ตอนที่ 153-154
ตอนที่ 153 : ที่เถ้าแก่พูดก็มีเหตุผล
“ขอซื้อทุกอย่างในร้านนี้!”
ดวงตาของเหว่ยอี้เผยประกายเพลิงแห่งความตื่นเต้นลุกโชน
หากนำของเหล่านี้กลับสู่หุบเขาโอสถ นั่นย่อมเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่!
หลิวลู่อวี่จับจ้องเหว่ยอี้ด้วยสายตาเหยียดหยาม นางกล่าว “เหอะเหอะ เหว่ยอี้ เจ้าจะทำตัวใหญ่โตเกินไปแล้ว!”
ตี้อู๋อู่หยิงหรี่ดวงตาลงเล็ก ร่างนั้นเผยออร่าอันตรายออกมา
เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีใดผิดพลาด เขาย่อมต้องลงมือที่นี่และตรงนี้โดยทันที!
แม้คนทั้งสามคุ้นเคยต่อกัน ทว่าเผชิญหน้าสิ่งเลิศล้ำเช่นนี้ มิตรสหายล้วนพร้อมฉีกขาดได้ทุกเมื่อ!
“แค่ก แค่ก”
พบเห็นคนทั้งสามคิดเปิดศึกต่อกันภายในร้าน เหยาซือหยานจึงไม่อาจยืนนิ่งเฉยปล่อยให้เกิดเรื่อง
นางกระแอมไอเสียงเบาเป็นการเตือน
ขณะนี้คนทั้งสามจึงจดจำได้ ว่าที่อยู่ขณะนี้คือร้านต้นตำรับที่เบื้องลึกเบื้องหลังไม่อาจหยั่งได้ถึง!
ทั้งสามจึงค่อยแค่นเสียงใส่กัน
แม้ปรารถนาจัดการอีกฝ่ายที่ตรงนี้ ทว่าที่ทำได้ก็เพียงจับจ้องใส่
“ในร้านอย่าได้ต่อสู้ หากกระทำเช่นนั้นจะถูกบันทึกลงบัญชีดำของทางร้าน” เหยาซือหยานกล่าวคำเบา “นอกจากนี้แล้วกฎอื่นของทางร้านเขียนไว้ตรงหน้า แนะนำให้อ่านเพื่อทราบเสียก่อน”
เหยาซือหยานชี้นิ้วไป
กฎของร้าน?
คนทั้งสามชะงัก
รับชมทิศทางที่เหยาซือหยานชี้ไป ที่พบเห็นคือกระดานสีขาวแน่นด้วยตัวอักษร
“กฎมากมายนัก...” เหว่ยอี้หางตากระตุกอย่างไม่ทราบว่าควรกล่าวอะไรต่อ
ต่อให้เป็นหุบเขาโอสถก็ยังไม่มีกฎมากมายเช่นนี้
“หนึ่งคนสามารถซื้อสินค้าในร้านได้อย่างละชิ้นต่อวัน นี่มันสมเหตุสมผลงั้นหรือ?”
หลิวลู่อวี่ขมวดคิ้วพร้อมเผยเสียงไม่พอใจ
พบเห็นสมบัติกองเป็นภูเขา กระนั้นเลือกหยิบได้เพียงชิ้นเดียว เรื่องนี้ยากทำใจได้
ยากทำใจแล้วอย่างไร?
“กฎเหล่านี้เถ้าแก่ตั้งขึ้น มีคำถามใดไปสอบถามต่อเขาได้”
เหยาซือหยานเผยยิ้มก่อนจะโยนเผือกร้อนไปยังลั่วฉวนอย่างไม่ลังเล
คนทั้งสามอดไม่ได้ที่จะหันสายตามองไปทางลั่วฉวน
ลั่วฉวนย่อมได้ยินถ้อยคำทั้งหลาย ขณะนี้อดไม่ได้ที่จะต้องลอบกลอกตา
นางออกจะซุกซนเกินไปแล้ว
ด้วยนอนตลอดทั้งช่วงเช้า ลั่วฉวนจึงคิดว่าควรได้เวลาลุกขึ้นไปเดินเล่นพอดี
ขณะนี้จึงลุกขึ้นจากม้านั่งและเข้ามาในร้าน
รับชมคนทั้งสาม เขาจึงกล่าวออกอย่างเรียบเฉย “มีปัญหาใดกับกฎของทางร้านอย่างนั้นหรือ?”
