ตอนที่ 151-152
ตอนที่ 151 : ไฉนจึงไม่เข้าใจ
เหยาซือหยานเผยยิ้มยามพบเห็นคนทั้งสามเข้ามาในร้าน
ด้วยมีลูกค้าใหม่ถึงสามคน กิจการของร้านย่อมต้องดีขึ้น!
ขณะนี้ในร้านมีแต่เหยาซือหยาน หลังจากคณะของหยิงอู๋จี้กลับไปก็ไม่มีลูกค้าอื่นมาเยือนร้าน
คณะของเหว่ยอี้จึงรับชมไปยังทิศทางต้นเสียง ฉับพลันจึงได้พบเห็นโฉมงามประหนึ่งภูติยืนอยู่ด้านหลังโต๊ะรับเงิน
สตรีงดงามผู้นี้ไม่ใช่ตัวตนที่ควรอยู่บนโลก!
ขณะพบเห็นเหยาซือหยาน หลิวลู่อวี่ที่ลำพองตนว่าวิเศษ ขณะนี้อดไม่ได้ที่จะเกิดความอับอายขึ้นมา
“ข้านามเหยาซือหยาน เป็นเสมียนประจำร้านแห่งนี้ มีคำถามใดสามารถสอบถามได้ทุกเมื่อ”
เหยาซือหยานคุ้นเคยกับปฏิกิริยาเช่นนี้ของลูกค้า ดังนั้นจึงเผยยิ้มพูดกล่าว
ขณะนี้เองที่เหว่ยอี้และหลิวลู่อวี่ค่อยดึงสติกลับคืน ทั้งสองกระแอมไอกลบเกลื่อนความเคอะเขิน
ถึงกับเสียความนึกคิดไปครู่หนึ่ง เรื่องพวกนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมานานแล้ว!
ส่วนทางด้านตี้อู๋อู่หยิง พบเห็นเหยาซือหยาน เขาเพียงหรี่ตาเล็กน้อยราวครุ่นคิดบางอย่าง
“หมายความถึงเป็นเสมียนประจำร้านนี้อย่างนั้นหรือ?” หลิวลู่อวี่กล่าวถาม
เถ้าแก่คิดอะไรจ้างโฉมงามล่มเมืองขนาดนี้มาเป็นเสมียนประจำร้าน?
เหยาซือหยานพยักหน้ารับ
ขณะนี้หลิวลู่อวี่แทบเข้าใจแล้วว่าไฉนเถ้าแก่ไม่มองนางอยู่ในสายตาที่หน้าร้าน
“ไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์ใช่หรือไม่?” ตี้อู๋อู่หยิงพลันโพล่งถาม
เหว่ยอี้และหลิวลู่อวี่ได้ยินคำ ดวงตานั้นต้องหดแคบลง
บอกกล่าวตามตรง ครั้งได้เห็นเส้นผมและดวงตาสีม่วงของเหยาซือหยาน คนทั้งสองประหลาดใจก็จริง เพราะไม่เคยพบเห็นคนทั่วไปมีสีเช่นนี้แต่กำเนิด
ทว่าก็เท่านั้น ทั้งสองไม่ได้คิดอื่นใดให้มากความ
ขณะนี้คล้ายว่าตัวจริงของนางจะไม่ใช่ธรรมดาแล้ว!
เหยาซือหยานพยักหน้ารับ “ถูกต้อง ข้าเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าพันธุ์สัตว์อสูร”
“นั่นสินะ” ตี้อู๋อู่หยิงกล่าวคำเบา
แม้เขาประหลาดใจที่เหยาซือหยานยอมเปิดเผยตัวตนง่ายดายเช่นนี้ ทว่าก็ไม่ได้ดึงดันจะกล่าวถึงหัวข้อนี้ต่อ
เผ่าพันธุ์สัตว์อสูร ผู้ฝึกตนต่างก็มีท่าทีเฉยชาด้วยอยู่แล้ว
“กลายเป็นว่าแม่นางเหยาเป็นเผ่าพันธุ์สัตว์อสูร ไม่ทราบแล้วว่าทำไมจึงมาเป็นเสมียนประจำร้านแห่งนี้ได้?” เหว่ยอี้กล่าวถามด้วยความสงสัย
พอคิดถึงเรื่องนี้ เหยาซือหยานจึงเผยคำอย่างจริงจัง “บางทีเพราะข้าชื่นชอบชีวิตที่นี่”
เหว่ยอี้เผยสีหน้างงงัน
นั่นคำตอบงั้นหรือ?
