บทที่ 188
บ้านพักหลังใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางเขตบ้านพัก ห้องโถงขนาดใหญ่แสงไฟจากตะเกียงสาดส่องมองเห็น ชายชราสามคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้กลางห้องและชายหนุ่มอีกสี่คนนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ภายในห้องเงียบได้ยินเพียงเสียงลมหายใจ ชั่วน้ำเดือดเสียงประตูห้องโถงถูกเปิดออกหญิงสาวผู้หนึ่งรูปร่างสูงโปร่งมีส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน ผมสีดำตัดกับผิวที่ขาวนวลยาวถึงกลางหลัง ใบหน้าสะอาดหมดจนเช่นตกแต่งด้วยประทินผิว สวมชุดสีฟ้าอ่อนก้าวเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ชายหนุ่มทั้งสี่หันไปมองนิ่งค้างเพราะความสวย ยิ่งผู้ใดได้ยินเสียงที่กล่าวออกมาผู้นั้นแทบคลั่ง เสียงไอดังมาจากด้านหน้าชายหนุ่มทั้งสี่หันกลับมาด้วยความหวาดกลัว
“คารวะผู้อาวุโสทั้งสาม ให้คนไปตามข้ามีเรื่องอันใดรึเจ้าคะ”
“เจ้ามาก็ดีแล้วฟางจวินซี ข้ามีงานให้เจ้าทำ”
“คงเกี่ยวข้องกับชายหนุ่มเนี่ยฟงและพวกใช่หรือไม่”
“เจ้ารู้เรื่องนี้ก็ดีแล้ว จัดการเหมือนเดิม แต่จงระวังชายผู้นั้นดูฉลาดไม่น้อยเลยทีเดียว”
“พวกท่านรอฟังข่าวดีเถอะว่าแต่”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหา บิดาของเจ้าพวกข้าดูแลอย่างดี อีกไม่กี่วันก็คงอาการดีขึ้น เจ้ารีบไปจัดการงานของเจ้าเถอะ”
ฟางจวินซีหาได้กล่าวสิ่งใดเพิ่ม พยักหน้าพร้อมกับก้มคารวะหันหลังเดินออกไปจากห้องโถงใหญ่ ไม่ถึงสิบลมหายใจทันทีที่ฟางจวินซีเดินจากไปชายหนุ่มผู้หนึ่งก็เอ่ยวาจาออกมา
“ผู้อาวุโส ท่านจะไม่แจ้งแต่นางจริงรึถึงอาการของบิดาของนาง”
“เหอะ หากข้าแจ้งไปเจ้าคิดว่านางจะทำตามที่ข้าสั่งรึ เป็นพวกเจ้าเองที่ไร้น้ำยา จัดการไอ้ลูกหมานั้นไม่ได้”
“แต่”
“บัดซบ พวกเจ้าติดตามนางไปก็แล้วกัน หากเมื่อใดนางสังหารพวกบัดซบนั้น เมื่อนั้นนางคงบาดเจ็บไม่น้อย พวกเจ้าก็เร่งมือสังหารนางให้ตกตายตามกันไปเรื่องมันจะได้ไม่มาถึงข้า”
“ได้ ได้ขอรับ”
สิ้นเสียงตอบรับชายหนุ่มทั้งสี่ก็รีบเดินออกจากห้องโถงไปทิ้งให้ชายชราทั้งสามอยู่ในห้องโถง ชั่วน้ำเดือดทั้งสามก็จางหายไปจากห้องโถงทิ้งไว้เพียงเก้าอี้
ตลอดช่วงเวลาสามวัน จงเหรินป้าพาเนี่ยฟงและพวกเดินสำรวจในสำนักพยัคฆ์ขาวที่ก่อตั้งขึ้นใหม่ รวมทั้งเยี่ยมกลุ่มต่างๆเกือบสามสิบกลุ่ม แน่นอนว่าแต่ละกลุ่มเอ่ยปากปฏิเสธการเข้ารวมกลุ่ม เพราะหาได้อยากมีใครอยากอยู่ใต้ผู้ใด และแต่ละกลุ่มนั้นก็มีปัญหากันเอง เนี่ยฟงเองก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดเพียงพยักหน้าตอบรับ ช่วงเย็นวันนั้นเองระหว่างที่ทั้งสามนั่งทานอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยมในเมือง องค์ชายสี่และผู้ติดตามอีกนับสิบคนก็ก้าวเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยม สายตาของทั้งหมดจดจ้องมาที่กลุ่มของเนี่ยฟง หยางเวยที่ทานอาหารอิ่มแล้วก็หันมาคุยกับเนี่ยฟง
