Chapter 13: ชายผู้ต่อต้านความตาย Eder (2)
*ก่อนจะอ่านนิยาย โปรดตรวจสอบว่าท่านได้อยู่ในสถานที่ที่มีแสงเพียงพอ หรือถ้าท่านอ่านในความมืดก็อย่าลืมเปิด Night Mode หรือจอส้ม เพื่อป้องกันการปวดหัวและสายตาสั้นด้วยนะครับ*
-------------------------------------------------------------------------------------------------
ภายในนั้นพวกเขาพบกับห้องโถงยักษ์.
พอเข้าไปในโถงนั่นแล้ว มีเงาหนึ่งร่ายเวทย์มนต์มาแล้วกำปั้นยักษ์ก็บินมาเหนือหัว.
ทั้งสองคนรีบหลบตัวออกทันที.
ตู้ม!
เมื่อกำปั้นกระแทกกับพื้น พื้นดินก็สั่นและฝุ่นก็กระจายคลุ้งไปทั่ว.
กร๊อบ!
แกร๊บ!
โกเล็มที่เกิดจากเศษกระดูกนับไม่ถ้วนเดินทะลุฝุ่นมาหาพวกเขา.
กำปั้นของมันใหญ่มาก แขนมันก็หนาและลำตัวก็เหมือนกับสี่เหลี่ยมและขาของมันหนาเหมือนกับเสาก็จริงแต่ก็สั้นมาก.
มันไม่มีหัวแต่ลายตรงลำตัวสี่เหลี่ยมนั่นมีรูปร่างเหมือนใบหน้าคน.
มันคือบอสมอนส์เตอร์, He Who Defies Death Eder! (ชายผู้ต่อต้านความตายเอเดอร์)
เลเวลของมันไม่น่าจะเกิน100.
“ระวังกำปั้นของมันด้วย” กังโอพูดแล้วเหวี่ยงดาบไปที่ Eder.
ซู้ม!
ดาบของกังโอทะลุผ่านร่างของ Eder ไปทำให้เศษกระดูกระเบิดออกมา.
Eder กระทืบพื้นตรงที่กังโอยืนอยู่.
แน่นอนว่ากังโอรับรู้อันตรายผ่านสุดยอดสหัชญาณของเขาได้และหลบการโจมตีนั่น.
กร๊อบ.
พื้นนั่นมีรอยเท้าของโกเล็มหลงเหลือทิ้งไว้.
ถ้ากังโอไม่หลบการโจมตีนั่นล่ะก็เขาคงเละไปแล้ว.
“ไอ้หนูสกปรก!” เสียงดังออกมาจากร่างของ Eder.
“ว่าไงนะ เจ้ากองกระดูกนี่!” กังโอพูด. ‘แกมันก็แค่มอนส์เตอร์!’
Eder ยกแขนขึ้นไปบนฟ้า. แสงสีแดงสว่างออกมาจากร่างสี่เหลี่ยมของมัน.
จากนั้นกระดูกหนาๆที่ปกคลุมร่างกายของมันก็ระเบิดออกมา.
“อ๊าก!”
เขาได้ยินเสียงร้องของ Darion.
“เวรเอ้ย!”
กังโอรีบปักดาบลงพื้นและหลบอยู่ด้านหลัง.
“มาหลบหลังชั้น!”
Darion โยนตัวเองไปหากังโอและไปหลบอยู่ด้านหลังได้สำเร็จ.
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
กระดูกนับไม่ถ้วนปะทะเข้ากับดาบของเขา.
กระดูกที่กระทบกับคมดาบแตกเป็นผงเหมือนกับกระจก แต่ก็มีบางชิ้นที่กระเด็นเฉียดโดนกังโอและ Darion ไป.
[ท่านถูกเศษกระดูกเฉียดเข้า. ท่านได้รับ32ดาเมจ. บาดแผลได้ถูกสร้างขึ้น.]
[ท่านถูกทิ่มโดยเศษกระดูกแหลม. ท่านได้รับ80ดาเมจ.]
ขณะที่พวกเขากำลังต้านฝนเศษกระดูกอยู่นั้น ตาของกังโอเปลี่ยนไปเหมือนกับนักล่าที่กำลังมองหาเหยื่อ.
