Dual Cultivation บทที่ 500: การทดสอบศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย 1 (ฟรี)
Dual Cultivation บทที่ 500: การทดสอบศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย 1
“ตอนนี้พวกเจ้าเริ่มขึ้นไปบนเวทีได้” ฟางซีหลานซึ่งยืนอยู่บนเวทีแรกพร้อมกับเทวรูปกล่าวกับฝูงชน
ทันใดนั้นเองหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเธอ ผู้คนก็เริ่มขึ้นไปบนเวทีแรก
“18 ปี เขตปฐมวิญญาณ”
“23 ปี เขตคัมภีร์วิญญาณ”
หลังจากที่ผู้เข้าร่วมได้รับการตรวจสอบอายุและพลังการฝึกปรือแล้ว พวกเขาก็ได้รับการยอมให้เข้าสู่เวทีที่สอง
“พวกเราจักเริ่มการทดสอบเมื่อมีคนสามสิบคนบนเวทีนี้แล้ว” ซุนจิงจิง ซึ่งอยู่บนเวทีที่สองและยืนอยู่ด้านข้างเม็ดยา
ครั้นเมื่อมีคนสามสิบคนบนเวทีแล้ว ก็เกิดความเงียบอย่างน่ากลัว ราวกับว่าพวกเขาถูกตัดขาดออกจากโลก และซุนจิงจิงก็เริ่มอธิบายกระบวนการสำหรับการทดสอบที่สอง
“สำหรับการทดสอบที่สองนี้ พวกเราจักทดสอบวิถีจิตของเจ้าโดยใช้เม็ดยาจิตมาร”
“เม็ดยาจิตมาร นั่นเป็นยาประเภทไหนกัน”
ผู้คนที่นั่นต่างไม่เคยได้ยินชื่อยาเช่นนี้มาก่อน
“เม็ดยาจิตมารเป็นเม็ดยาที่จะปลดปล่อยมารในใจเจ้าออกมา ซึ่งเป็นจุดอ่อนของจิตใจของเจ้า มิว่ามันจะซ่อนอยู่ลึกในสติของเจ้าแค่ไหนก็ตาม ต่อให้เจ้ามิเคยรู้ว่ามีมันก็ตาม เม็ดยาจิตมารก็จะค้นหามันและเปิดเผยมันให้กับเจ้า”
“การที่จะผ่านการทดสอบที่สองนี้ เจ้าต้องทนเม็ดยาจิตมารนี้ให้ได้สามสิบวินาที ถ้าเจ้าออกไปจากเวทีก่อนเวลาสามสิบวินาทีจะผ่านพ้นไป เจ้าก็จักล้มเหลวการทดสอบนี้โดยอัตโนมัติ” ซุนจิงจิงกล่าว
“เพียงแค่สามสิบวินาทีเองรึ นี่จักเป็นเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก”
ผู้คนที่นั่นต่างพากันคิดในใจ
“ถ้าพวกเจ้าทั้งหมดพร้อมแล้ว ข้าต้องการให้พวกเจ้านั่งลงและหลับตา”
สองสามอึดใจให้หลัง ครั้นเมื่อผู้เข้าร่วมการทดสอบทั้งหมดนั่งอยู่บนเวทีแล้ว ซุนจิงจิงก็บิเม็ดยาจิตอสูรด้วยนิ้วมือของเธอจนทำให้เม็ดยาระเบิดออกกลายเป็นหมอกสีแดงที่กระจายไปทั่วเวทีอย่างรวดเร็ว
และเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้มันกระจายหายไป จึงได้มีการจัดตั้งค่ายกลรอบเวที บีบให้หมอกคงอยู่แต่ด้านใน ยิ่งไปกว่านั้น มันยังปกป้องเสียงจากด้านนอกเข้าไปในค่ายกลเพื่อที่ว่าผู้เข้าร่วมการทดสอบจะไม่ถูกรบกวนจากฝูงชนด้านนอก
ที่แห่งนั้นพลันเงียบลงเมื่อไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้เข้าร่วมทั้งสามสิบคนนั้น
แต่อย่างไรก็ตามสองสามวินาทีให้หลัง กว่าครึ่งของผู้เข้าทดสอบในเวทีที่สองก็เริ่มกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวราวกับว่าพวกเขากำลังถูกฆ่า
ภายในสิบวินาที เกือบทุกคนบนเวทีล้วนกรีดร้องโดยมีสองสามคนในนั้นถึงกับวิ่งออกจากเวทีด้วยสีหน้าหวาดกลัว
หลังจากผ่านไปยี่สิบวินาทีของการทดสอบ ผู้เข้าร่วมการทดสอบทั้งหมดก็ได้วิ่งออกจากเวที ตกรอบไปโดยอัตโนมัติ
“ผ-ผู้เข้าร่วมการทดสอบเจออะไรกันจึงทำให้พวกเขาถึงกับมีท่าทางหวาดกลัวเช่นนั้น พวกเขาวิ่งออกจากเวทีราวกับว่าชีวิตของพวกเขาตกอยู่ในความเป็นตาย”
ผู้คนที่เห็นฉากนั้นต่างพากันตกใจกับสถานการณ์