นับเป็นโชคดี ที่เหว่ยอี้ทราบดีว่าไม่ควรถามต่อให้มากความกว่านี้
สัตว์อสูรสามารถจำแลงกาย อย่างน้อยก็ต้องขอบเขตทดสอบเต๋า!
หรือก็คือ สตรีตรงหน้าแท้จริงเป็นยอดฝีมือขอบเขตทดสอบเต๋า!
อย่างนั้นกำลังของเถ้าแก่ที่นอนตากแห้งหน้าร้านจะเป็นเช่นไร?
อย่างกะทันหัน ตัวตนของร้านต้นตำรับแห่งนี้ภายในใจคนทั้งสามพลันต้องทะยานถึงระดับไม่อาจยั่วยุได้!
“แม่นางเหยา ไม่ทราบว่าสินค้าในร้านมีอะไรบ้าง?” หลิวลู่อวี่กล่าวถาม
นางตระหนักได้เมื่อครู่ ว่าสิ่งของที่ขายในร้านล้วนแปลกตา
ที่นี่ไม่ใช่ทั้งร้านอาวุธ และก็ไม่ใช่ทั้งร้านยา
“ขณะนี้สินค้าเป็นรูปธรรมที่ขายในร้านก็จะมีโคล่า แท่งเครื่องเทศ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และไวน์หยก ทว่าไวน์หยกสินค้าหมด สินค้าเสมือนจริงจะเป็นหอคอยแห่งการทดสอบและระบบฝึกสอนทำอาหาร” เหยาซือหยานกล่าวบอก
ว่าอะไร?
คนทั้งสามเผยสีหน้างงงันนิ่งค้าง
สินค้ารูปธรรม?
สินค้าเสมือนจริง?
ไฉนจึงรู้สึกว่าคำกล่าวนี้เหมือนธรรมดา? แต่แล้วพวกตนกลับไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรกันแน่?
อย่างไรก็ดี จากชื่อก็พอทำให้เข้าใจได้ โดยเฉพาะระบบฝึกสอนทำอาหาร
กระนั้นก็ต้องกล่าว ว่าร้านนี้ไม่น่าจะมีที่ให้ฝึกสอนทำอาหารกระมัง?
ตอนที่ 152 : สามคนที่ตื่นตะลึง
“แค่กแค่ก แม่นางเหยาพอจะอธิบายเพิ่มเติมได้หรือไม่?”
เหว่ยอี้มีความรู้กว้างขวาง ทว่าพบเจอร้านต้นตำรับต้องทำเอาเขากลายเป็นคนดวงตามืดบอด
“สินค้ารูปธรรมก็คือสินค้าที่วางไว้บนชั้นเหล่านั้น” เหยาซือหยานชี้ไปยังชั้นวางผลึกแก้วที่อยู่ใกล้เคียง
ลั่วฉวนเป็นคนบอกต่อนางถึงคำสินค้ารูปธรรมและสินค้าเสมือนจริง
เหยาซือหยานที่ได้ยินครั้งแรก ก็พอว่าชื่อทั้งสองนี้ค่อนข้างเหมาะสม
แต่ก็มีข้อกังขาว่าเถ้าแก่นึกนามเหล่านี้ออกมาได้อย่างไรกัน!
“ด้านล่างของสินค้าจะมีคำแนะนำเขียนเอาไว้ ทดลองอ่านรับชมดูได้” เหยาซือหยานกล่าวต่อ
คนทั้งสามพยักหน้ารับ
ร้านขายโอสถทั้งหลายต่างก็มีสรรพคุณเขียนไว้ชัดเจนเช่นเดียวกัน
จากมุมมองนี้ หรือร้านต้นตำรับจะเป็นร้านขายโอสถประเภทหนึ่ง?
ด้วยความสงสัย คนทั้งสามจึงเดินไปรับชม
ที่บนชั้นคือขวดโคล่า
เหว่ยอี้ต้องขมวดคิ้วเผยความครุ่นคิด “ของเหลวสีดำในขวด เป็นโอสถน้ำอย่างนั้นหรือ?”