เขาเห็นว่ามีบางอย่างเขียวๆโผล่ทุกครั้งที่ Eder ใช้อบิลิตี้พิเศษ.
สุดยอดสหัชญาณของเขาแนะนำให้โจมตีไปที่’บางอย่างนั่น’
ที่ตัวโกเล็มมีบางอย่างน่าสงสัยอยู่ สุดยอดสหัชญาณของเขาเลยบอกว่านั่นคือจุดอ่อนของมันนั่นเอง.
‘แกนของมันนี่เอง!’
โกเล็มเป็นมอนส์เตอร์แบบไหนกันแน่นะ?
ถึงแม้ว่าโกเล็มจะแข็งแกร่งและอึดมาก พวกมันก็หน้าสั่นได้ถ้าหากแกนของมันถูกทำลาย.
ถ้าเป็นอย่างงั้นแล้วล่ะก็….
กังโอเอาดาบปีศาจขึ้นมาป้องกันตัวไว้และก้าวไปข้างหน้าตรงที่สุดยอดสหัชญาณของเขานำทางไป.
“เห้ย เจ้ากำลังทำบ้าอะไรเนี่ย?!” Darion ตะโกนมาจากด้านหลัง.
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
กระดูกก็เริ่มชนกับดาบของเขาเยอะขึ้น พวกเขาก็โดนเศษกระดูกมากขึ้นไปอีก!
มันอาจจะแย่กว่าเดิมสำหรับ Darion แต่นั่นไม่สำคัญเขาไม่ได้กังวลเรื่อง Darion เลยตอนนี้!
ห่าฝนกระดูกก็ยิ่งแย่ขึ้นๆ ทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้.
HP ของกังโอก็ลดฮวบลงไปต่ำกว่าครึ่งแล้ว. แต่ดูแล้ว Darion น่าจะใกล้แตกมากกว่าเขาอีก.
“อ๊ากกกกก!”
Darion ร้องออกมาเรื่อยๆจากหลังของเขา.
แต่ถึงอย่างงั้นกังโอก็ยังเดินหน้าต่อ.
เขาเข้ามาได้ใกล้ขนาดไหนแล้วนะ?
“ไปให้พ้นตัวชั้น!”
กังโอได้ยินเสียง Eder แน่ๆแม้จะอยู่ในท่ามกลางห่าฝนกระดูกนั่น.
‘อย่างที่คิดเลย. การโจมตีที่ใช้พลังเยอะแบบนี้ย่อมมีผลเสียแน่ๆ’
ผลเสียนั่นก็คือแกนของโกเล็มจะโผล่ออกมา.
เพราะสกิลนี้มันใช้กระดูกที่ปกป้องแกนมาโจมตี แค่ดูก็เดาออกได้.
ไม่นานนัก, ก็ไม่มีเศษกระดูกบินมาอีกต่อไป ราวกับว่าเขาได้เข้ามาในใจกลางพายุแล้ว.
เขาลดดาบลงและเห็นบางอย่างสีเขียวๆ!
แกนของโกเล็มคือผีสีเขียวที่ดูคล้ายมนุษย์!
กังโอยิ้มกว้าง.
‘แจ่ม’
Abyss Blade ที่สามารถดูดกลืนเวทย์มนต์นั้นสามารถฟันผีและวิญญาณได้.
“กลายเป็น EXP ไปซะ!”
กังโอยกดาบขึ้นพร้อมจะโจมตี.
“ดะ-เดี๋ยว!”
ผีเขียวรีบส่ายหัวของมันทันที.
“แล้วก็ดรอปไอเท็มดีๆซะ”
กังโอไม่ลังเลกับคำพูดของมันเลยแม้แต่น้อย.
ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากแล้ว!
ดาบปีศาจพุ่งลงมา.
จากนั้นเจ้าผีตะโกนไปว่า “ข้าจะให้เงินเจ้า! ไม่สิ ข้าจะให้ทุกอย่างที่มีเลย!”
***
ดาบสีดำทมิฬเฉี่ยวด้านหน้าของร่างกายผีตัวนั้นไป. กังโอหยุดเหวี่ยงดาบกลางคัน.