“แม้ว่าจะผ่านไปเพียงไม่กี่วินาทีในโลกจริง สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเม็ดยาจิตอสูรนั้น จักรู้สึกเหมือนกับว่าเวลาผ่านไปหลายชั่วโมง” ซุนจิงจิงกล่าวกลับผู้เข้าร่วมการทดสอบที่ล้มเหลว
“เม็ดยาจิตอสูรนี้… ช่างเป็นยาที่น่าสนใจทีเดียว” หวังชูเหรินคิดในใจขณะที่ดูเวทีที่สองพร้อมกับความสนใจที่พุ่งสูงขึ้น “ข้าต้องถามซูหยางเกี่ยวกับยานี้ระหว่างการอบรมของพวกเราในคราวหน้า”
หลังจากที่ผู้เข้าร่วมการทดสอบชุดแรกล้มเหลว ผู้เข้าร่วมการแข่งขันชุดต่อไปก็เข้าสู่เวทีที่สอง และฉากนั้นก็เกิดซ้ำอีกครั้ง
ภายในยี่สิบวินาที ผู้เข้าร่วมการทดสอบทั้งหมดสามสิบคนก็วิ่งออกจากเวทีด้วยสีหน้าหวาดกลัว ราวกับว่าพวกเขาถูกไล่ตามด้วยมารร้ายภูติผี
“ดังคาด การทดสอบศิษย์นี้อาจจะดูง่ายดาย แต่จริงแล้วมันค่อนข้างยาก ข้าสงสัยว่าจะมีกี่คนจากหลายพันคนนี้จะผ่านเวทีที่สองนี้ อย่าว่าแต่ทั้งสี่เวที” จอมกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จงพึมพัมกับตัวเองเมื่อคนหลายชุดได้ล้มเหลวในเวทีที่สอง
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ล้มเหลวไปมากกว่าสามร้อยคน ในที่สุดก็มีบางคนที่สามารถอยู่บนเวทีได้นานถึงสามสิบวินาทีเต็มผ่านการทดสอบเวทีที่สอง
“ขอแสดงความยินดี เจ้าเป็นคนแรกที่ผ่านเวทีที่สอง” ซุนจิงจิงกล่าวกับชายหนุ่มรูปหล่อขณะที่เธอสะบัดชายเสื้อขับไล่หมอกสีแดงบนเวที
“ขอบคุณ ผู้อาวุโสซุน” ชายหนุ่มรูปหล่อคำนับเธอก่อนที่จะเดินไปยังเวทีที่สาม
“ดู สุดท้ายก็มีคนผ่านเวทีที่สอง”
ผู้เข้าชมต่างก็พากันสังเกตเห็นชายหนุ่มรูปหล่อหลังจากที่เขาตรงเข้าไปยังเวทีที่สาม
“นั่นเว่ยลี่หวง อัจฉริยะจากตระกูลเว่ยซึ่งสามารถเข้าถึงเขตสัมมาวิญญาณด้วยอายุเพียงยี่สิบปี”
คนสองสามคนจำชายหนุ่มรูปหล่อนี้ได้
ครั้นเมื่อเว่ยลี่หวงเดินเขึ้นไปบนเวทีที่สาม ซูลี่ชิง(หลานลี่ชิง)ก็กล่าวกับเขาว่า “สิ่งที่เจ้าต้องทำทั้งหมดสำหรัการทดสอบครั้งที่สามนี้ก็คือเพียงแค่หยดเลือดหนึ่งหยดลงไปในน้ำนี้”
“ถ้าน้ำนี้เปลี่ยนเป็นสีแดง เจ้าก็จะผ่านการทดสอบรอบที่สาม” เธอแนะนำเขา
“การทดสอบประเภทไหนกันนี่ ถ้าเขาหยดเลือดลงไปในน้ำ แน่นอนว่ามันต้องเปลี่ยนเป็นสีแดงสิ”
ผู้เข้าชมต่างพากันงงงันกับการทดสอบที่สาม ซึ่งดูเหมือนไม่มีจุดหมาย
แต่อย่างไรก็ตาม เว่ยลี่หวงไม่ได้ตั้งคำถามกับการทดสอบเพียงแค่พยักหน้าของเขา จากนั้นเขาก็เจาะรูเล็กๆบนปลายนิ้ว ทำให้เลือดหยดหนึ่งหยดลงไปสู่อ่างบรรจุน้ำที่อยู่ด้านใต้เขา
เมื่อหยดเลือดตกลงสู่อ่างบรรจุน้ำ ผู้คนที่นั่นต่างพากันคาดหวังว่ามันจะเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที แต่ทว่าจนกระทั่งเวลารอไปนานหลายวินาที เลือดที่อยู่ในน้ำกลับไม่รวมตัวเข้ากับน้ำ ราวกับว่ามันเป็นหยดน้ำมันในน้ำ
หลังจากผ่านไปหลายวินาที ราวกับว่าน้ำใสนั้นได้กลืนกินมัน หยดเลือดหายไปภายในอ่างโดยไม่มีร่องรอยให้เห็น
“ข้าต้องขอแสดงความเสียใจ แต่เจ้าล้มเหลวในการทดสอบครั้งที่สาม”ซูลี่ชิงประกาศผลเมื่อหยดเลือดหายไปจากอ่างบรรจุน้ำ
“อะไรกัน เป็นอย่างนั้นไปได้อย่างไร” เว่ยลี่หวงไม่สามารถที่จะทำตัวเยือกเย็นได้อีกต่อไปและอุทานออกมาด้วยความไม่เชื่อ