งผลให้คนรอบข้างเริ่มรู้สึกตัวแล้วตื่นขึ้นด้วยความงุนงง แต่เมื่อพวกมันได้เห็นท่าทีของเกาเทียนฉีแล้วความสับสนงุนงงจึงก่อตัวขึ้นภายในจิตใจ ภาพในหัวของพวกมันคือเกาเทียนฉีผู้ไร้พ่ายที่ต่อสู้กับอัจฉริยะจากทั่วสารทิศมากมายและได้ชื่อว่าเป็นไร้พ่ายในหมู่รุ่นเยาว์
แต่ชายที่ทุกคนต่างให้ความเคารพและได้รับการยอมรับกลับกลายเป็นน่าอัปยศอดสู่ถึงเพียงนี้! ความคิดของพวกมันหมุนวนอย่างรวดเร็ว แล้วมีความคิดหนึ่งขึ้นมาว่าพวกเขายังไม่ตื่นจากฝัน
“นะ…นี่มัน! เรื่องอะไรกัน!”
“เหตุใดพวกเราจึงหลับไป? แล้วพอตื่นขึ้นมา มันเกิดสิ่งใดขึ้นกับพี่ใหญ่กัน!”
เหล่ารุ่นเยาว์ต่างอุทานออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อ เกาเทียนฉีที่เริ่มได้สติกลับคืนมาจึงลืมตาขึ้นพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆ เมื่อได้เห็นสีหน้าของแต่ละคนใบหน้าของมันจึงซีดในทันที กุนไม่ยืนยิ้มบางพลางกอดอกก่อนจะกล่าวขึ้น
“ข้าไม่ได้เป็นผู้ที่เริ่มก่อน แต่เป็นท่านต่างหากล่ะพี่ใหญ่!”
“จะ...เจ้า! เจ้าทำอะไรกับข้า! เมื่อกี้เกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่!”
เกาเทียนฉีกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่น มันชี้มาที่ชายหนุ่มด้วยความหวาดกลัว!
“ข้าเป็นผู้ใช้มายา เมื่อกี้นี้คือพลังมายาของข้า แต่ข้าบอกไว้ก่อนเลยนะว่า แม้มันจะเป็นแค่มายาแต่มันก็สามารถทำให้ท่านตายได้เช่นกัน” กุนไท่ตอบกลับไป
“ฝากไว้ก่อนเถอะ! แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!”
เกาเทียนฉีกล่าวจบก็รีบวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนรุ่นเยาว์คนอื่นๆเห็นว่าพี่ใหญ่ของพวกมันจากไปแล้วพวกมันจึงรีบตามไปโดยไม่รีรอ แม้พวกมันจะสงสัยใคร่รู้ว่าพี่ใหญ่ของมันเห็นสิ่งใดกันแน่ แต่พวกมันก็ฉลาดที่จะไม่ถามถึงเรื่องนั้นและยังจดจำไว้ขึ้นใจด้วยอีกว่า จะไม่เป็นศัตรูกับชายผู้นี้อีกเป็นอันขาด!
ข่าวเรื่องที่เกาเทียนฉีถึงกลับฉี่ราดออกมานั้นแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ทั้งเหล่าผู้อาวุโสและบุคคลระดับสูงรวมถึงผู้นำรุ่นเยาว์หลายคนที่มีระดับบ่มเพาะที่สูงกว่าเกาเทียนฉียังนำหัวข้อนี้มาพูดคุยกัน
ภายในวังหลวงมีห้องหรูหราอยู่ห้องหนึ่งมันตกแต่งไปด้วยสิ่งของล้ำค่า ภายในห้องมีชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งนั่งบ่มเพาะข้างกันอยู่ ชายวัยกลางคนผู้นั้นมีสถานะถึงผู้อาวุโสหนึ่ง! ส่วนหญิงวัยกลางคนคือผู้อาวุโสห้า ทั้งคู่เป็นบิดามารดาของเกาเทียนฉี!
“นายท่าน ข้าน้อยมีเรื่องจะมารายงาน!”
คนรับใช้ผู้หนึ่งวิ่งมาอย่างตื่นตระหนก แม้จะเป็นข้ารับใช้แต่กลับสวมใส่อาภรณ์ที่มีมูลค่าเทียบได้กับพ่อค้าที่ร่ำรวย
“พูดมา!”
ผู้อาวุโสหนึ่งกล่าวโดยที่ยังไม่ได้ลืมตาขึ้นมาและไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ
“มีข่าวออกมาเกี่ยวกับคุณชาย! เรื่องก็คือ…”
ข้ารับใช้ผู้นั้นเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทั้งสองฟัง มีทั้งการใส่สีตีไข่จากผู้ที่เล่ามา ขณะที่ฟังสีหน้าของผู้อาวุโสหนึ่งกับผู้อาวุโสห้าแปรเปลี่ยนไป ใบหน้าของทั้งสองเริ่มแดงก่ำเต็มไปด้วยโทสะที่สามารถระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ
“เจ้าเด็กนั้นมันเป็นใคร! ข้าจะเป็นคนฆ่ามัน!”
ผู้อาวุโสหนึ่งคำรามด้วยความเดือดดาล
“ข้าน้อยไปสืบมาแล้ว มันมีนามว่ากุนไท่เป็นรุ่นเยาว์ที่มาตามคำแนะนำของผู้อาวุโสสิบสี่และยี่สิบ!”
คนรับใช้ตอบกลับไปด้วยความเคารพและหวาดกลัวออกมา
“บังอาจนัก! หาญกล้ามาจากที่ใด? ถึงได้กล้าสร้างความอับอายแก่บุตรชายของข้าผู้นี้!”
ผู้อาวุโสห้ากล่าวด้วยพลางกัดฟันด้วยแน่น พลังปราณในขอบเขตยอดฝีมือของนางระเบิดออกมา สร้างแรงกดดันให้กับข้ารับใช้อย่างมาก!
“แต่ว่าตอนนี้เรายังทำอะไรมิได้ ต้องรอให้งานแสดงความสามารถจบลงก่อน แล้วเราค่อยจัดการมันทีหลัง!” ผู้อาวุโสหนึ่งกล่าวพลางปรับอารมณ์ให้เป็นดั่งเดิม
วันต่อมากุนไท่หยุดการบ่มเพาะแล้วออกจากที่พำนักเพื่อไปเข้าร่วมงานแสดงความสามารถ เขาตั้งใจว่าจะใช้พลังมายาทำให้บุคคลระดับสูงเห็นความสำคัญของตน วันนี้ชายหนุ่มสวมใส่อาภรณ์สีน้ำเงินเฉกเช่นเดียวกับสีผม เส้นผมของเขาสยายไปตามสายลมทำให้หญิงสาวมากมายต่างหันไปมองเขาด้วยหลงใหล กลิ่นอายพิเศษที่แผ่ออกมาแต่ไม่ได้แพร่กระจายไปหาผู้อื่น แต่กลับรวมตัวกันรอบตัวของกุนไท่อย่างน่าอัศจรรย์ ตอนนี้เขาเริ่มที่จะควบคุมกลิ่นอายของตนเองไว้ได้แล้ว แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม!