ตอนที่ 147-148
ตอนที่ 147 : ไม่อาจยั่วยุได้
ได้ทราบเรื่อง หยิงอู๋จี้จึงตรงเข้าโหมดอารีน่าตามที่ลั่วฉวนบอกกล่าว
เมื่อได้เห็นภาพกระจกปรากฏให้เลือกตรงหน้า ในใจหยิงอู๋จี้จึงปรากฏความกระหายศึกต่อสู้อย่างกะทันหัน
ศึกกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!
แน่นอนว่าศึกแรกนี้อย่างไรก็ไม่มีทางเอาชนะ
เพราะตัวเขายังไม่อาจควบคุมกำลังใหม่ที่เพิ่งได้รับมาโดยสมบูรณ์
ทว่าความลังเลใดล้วนไม่มี หยิงอู๋จี้ตรงเข้าเปิดศึกรอบใหม่ในพริบตา
สำหรับคนที่กำลังตื่นเต้นยินดี มันมีแต่กระตุ้น
เวลาจึงผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในโหมดอารีน่า ท้องฟ้าและพื้นดินแบ่งแยกออก มวลลาวานับไม่ถ้วนไหลหลั่งเต็มทั่วผืนแผ่นดินท่ามกลางศึกอันรุนแรง
“ฮ่าฮ่าฮ่า ตาย!”
ด้วยเสียงหัวเราะคลุ้มคลั่ง ภูเขาไฟใหญ่ยักษ์จึงถูกเซี่ยหยวนคว้าขึ้นพร้อมโยนใส่ร่างจำแลงที่อยู่ไม่ไกล!
ฟ้าดินต้องสั่นสะท้านภายใต้การโจมตีอันรุนแรงครั้งนี้
เซี่ยหยวนเผยยิ้ม ตัวเขาไม่ได้รู้สึกสดชื่นและสะใจเช่นนี้มานานแล้ว!
ขณะนี้เองที่ภูเขาไฟลอยลิ่วหล่นทับร่างจำแลง!
ร่างจำแลงมีแต่บาดแผล ขณะนี้มันไม่อาจเคลื่อนไหวแล้ว
เซี่ยหยวนที่จับจ้องมาโดยตลอด ขณะนี้จึงไม่คิดพลาดโอกาส
“ระยะเวลาการเล่นวันนี้ของท่านถึงขีดจำกัดแล้ว! เกมจะเปิดตัวลง!”
ข้อความปรากฏต่อหน้าอย่างกะทันหัน
พริบตาถัดมา ตรงหน้าเซี่ยหยวนกลับกลายเป็นความมืดกลับคืนสู่ห้วงมิติเริ่มต้น
เซี่ยหยวนอดไม่ได้ที่จะชะงักงัน
นี่มันเรื่องอะไร?
ไฉนจึงถูกดึงตัวกลับมาอย่างกะทันหัน?
ขณะนี้เองที่เขาพลันนึกถึงสิ่งที่เหยาซือหยานบอกกล่าวเอาไว้
“หนึ่งวันแต่ละคนสามารถเล่นได้สามชั่วโมง”
เซี่ยหยวนต้องสูดลมหายใจเข้าลึก ตัวเขารู้สึกว่ากฎนี้ช่างน่ารังเกียจ
ตัวเขาคือขอบเขตทดสอบเต๋าผู้สูงส่ง จะเรียกร้องเพิ่มเท่าไหร่ยังได้แต่ทำไมจึงทำแบบนี้?
เซี่ยหยวนถอดหมวกออกด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ขณะนี้คิดสอบถามต่อเถ้าแก่ถึงกฎที่ไร้สาระเช่นนี้
เวลาเดียวกันนี้ ผู้อื่นจากสถาบันวิญญาณเมฆาพบเห็นว่าเซี่ยหยวนเผยท่าทีรุนแรง แต่ละคนจึงถอดหมวกออก
“ผู้อาวุโสเซี่ย ท่านคิดทำอะไร?” พบเห็นเซี่ยหยวนเผยท่าทีฉุนเฉียว กู่หยุนซีจึงเอ่ยถาม
ผู้คนที่เหลือต่างให้ความสนใจ
เซี่ยหยวนพลันสะท้าน ว่าเมื่อครู่คิดทำอะไรโง่เขลาลงไป
กระทั่งหยิงอู๋จี้ยังกระทำตามกฎของร้านอย่างชัดเจน และกำลังตัวเขาขณะนี้หาได้แข็งแกร่งเท่าอีกฝ่ายแล้วไม่
อีกทั้งเถ้าแก่ยังลึกลับ เสมียนร้านยังเป็นสัตว์อสูรราชวงศ์ อีกฝ่ายไม่ใช่ยั่วยุหาเรื่องได้
ท่าทีเซี่ยหยวนจึงแปรเปลี่ยน ขณะนี้กลับกลายเป็นเผยยิ้ม
ผู้คนต่างยากจะเชื่อ ว่าท่าทีคนเราจะแปรเปลี่ยนพลิกกลับได้เช่นนี้อย่างกะทันหันต่อหน้าต่อตา
“โคล่ากับแท่งเครื่องเทศดูดีไม่น้อย ดังนั้นจึงคิดซื้อหากลับไปทานเล่น” เซี่ยหยวนยิ้มกล่าว
กู่หยุนซีจึงรับคำ “โอ้” อย่างไม่ทันรู้ตัว
“หือ? ระดับการฝึกฝนของเรา?”
เซี่ยหยวนอุทานกับตัวเองพร้อมขมวดคิ้ว
“การต่อสู้ในโลกเสมือนจำช่วยเพิ่มพูนการฝึกฝนแก่ผู้เล่น สามชั่วโมงที่เล่นเทียบเท่าฝึกฝนหนึ่งวัน” เหยาซือหยานเผยเสียงดังออกมา
เซี่ยหยวนต้องสะท้านลมหายใจ
มีเรื่องราวเช่นนี้ด้วย?
แค่เล่นเกมถึงกับเพิ่มพูนการฝึกฝนได้?!
ร้านต้นตำรับแห่งนี้มันจะต้นตำรับเกินไปแล้วหรือไม่?
คำอวดอ้างอย่างต้นตำรับจึงปรากฏในใจเซี่ยหยวนอย่างเด่นชัด...
บอกกล่าวล่ำลากับลั่วฉวนและเหยาซือหยานเรียบร้อย หยิงอู๋จี้และคณะศิษย์จึงเดินทางกลับโรงเตี๊ยม
ทางด้านเซี่ยหยวนได้ซื้อหาแท่งเครื่องเทศและโคล่า จ่ายผลึกวิญญาณเรียบร้อยแล้วจึงค่อยกลับจากร้าน
ทันใดนี้เขาบังเกิดความคิดขึ้นมาก่อนจะชะงักฝีเท้า
“
“แม่นางเหยา ขอถามอะไรสักหน่อย กำลังเจ้านั้นเหนือล้ำกว่าขอบเขตทดสอบเต๋าหรือไม่?”
เหยาซือหยานพยักหน้ารับอย่างไม่คิดอะไรมาก
เซี่ยหยวนต้องสะท้านลมหายใจอีกครั้งหนึ่ง
แม้คาดเดาได้แต่แรกแล้ว กระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตะลึงยามได้ทราบคำตอบที่ผ่านการยืนยันโดยเจ้าตัว
ตัวตนระดับราชัน กระทั่งว่าเป็นสถาบันจันทราลึกล้ำก็ยังต้องเป็นระดับผู้อาวุโส!
กระนั้นตอนนี้กลับมาทำงานเป็นเสมียนประจำร้านแห่งหนึ่ง
และพิจารณาแล้ว นางคล้ายจะเป็นแค่เสมียนจริง...
บอกกล่าวตามตรง เรื่องนี้เป็นผลให้เซี่ยหยวนไม่ทราบว่าควรกล่าวอะไรตอบ
อย่างนั้นเถ้าแก่ร้านแข็งแกร่งเพียงใด?
ตอนที่ 148 : คนรู้จักของเซียวเฉิง
ขณะนี้เซี่ยหยวนรู้สึกได้ราวกับพบเจอโชคลาภก้อนใหญ่
โชคดีที่เมื่อครู่เขาไม่ได้สร้างปัญหาที่ร้านแห่งนี้
ลำพังเสมียนร้านตัวเขาก็ไม่อาจหาเรื่องได้ไหวแล้ว
“แล้วเถ้าแก่แข็งแกร่งเพียงใด?” เซี่ยหยวนแอบมองทางลั่วฉวนที่นอนอยู่หน้าร้าน
เหยาซือหยานส่ายศีรษะ “ข้าไม่ทราบ แต่สูงส่งกว่าข้า”
ครั้งลงนามเป็นเสมียนประจำร้าน อำนาจแห่งผู้ครองอันรุนแรงยังคงหลงเหลือไว้ภายในใจของเหยาซือหยาน
พลังอำนาจแห่งผู้ครอง ที่กระทั่งขอบเขตราชันยังไม่อาจเอื้อมได้ถึง!
ฟึ่บ!
เพียงคิดเซี่ยหยวนก็อดไม่ได้จนต้องถอนหายใจออกมา
ยิ่งกว่าขอบเขตราชันอย่างนั้นหรือ?
นักบุญงั้นหรือ? หรือสูงยิ่งไปกว่านั้น?
เซี่ยหยวนแทบไม่อาจจินตนาการถึงได้
บอกลาเหยาซือหยานเรียบร้อย เซี่ยหยวนค่อยกลับจากร้านด้วยความสิ้นหวัง
ครั้งออกจากร้าน เขายังเผยคำเรียกหา “ผู้อาวุโส” แก่ลั่วฉวน
แน่นอนว่าไม่มีการตอบรับใดกลับมา
นับตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ เซี่ยหยวนหาได้ตระหนักถึงความกว้างภายในและภายนอกร้านแม้แต่น้อย
อาจกล่าวได้ว่ามีสิ่งอื่นให้เขาได้ตระหนักมากยิ่งกว่า
ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เล่นระบบท้าทายกระจกได้เพียงแค่สามชั่วโมง โหมดอื่นจึงยังไม่ได้ทดลองเล่น
วันพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่!
เซี่ยหยวนตัดสินใจกับตนเองเช่นนั้น
……
เซียวเฉิงเป็นศิษย์ที่ติดตามคณะของหยิงอู่จี้ไปยังร้านต้นตำรับในช่วงเช้าวันนี้
กระนั้นระหว่างทางกลับเขาไม่ได้ไปยังโรงเตี๊ยม ทว่าแยกตัวออกมา
เพราะวันนี้ “คนรู้จัก” ของเขาจะมาเยือนนครจิ่วเหยา
ภัตตาคารเซียนวิหคอมตะอยู่ไม่ไกลจากร้านต้นตำรับ ดังนั้นไม่ช้าเซียวเฉิงจึงมาถึง
ด้วยบริกรนำทางสู่ในร้าน เขาจึงเดินสู่ห้องส่วนตัวที่ชั้นบน
บริกรนำทางถึงห้องแล้วจึงขอตัว
เซียวเฉิงจัดแจงชุดเล็กน้อยก่อนจะเปิดประตูเดินเข้าไป
“พี่เซียว ท่านมาถึงคนสุดท้าย!”
เสียงหัวเราะดังมา ชายหนุ่มในชุดขาวเผยยิ้มกว้าง
ชายหนุ่มผู้นี้มีใบหน้าหล่อเหลา ทว่าดวงตานั้นเป็นรูปเรียว ส่งผลให้ดูเย็นชา
ที่บนเสื้อผ้านั้นมีสัญลักษณ์รูปอัคคีเพลิงต้องตาปรากฏ
นี่คือสัญลักษณ์ของหุบเขาโอสถ!
หุบเขาโอสถก็เป็นดังนาม เป็นสำนักที่เชี่ยวชาญการสกัดโอสถทั้งหลาย เหล่าศิษย์ล้วนเป็นนักปรุงยา
อาชีพนักปรุงยาหาได้ยากมากล้ำ ไม่เกินเลยนักหากจะกล่าวว่าผู้ฝึกตนหนึ่งในล้านที่จะเลือกเดินทางนี้!
อีกทั้งหุบเขาโอสถยังอยู่ในตำแหน่งชั้นแนวหน้าของทวีปเทียนหลัน!
ตัวตนของชายหนุ่ม ย่อมต้องเป็นนักปรุงยาของหุบเขาโอสถ!
ในห้องส่วนตัวนี้ยังมีอีกสองคน หนึ่งเป็นเด็กหนุ่มในชุดสีดำเผยสีหน้าเย็นเยือก
อีกฝ่ายเพียงนั่งเฉยประหนึ่งดาบคมกริบที่โดดเด่นอย่างไม่อาจละสายตา!
อีกหนึ่งเป็นสตรีเยาว์วัยใบหน้างดงาม ใบหน้านั้นมีผ้าบางปกคลุม เป็นตัวตนกระตุ้นความสงสัยผู้คน
การฝึกฝนของคนทั้งสามย่อมไม่น้อยหน้า เหล่านี้ล้วนเป็นขอบเขตจิตวิญญาณระดับที่ห้า!
“ฮ่ะฮ่ะ ปล่อยพวกเจ้ารอเสียนานแล้ว”
เซียวเฉิงเผยยิ้มก่อนจะเข้าไปนั่ง
ขณะพูดกล่าว เขายังให้ความสนใจผู้อื่นในห้อง
สถานะของเซียวเฉิงย่อมไม่ใช่ต่ำต้อย ตัวเขาเป็นถึงตระกูลเซียวแห่งทวีปเทียนหลัน!
ตระกูลเซียวเป็นตระกูลใหญ่ที่สืบทอดมายาวนานนับพันปีแล้ว
ครั้งโบราณยังเคยเป็นถึงจักรพรรดิ!
“คิกคิก” สตรีโฉมงามใช้มือป้องปากพลางหัวเราะ “ไม่ทราบว่าพี่เหว่ยอี้ไฉนให้น้องหญิงตามมาด้วย?”
สตรีผู้นี้นามหลิวลู่อวี่ นางเป็นนักบุญของแดนศักดิ์สิทธิ์ห้วงน้ำหยก เป็นสถานะอันสูงส่ง!
เหว่ยอี้คือชายหนุ่มในชุดขาว เขาเผยยิ้ม “วันนี้คิดอยากพูดกล่าวต่อพี่เซียว!”
“โอ้?” เซียวเฉิงหรี่ดวงตา “กับข้างั้นหรือ?”
เด็กหนุ่มในชุดดำเผยน้ำเสียงและสีหน้าอันเรียบเฉยกล่าวคำ “เซียวเฉิง กองกำลังเกือบทั้งหมดที่นี้ล้วนพบเห็นการกระทำของสถาบันวิญญาณเมฆา”
เด็กหนุ่มชุดดำนามตี้อู๋อู่หยิง เป็นอัจฉริยะผู้หนึ่งของตระกูลตี้อู๋ ข่าวลือว่าตัวเขาได้ฝึกฝนวิชาดาบอันสูงสุดของตระกูล!