“เนี่ยฟงเจ้าคิดว่าคนที่เราสังหารเมื่อวันก่อน เป็นคนขององค์ชายสี่”
“ข้าว่าไม่ใช่ องค์ชายสี่ไม่น่าจะมีอำนาจสั่งการผู้ใด เพราะตอนนี้เขตปกครองหาได้มีอำนาจเช่นเมื่อก่อนแล้ว”
“ดูจากท่าทางแล้วคงไม่มาดีแน่ เพราะสายตาที่จดจ้องมายังเจ้าและข้า องค์ชายสี่คงมีความแค้นเรื่องวันก่อนไม่น้อย”
“เหตุใดคุณชายทั้งสองไม่เอ่ยวาจาสอบถามละ”
ทั้งสองหันไปมองตามเสียงที่ได้ยิน พบเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งรูปร่างสูงโปร่งมีส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจน ผมสีดำตัดกับผิวที่ขาวนวลยาวถึงกลางหลัง ใบหน้าสะอาดหมดจนเช่นตกแต่งด้วยประทินผิว สวมชุดสีฟ้าอ่อนยืนยกยิ้มอยู่ หยางเวยถึงกับกล่าวตอบเสียงสั่น
“จะ จะดีหรือไม่นาง”
“ข้ามีนามว่าฟางจวินซี เป็นห้วหน้ากลุ่มจากสำนักวารีสวรรค์เดิมที่ลุ่มสลาย เช่นนั้นข้าสอบถามให้ดีหรือไม่”
“ไม่ต้องขอรับแม่นางฟางจวินซี หากว่าคนขององค์ชายสี่คิดหาเรื่องพวกข้าจริง พวกข้าเพียงตุบตีเช่นเดิม เชิญแม่นางฟางจวินซีนั่งก่อนขอรับ”
“ต้องขอบคุณคุณชายหยางเวยที่เชิญข้า แต่ข้าทานอาหารอิ่มแล้ว เอาไว้โอกาสหน้าก็แล้วกัน ว่าแต่เมื่อวานที่พวกท่านไปเยี่ยมที่กลุ่มของข้า ต้องขออภัยที่ไม่ได้ต้อนรับเพราะข้าออกไปทำภารกิจด้านนอก แต่ข้อความที่พวกท่านฝากไว้ข้าได้รับแล้ว ข้าเองก็มีความสนใจที่จะร่วมกลุ่มเช่นกัน เพียงแต่ว่ามีเรื่องบางอย่าง รอข้าจัดการเสร็จสิ้นก่อนข้าจะให้คนไปเชิญพวกท่านอีกครั้ง”
“ได้ขอรับแม่นางฟางจวินซี เช่นนั้นเชิญแม่นางเถอะขอรับ”
ฟางจวินซียกยิ้มให้หยางเวยพร้อมกับพยักหน้าให้กับเนี่ยฟงและเสี่ยวจู หลังจากนั้นก็เดินจากไป เนี่ยฟงเห็นทั้งสองคนเหม่อลอยแปลกๆมองตามหลังฟางจวินซี รีบสะบัดมือขวานำขวดยาออกมาหนึ่งขวด รีบเทเม็ดยาออกมา ขยี้แล้วนำมาให้หยางเวยและเสี่ยวจูสูดดม
“พวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ทั้งสองจ้องมองเนี่ยฟงด้วยความงุนงง
“พวกข้าทั้งสองเป็นอะไรรึเนี่ยฟง”
“พวกเจ้าไม่รู้ตัวเลยรึว่าโดนพิษจากฟางจวินซี”
ทั้งสองทำได้เพียงส่ายศีรษะไปมา
“ระวังนางเอาไว้ให้ดี พูดคุยไม่กี่คำพวกเจ้าก็ถูกวางยาเสียแล้ว หากว่านางต้องการสังหารพวกเจ้าเห็นทีว่าคงจะไม่รอด”
“มีทางป้องกันพิษจากนางหรือไม่คุณชายเนี่ยฟง”
“เรื่องนั้นเป็นไปได้ยากแม่นางเสี่ยวจู ตัวข้าฝึกฝนหลายปีถึงจะมีความสามารถต้านพิษได้ในระดับหนึ่ง มีทางเดียวคือพวกท่านต้องระวังตัวเอง”
“ว่าแต่เหตุใดคุณชายหยางเวยถึงได้รับพิษด้วย ในเมื่อตัวคุณชายมีพิษร้ายอยู่ในลมปราณ”
“นางคงศึกษาพวกเรามาอย่างดี แต่นางคงไม่รู้ว่าตัวข้าสามารถต้านพิษได้ในระดับหนึ่ง เอาเป็นว่าพวกท่านระวังนางเอาไว้ก็แล้วกัน ตอนนี้พวกท่านก็แกล้งทำเป็นว่าถูกพิษของนางไปก่อนก็แล้วกัน”
ทั้งสามพูดคุยกันอยู่นานเกือบครึ่งเค่อก็เรียกเสี่ยวเอ้อคิดเงิน หลังจากจัดการค่าอาหารเสร็จสิ้นทั้งสามก็เดินผ่านกลุ่มขององค์ชายสี่