“อ้าก”
Eder ร้อง ถึงแม้ดาบปีศาจจะไม่ได้แตะตัวเขาเลยก็ตาม.
‘ดาบบ้านั่นคือศัตรูของผีทุกตน’
ดาบปีศาจคือศัตรูตัวฉกาจของพวกผี เขาก็เหมือนกับหนูที่อยู่หน้างู. Eder ตัวแข็งและตาสั่นไปด้วยความกลัว.
บอสดันเจี้ยนลับ Eder ไม่คิดเลยว่าจะเป็นศัตรูที่ง่อยขนาดนี้.
ปกติแล้ว, การโจมตีที่แกนของ Eder จะทำให้เข้าสู่เฝสที่2 ซึ่ง Eder จะกลายร่างเป็นผีเมจและตอบโต้ด้วยเวทย์มนต์ต่างๆ.
แต่นั่นคือถ้าทุกอย่างเป็นไปตามปกติอะนะ.
ตอนที่ดาบปีศาจเข้ามาใกล้ตัว เขาก็รู้เลยว่ามันทำอะไรกับเขาได้บ้าง.
การโจมตีทางกายภาพอาจจะไม่สามารถผ่านไปโดนพวกผีได้ แต่ความมืดของ Ubist นั้นทำให้ผู้ครองของมันฟันสิ่งไร้ตัวตนให้ขาดได้ มันจึงเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกผี.
ถ้าเขาโดนฟันด้วยดาบปีศาจนั้นแค่ครั้งเดียว เขาตายแน่!
ด้วยเหตุนี้ Eder จึงไม่อยากจะสู้กับเขา.
“ทุกอย่างเหรอ?” กังโอถามแล้วมองไปทางEder ที่กำลังสั่นอยู่.
เขาสนใจคำนั้น “ทุกอย่าง” น่ะ.นั่นคือเหตุผลที่เขาเปลี่ยนวิถีดาบออกกลางคัน.
“ชะ-ใช่.ทุกอย่างเลย!” เสียงของ Eder สั่นมาก.
“ฮึ่มมม”
กังโอเอาดาบจ่อไปที่คอของเจ้าผี.
แม้ว่าพวกผีจะไม่สามารถรู้สึกถึงคำว่า เหงื่อแตก ได้ แต่นี่มันใช่เลย.
“ฆ่ามันไปเหอะ” Darion พูด.
Darion พูดได้เหมาะเจาะจริงๆซึ่งปกติแล้วมันไม่ใช่นิสัยเขา. เขาคงไม่ได้หมายความว่างั้น แต่แค่อยากให้กังโอจัดการ Eder ทิ้งไป.
“เอาเลยมั๊ย?”
“ดะ-ได้โปรด” Eder อ้อนวอน กุมมือเข้าด้วยกัน.
‘ชายผู้ต่อต้านความตาย, Eder…’
เป็นจริงเหมือนชื่อเขาเลย เขาเป็นคนประเภทที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อเลี่ยงความตาย.
“ได้โปรดช่วยฟังสิ่งที่ข้าจะพูดด้วย!” Eder พูดอย่างเร็ว.
กังโอเลยตัดสินใจจะล้อเล่นกับเขา.
***
เมื่อนานมาแล้ว…
ครั้งหนึ่ง เคยมีเรื่องเล่าว่ามีฮีลเลอร์(นักฮีล/ฮีล= รักษา)ที่มีพลังของพระเจ้า.
ฮีลเลอร์ผู้นั้นช่วยผู้คนมากมาย แล้วมากขึ้น แล้วก็มากขึ้น.
ชื่อเสียงของฮีลเลอร์โด่งดังมากจนกล่าวขานกันว่าเอาชนะได้แม้แต่ความตาย.
ความร่ำรวย, เกียรติยศ, พลัง.
ฮีลเลอร์ผู้นั้นมีหมดเลย.
ฮีลเลอร์ผู้นั้นก็ภาคภูมิใจกับพลังสุดยอดที่ตนมีและความภาคภูมิใจนั้นไม่นานก็กลายเป็นความยโส.