ด้วยฐานะศิษย์ของหุบเขาโอสถ เหว่ยอี้ย่อมไวต่อโอสถไม่ว่าทั้งเม็ดหรือน้ำ
“โอสถนี้ดูไม่ค่อยดีเท่าใดนัก ลองอ่านสรรพคุณดู” หลิวลู่อวี่กล่าวออก
“ได้ ขอรับชม”
จากนั้นเขาจึงพิจารณาข้อมูลของโคล่า
หลังได้ท่าน เหว่ยอี้ต้องสูดลมหายใจเข้าลึก
สำหรับนักปรุงยา เหว่ยอี้ทราบดีว่าโคล่านี้ให้สรรพคุณชวนสะพรึงเพียงใด
รักษาอาการบาดเจ็บทั้งหมดที่ไม่ถึงตาย?
เกรงว่าจะมีแต่เม็ดยาระดับสูงล้ำหาได้ยากจึงสำเร็จผลเช่นนี้กระมัง?
เม็ดยาเทพประทานเหล่านั้นมูลค่าย่อมต้องสูงล้ำ มีผลึกวิญญาณนับหมื่นยังไม่อาจซื้อหา
กระนั้นด้วยสรรพคุณใกล้เคียงกัน ไม่สิ โคล่านี้กล่าวได้ว่าดีกว่าด้วยซ้ำ ทั้งยังขายด้วยมูลค่าเพียงสิบผลึกวิญญาณ!
ผ่านไปครู่ เหว่ยอี้ค่อยรู้สึกว่ามุมมองต่อโลกนั้นถูกพังทลายลงต่อหน้า
หากมันราคาแพงอาจสมเหตุสมผลกว่านี้
ทรัพยากรที่จำเป็นต้องใช้ฝึกฝนนักปรุงยากล่าวได้ว่าชวนสะพรึง ดังนั้นจึงไม่ใช่ว่าใครก็จะเป็นนักปรุงยาได้ตามใจชอบ
นอกจากนี้แล้ว การสกัดโอสถระดับสูงล้ำนั้นจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบหายากนับไม่ถ้วน
แต่แล้วมูลค่าของโคล่าขวดนี้กลับถูกมากกว่านับหมื่นเท่า!
หากเรื่องราวนี้แพร่กระจายออกไป เช่นนั้นคงได้สร้างความสะเทือนครั้งใหญ่ต่อวงการโอสถ!
“รับชมเจ้านี่!”
น้ำเสียงของหลิวลู่อวี่ดังจากอีกด้าน
เหว่ยอี้และตี้อู๋อู่หยิงจึงรีบไปรับชม
มันคือตรงที่มีป้าย “สินค้าหมด” เขียนเอาไว้บนชั้น
ทั้งสองที่ตามมาต่างอ่านสรรพคุณของมัน
“เพิ่มพูนพลังชีวิต? ล้อกันเล่นหรือนี่?!”
ความแตกตื่นฉายชัดผ่านใบหน้าเหว่ยอี้ถึงระดับสะพรึงกลัว
กระทั่งว่าเป็นหุบเขาโอสถ ก็ไม่มีทางสกัดโอสถใดที่สามารถฟื้นคืนพลังชีวิต!
ดวงตาที่เรียบเฉยของตี้อู๋อู่หยิงมาโดยเสมอขณะนี้เริ่มแปรเปลี่ยนแล้ว
“หรือเบื้องหลังร้านนี้จะใหญ่โตเกินพวกเราจินตนาการได้?” หลิวลู่อวี่เผยเสียงเบา
ขณะนี้สีหน้าของนางเคร่งเครียดไม่ใช่น้อย
เหว่ยอี้และตี้อู๋อู่หยิงต่างพยักหน้ารับ
“ไม่ทราบแล้วว่าทำไมจึงมาเปิดร้านเช่นนี้ในนครจิ่วเหยา? หรือเถ้าแก่จะมาที่นี่เพราะโบราณสถาน?” เหว่ยอี้ขมวดคิ้ว
หลิวลู่อวี่ส่ายศีรษะ “ไม่น่าใช่สาเหตุที่พวกเราจะคาดเดาได้”
ต่อให้นางเป็นนักบุญของแดนศักดิ์สิทธิ์ห้วงน้ำหยก ต่อหน้าตัวตนอีกฝ่ายนางก็ไม่ต่างอะไรกับคนไร้ค่า
ถัดจากนั้น ทั้งสามจึงย้ายไปอ่านสรรพคุณของแท่งเครื่องเทศและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
แม้ไม่แตกตื่น ทว่าก็สร้างความประหลาดใจได้ไม่ใช่น้อย