ด้วยฐานะเถ้าแก่ร้าน ลั่วฉวนได้เผยออกซึ่งออร่าชวนสะพรึง
เหว่ยอี้และหลิวลู่อวี่เผชิญหน้ากับลั่วฉวน ขณะนี้จึงนิ่งค้างอย่างไม่ทราบควรกล่าวคำใดออก
กระนั้นตี้อู๋อู่หยิงกลับเผยความตรงไปตรงมา เขาพยักหน้ารับพร้อมเอ่ยถาม “ข้ารู้สึกว่ากฎเหล่านี้ไม่สมเหตุสมผลจนเกินไป”
ลั่วฉวนจึงตอบ “อะไรที่ไม่สมเหตุสมผล?”
เหว่ยอี้และหลิวลู่อวี่ตื่นตะลึง
ไม่เพียงแต่ตื่นตะลึงที่ตี้อู๋อู่หยิงกล้าถามสิ่งที่ค้างคา แต่ยังประหลาดใจที่ลั่วฉวนไม่โกรธแต่อย่างใด
อันที่จริงคนทั้งสองไม่ทราบ ว่าตราบเท่าที่ไม่แหกกฎของร้านต้นตำรับ ลั่วฉวนย่อมมีมารยาทอันดีด้วย
นอกจากนี้ ลั่วฉวนยังเผยท่าทีต่อผู้อื่นว่าอย่าได้หาเรื่องข้า และข้าจึงจะไม่หาเรื่องต่อเจ้า
หากผู้ใดหาเรื่องด้วย เช่นนั้นต้องเตรียมใจแบกรับกลับคืนนับร้อยเท่า!
ตี้อู๋อู่หยิงกล่าวต่อ “ส่วนอื่นพอเข้าใจ แต่ไฉนจึงซื้อสินค้าได้เพียงอย่างละชิ้นต่อวัน?”
ลั่วฉวนตอบคำราบเรียบ “หากไม่มีกฎดังกล่าว ไม่ใช่ว่าจะมีลูกค้าเช่นพวกเจ้าคิดอยากซื้อเหมาร้านงั้นหรือ? ถึงตอนนั้นลูกค้าอื่นที่มาร้านจะซื้ออะไร?”
ตี้อู๋อู่หยิงต้องชะงัก
เรื่องนี้...
เหมือนจะสมเหตุสมผลจริง...
ตอนที่ 154 : ตกใจอย่างเท่าเทียม
“หากคิดอยากซื้อหาอะไร ก็จ่ายผลึกวิญญาณที่ซือหยาน ข้าขอตัวไปเล่นเกมก่อนแล้ว”
คำกล่าวจบ ลั่วฉวนจึงไปนั่งสวมใส่หมวกและเข้าสู่หอคอยแห่งการทดสอบ
คนทั้งสามได้แต่มองตาค้าง
เถ้าแก่หนุ่มผู้ลึกลับถึงกับมีนิสัยเช่นนี้!
“หือ? หน้าใหม่งั้นหรือ?” เสียงเอ่ยถามด้วยความสงสัยดังขึ้น
เป็นสองพี่น้องปู้หลี่เกื๋อและปู้ฉืออีที่เข้ามายังร้าน
แน่นอนว่าเจียงเฉิงจวินก็ตามมาเช่นกัน
คนทั้งสามของสองฝ่ายต่างมองกันเอง
เหว่ยอี้และคณะพยักหน้ารับ
ด้วยเพราะเป็นลูกค้าคุ้นเคยกับร้าน ดังนั้นตัวตนของคนทั้งสามย่อมไม่ใช่ธรรมดาเป็นแน่
เจียงเฉิงจวินมีนิสัยเข้าหาคนง่าย ขณะนี้เผยยิ้มกล่าวคำ “คงเป็นครั้งแรกที่มาร้าน และคงได้ทราบกฎของเถ้าแก่แล้วกระมัง?”
กล่าวคำเช่นนี้ เขาจึงเผยสายตามองทางลั่วฉวนที่เล่นเกม
เหว่ยอี้พยักหน้ารับ
ไฉนเจ้าพวกนี้จึงรู้ได้?