“เป็นเพียงขยะของตระกูลคิดหรือว่าจะเป็นผู้นำใครได้”
หยางเวยถึงกับหยุดเดินหันมามององค์ชายสี่ที่เอ่ยวาจาออกมา เป็นเสี่ยวจูที่กล่าววาจาตอบ
“ถึงคุณชายทั้งสองจะเป็นขยะของตระกูลจริงตามที่ว่าเอ่ยวาจาออกมา แต่เมื่อถึงเวลาต่อสู้กับพวกปีศาจพวกเขาทั้งสองก็หาได้หลบหนีเหมือนคนบางคน เมื่อครั้งเกิดการปะทะที่เขตแห่งไฟและสายลม ข้าพบเห็นใครบางคนหลบหนีเอาตัวรอดจากการปะทะเมื่อครั้งนั้น คนพวกนั้นส่วนใหญ่ก็อยู่ในโรงเตี๊ยมนี้เช่นกัน ท่านเคยพบเห็นหรือไม่องค์ชายสี่”
สิ้นเสียงกล่าวของเสี่ยวจูผู้คนที่อยู่ในโรงเตี๊ยมหันมาจ้องมองกลุ่มขององค์ชายสี่กันหมด เสียงกัดฟันดังออกมา องค์ชายสี่ใบหน้าแดงก่ำไปด้วยความโกรธ กำหมัดในมือแน่น เถ้าแก่โรงเตี๊ยมเห็นท่าไม่ดีรีบเข้าห้ามเอาไว้เสียก่อน หยางเวยหัวเราะดังลั่นเดินออกจากโรงเตี๊ยม
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า กล่าววาจาใหญ่โต ที่แท้ก็พวกขี้ขลาดตาขาว”
“บัดซบ ไอ้ลูกหมาเจ้ากล่าววาจาอันใด”
“เหอะข้ากล่าววาจาอันใดแล้วมันเกี่ยวสิ่งใดกับท่าน หรือว่าเป็นพวกท่านเองที่หลบหนีจากการปะทะที่แม่นางเสี่ยวจูกล่าว”
“ไอ้ลูกหมา”
เปรี้ยง ฝ่ามือขวาขององค์ชายสี่ฟาดไปที่โต๊ะไม้สำหรับทานอาหารแตกกระจาย เถ้าแก่โรงเตี๊ยมที่ยืนอยู่ด้านข้างถึงกับกุมขมับ
“เก่งแต่ทำลายข้าวของ เหตุใดท่านไม่ประมือกับข้าที่ด้านนอกโรงเตี๊ยมเล่า ข้ากำลังต้องการออกกำลังกายหลังทางอาหารพอดี”
“ได้ เราจะได้เห็นดีกัน”
หยางเวยเดินตามเนี่ยฟงและเสี่ยวจู ยกยิ้มออกไปยืนรอองค์ชายสี่ด้านหน้าโรงเตี๊ยม ผู้คนที่เดินอยู่หยุดจ้องมอง ไม่นานองค์ชายสี่และพรรคพวกก็เดินออกมา ทั้งสองยืนเผชิญหน้ากันไม่ถึงสามลมหายใจก็พุ่งเข้าปะทะ ผู้หนึ่งใช้ฝ่ามือ ผู้หนึ่งใช้หมัด เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เนี่ยฟงจำเป็นต้องใช้วงอักขระศักดิ์สิทธิ์สร้างเป็นม่านพลังป้องกันรอบด้านจากปะทะ ทั้งสองหาได้มีใครยอมใครยืนแลกหมัดและฝ่ามือ องค์ชายสี่ซัดฝ่ามือขวาเข้าที่หัวไหล่ซ้ายของหยางเวย เปรี้ยง หยางเวยเองกัดฟันทนถีบเท้าเข้าประชิดต่อยหมัดขวาเข้าที่ชายโครงด้านซ้าย เปรี้ยง เสียงกระดูกแตกหักได้ยินเสียงติดตามมา องค์ชายสี่กระเด็นออกไปทางขวา
หยางเวยรีบใช้มือซ้ายดึงแขนขวาเอาไว้ ต่อยหมัดขวาซ้ำไปที่จุดเดิมอีกครั้ง เปรี้ยง เลือดสีแดงสดถูกกระอักออกมาจากปาก แทงเข่าซ้ายเข้าที่ชายโครงด้านขวาอีกครั้ง เปรี้ยง ทันทีที่หยางเวยปล่อยมือ องค์ชายสี่ลงไปนอนอยู่บนพื้น ใช้มือทั้งสองกุมไปที่ท้องของตัวเอง พรรคพวกขององค์ชายสี่รีบทะยานเข้าหาหยางเวยนับสิบคน หยางเวยยกยิ้มพุ่งเข้าปะทะเช่นกัน เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เสียงคนนับสิบถูกหมัดของหยางเวยดังสนั่น ค่อยๆร่วงลงไปนอนกับพื้น เนี่ยฟงส่ายศีรษะไปมาที่เห็นหยางเวยเดินเข้าไปปลดแหวนแต่ละคน พร้อมกับสะบัดมือสลายม่านพลัง