“ข้าได้พิชิตความตายแล้ว” ฮีลเลอร์ตะโกนออกมาด้วยความมั่นใจอย่างสูง.
ฮีลเลอร์ผู้พิชิตความตาย!
ช่างเป็นฉายาที่ยิ่งใหญ่จริง.
แต่นั่นคือตอนที่ทุกอย่างได้ผิดพลาดไปหมด. คำพูดของฮีลเลอร์ผู้นั้นไปผิดหูเทพธิดาแห่งความตาย, Deborah เข้า (เดโบร่า).
“มาดูกันว่าเจ้าพิชิตความตายได้จริงๆหรือไม่” Deborah พูดไว้ในฝันของฮีลเลอร์.
ฮีลเลอร์ไม่สามารถจำหน้านางได้ เพราะมีผ้าคลุมสีดำคลุมหน้านางไว้อยู่ แต่ฮีลเลอร์สามารถจำเสียงของนางได้ มันช่างเยือกเย็นดั่งยอดภูเขาที่มีหิมะปกคลุมอยู่.
เมื่อฮีลเลอร์ตื่นขึ้นในเช้าต่อมา ฮีลเลอร์ก็ได้ป่วยเป็นโรคที่ไม่ทราบได้.
ฮีลเลอร์พยายามรักษาตัวเองด้วยทุกอย่างที่มี แต่ก็ไม่มีสิ่งใดได้ผล.
มีข่าวลือว่าฮีลเลอร์ผู้นั้นถูกสาปจากตัวเทพธิดาแห่งความตายเอง และไม่สามารถรักษาตัวเองให้หายได้ เลยไม่มีผู้ใดมาหาฮีลเลอร์คนนั้นอีกต่อไป.
และเหตุนี้ ชื่อเสียงของฮีลเลอร์ที่ว่าได้พิชิตความตายนั้นก็ดิ่งลงเหวไปอย่างเร็ว.
ฮีลเลอร์ที่ไม่มีสิ่งใดเหลือแล้วนั้นมีแต่ความเคียดแค้นที่หลงเหลืออยู่.
ฮีลเลอร์ได้หมกมุ่นอยู่กับการทดลองเพื่อที่จะเอาชนะความตายให้ได้!
ฮีลเลอร์ไม่สนใจว่าจะต้องใช้วิธีการใด ทดลองทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งยา, การรักษาศักดิ์สิทธิ์, เวทย์มนต์และแม้แต่ Necromancy! (เนโครแมนซี่/เวทย์มนต์ดำเกี่ยวกับความตาย)
แต่ทว่า โรคของเทพธิดาแห่งความตายนั้นแข็งแกร่งเกินไป.
ท้ายที่สุด ฮีลเลอร์ผู้นั้นก็แช่ร่างของตัวเองไว้ในหลอดแก้ว. โชคดีที่มันสามารถหยุดยั้งอาการของโรคได้.
ด้วยมนต์เนโครแมนซี่ วิญญาณของฮีลเลอร์เลยสามารถออกมาจากร่างตัวเองและทำการทดลองต่อไปได้.
“นั่นคือข้าเอง” Eder พูดขณะคุกเข่าต่อหน้ากังโอ.
ชายผู้ต่อต้านความตาย Eder นั้นเป็นแค่ Eder นักฮีลเลอร์, ชายผู้ที่ต่อต้านความตาย!
“อืมม เข้าใจละ” กังโอพยักหน้าแบบไม่ใส่ใจนัก.
เอาจริงๆคือ เขาไม่ได้สนใจสถานะของ Eder ตอนนี้ด้วยซ้ำ แต่เขาสนใจสมบัติของเค้ามากกว่า.
โดยเฉพาะโกลด์ของเขา!
เนื่องจากเขาเป็นหัวหน้าครอบครัว เขาต้องการเงิน, เงินที่จะเอามาใช้หนี้ให้ครอบครัว, เงินที่จะเอามาซื้อบ้าน, เงินสำหรับเกมมิ่งแคปซูล(หือ?) และเงินเอาไว้ส่งพวกน้องสาวของเขาเรียนต่อ.
“แล้วนายให้ชั้นได้เท่าไหร่ล่ะ?” กังโอถาม.