“รับชมจากสีหน้าก็พอทราบแล้วว่าได้เจออะไรมา!” เจียงเฉิงจวินยื่นมือออกไปตบไหล่ตี้อู๋อู่หยิงพร้อมเผยยิ้ม
ตี้อู๋อู่หยิงจับจ้องฝ่ามือที่วางบนไหล่ คิ้วขมวดเล็กน้อย ขณะนี้สายตาจับจ้องเจียงเฉิงจวิน
พร้อมกันนี้ความเย็นเยือกได้ปรากฏในสายตา
หากไม่ใช่เพราะกฎของร้านที่อ่านเมื่อครู่ ก็เกรงว่าเขาจะชักดาบออกมาสับฟันผู้คนไปแล้ว
เจียงเฉิงจวินเองก็ตระหนักได้ดีถึงท่าที ขณะนี้จึงดึงมือกลับคืนพร้อมเผยยิ้มรับเรื่อง
“สหายผู้นี้รักชอบความสะอาดนี่เอง ต้องขออภัย...”
ปู้ฉืออีเลือกมุ่งตรงไปยังชั้นวางพร้อมคว้าถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ถัดจากนั้นจึงไปยังเครื่องทำน้ำร้อนพร้อมรินออกมา
“พี่ชายท่านนั้น กำลังทำอะไรอยู่งั้นหรือ?” เหว่ยอี้กล่าวถามด้วยความสงสัย
“เติมน้ำร้อน!” ปู้หลี่เกื๋อตอบรับ “เผื่อยังไม่ทราบ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต้องต้มด้วยน้ำร้อนของทางร้านจึงจะเพิ่มความเร็วการฝึกฝนได้”
เหว่ยอี้พยักหน้ารับทราบความ
ถึงกับมีเรื่องราวซ่อนเร้นเช่นนี้ด้วย!
“แน่นอนว่าน้ำร้อนในร้านเถ้าแก่ต้องจ่ายด้วยผลึกวิญญาณ” เจียงเฉิงจวินกล่าวเสริม
“ผลึกวิญญาณ? เท่าใดกัน?” หลิวลู่อวี่เผยความสนใจ
เพียงน้ำร้อนยังต้องจ่ายด้วยผลึกวิญญาณ!
คล้ายว่าหากคิดอยากได้สรรพคุณเพิ่มความเร็วการฝึกฝน เช่นนั้นก็อย่าได้มองผิวเผินเพียงค่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่สิบผลึกวิญญาณแล้ว
“หนึ่งร้อยผลึกวิญญาณ” เจียงเฉิงจวินกล่าวตอบ
“หนึ่งร้อยสิบผลึกวิญญาณ เร่งความเร็วการฝึกฝนสิบเท่าในหนึ่งชั่วโมง มูลค่าเท่านี้ถือว่าไม่แพง!” หลิวลู่อวี่กล่าวรับคำ
ขณะนี้เองที่เหว่ยอี้พลันเผยดวงตาเบิกกว้าง ราวกับพบเจอเรื่องราวเกินจะเชื่อได้
เขากลืนน้ำลายพร้อมพึมพำออก “อย่าได้บอกนะว่าน้ำร้อนนั่น แท้จริงไม่ใช่น้ำร้อนธรรมดา...”
หลิวลู่อวี่และตี้อู๋อู่หยิงต่างงงงัน ว่าเมื่อครู่เหว่ยอี้กล่าวอะไรออกมา
แต่ทว่าคำกล่าวของศิษย์ตรงโดยผู้อาวุโสหุบเขาโอสถย่อมไม่ใช่เมินเฉย!
“พี่ชายท่านนี้สายตาดียิ่งนัก!”
เจียงเฉิงจวินเผยยิ้มแย้มยินดีเพราะได้พบเห็นสีหน้าตื่นตะลึงของลูกค้าใหม่
เขาจดจำได้ดีว่าครั้งแรกที่ตนมาเยือนร้านเป็นอย่างไร ก็ตกใจเฉกเช่นคนเหล่านี้ยามพบเห็นสินค้าที่วางขาย
เรื่องเช่นนี้ตนเองตกตะลึงแล้ว คนอื่นก็ต้องตกตะลึงเช่นกันถึงจะถูก!
“น้ำร้อนของร้านเถ้าแก่ มันคือน้ำพุแห่งชีวิต!” เจียงเฉิงจวินยิ้มกล่าว
“แค่กแค่กแค่ก! เมื่อครู่เจ้ากล่าวว่าอะไร?!” เหว่ยอี้อดไม่ได้ที่จะสำลักกระแอมไอออกมา