Guild Master ตอนที่ 45 เก่งคนเดียว
ตอนที่ 45
เก่งคนเดียว
“ว่าไงนะ”ชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าเรดถามด้วยท่าทีไม่พอใจนัก ดูเหมือนว่าพวกกวีจะไม่ยอมกลับไปดี ๆและคิดจะหาเรื่องเสียมากกว่า
“ก็คุณบอกเองไม่ใช่เหรอครับว่าอยากให้เควสสำเร็จ ถึงพวกเราจะเลเวลน้อยกว่าแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะอ่อนแอกว่านี่ครับ”กวีตอบออกมาหลังจากมองคนที่มาร่วมเควสจนครบ ในนี้มีแต่คนเลเวล 30 กว่า ๆทั้งนั้น แต่ไอเทมสวมใส่ไม่ได้ดีเด่นอะไรมากมาย เมื่อเทียบกับไอเทมที่เสริมแกร่งมาเป็นอย่างดีที่เมฆจัดหามาให้แล้วมันต่างกันราวฟ้ากับเหวเลย
“นายจะประลองกับปาร์ตี้ที่มาใหม่เพื่อพิสูจน์ว่าพวกนายแข็งแกร่งกว่าสินะ”ชายที่เป็นหัวหน้าเรดพยักหน้าช้า ๆด้วยท่าทีใจเย็นลง แต่เดิมปาร์ตี้ของเขาเป็นคนรับเควสก็เลยหาปาร์ตี้อื่น ๆในหมู่บ้านฟรอยเพื่อช่วยทำเควสจนได้คนทั้งหมด 4 ปาร์ตี้ จะเรียกว่า 4 ปาร์ตี้นี้เป็นปาร์ตี้ตั้งต้นก็ได้ ส่วนอีก 2 ปาร์ตี้กับปาร์ตี้ของกวีที่มาทีหลังนั้นเป็นปาร์ตี้ที่ไม่รู้จักกันมาก่อน จะตัดปาร์ตี้ไหนออกไปก็ไม่ได้สร้างความบาดหมางอะไรกับเขาอยู่แล้ว พอได้ฟังที่กวีเสนอหัวหน้าเรดก็มีท่าทีสนใจขึ้นมา
“ฟังดูมันก็ยุติธรรมดีนะ ในเมื่อมันเกิดความผิดพลาดก็ให้ปาร์ตี้ของเขากับปาร์ตี้ที่อาหลงพามาประลองกันสิ”ชายคนหนึ่งพูดด้วยท่าทีเห็นด้วย แบบนั้นก็ถือว่ายุติธรรมดี ใครแข็งแกร่งกว่าก็ได้เข้าร่วม ไม่ตัดสินกันที่เลเวลเท่านั้น
“ไม่ พวกเรามาถึงก่อนก็ควรได้สิทธิ์เข้าร่วมไม่ใช่หรือไง ถึงจะมีความผิดพลาดเรื่องการสื่อสารก็เถอะ แต่พวกเราก็ตอบรับการเข้าร่วมก่อนนะ”ชายคนหนึ่งในกลุ่มด้านหลังพูดออกมาด้วยท่าทีไม่พอใจ ท่าทางชายคนนั้นจะเป็นคนของปาร์ตี้ที่มีปัญหาแน่ ๆ
“ใช่ จะให้พวกเราเดินทางมาฟรีหรือไง แบบนี้ไม่ยุติธรรมเลย”ชายอีกคนสนับสนุนแทบจะทันที เพราะหากประลองแล้วเกิดแพ้ขึ้นมา พวกเขาก็จะไม่ได้รางวัลของเควส ซึ่งเงินที่เป็นของรางวัลมันเยอะมาก หากเอาไปขายเป็นเงินจริงละก็จะได้เงินใช้ในชีวิตประจำวันมหาศาลเลย
“แต่พวกเราก็เดินทางมาเหมือนกันนะคะ”ไอช่าเดินออกไปข้างหน้าก่อนจะส่งสายตาเศร้า ๆให้พวกผู้เล่นตรงหน้า ด้วยท่าทีน่าสงสารและความน่ารักน่าเอ็นดูของไอช่าทำเอาคนของปาร์ตี้ที่มีปัญหาถึงกับพูดไม่ออกเลย
“เอ้อ.....เควสมันยากอยู่แล้ว เราก็ต้องตัดสินที่ความแข็งแกร่งสิ พวกนายก็ประลองกับน้องเขาหน่อย ถ้าพวกนายแข็งแกร่งกว่าก็ได้เควสไง”หัวหน้าเรดว่าพลางยิ้มเจื่อน ๆออกมา พอเจอไอช่าทำท่าแบบนั้นใส่ ไม่ว่าชายที่ไหนก็มีท่าทีอ่อนไหวทั้งนั้น
“กะ ก็ได้.. แล้วพวกนายจะประลองกันแบบไหน”หัวหน้าปาร์ตี้ของฝ่ายที่มีปัญหาถามด้วยท่าทีแปลก ๆ คงเพราะไม่อยากตวาดต่อหน้าไอช่าแน่ ๆ
“พวกเราไม่มีปัญหา จะประลองแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น”กวีได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ ส่วนเรื่องรูปแบบการประลองนั้นสามารถให้อีกฝ่ายกำหนดได้อย่างอิสระเลย
“งั้น....”หัวหน้าปาร์ตี้ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะเรียกคนของตัวเองมารวมตัวกันว่าจะเอาอย่างไรดี
“งั้นสู้กันหกต่อหกเลยดีไหมพี่ แบบนั้นเร็วดีนะ”ชายร่างผอมในปาร์ตี้เสนอพลางมองไปทางกลุ่มของกวี ดูแล้วกลุ่มของกวีมีแค่คนเลเวล 20 กว่า ๆเท่านั้น หากเจอพวกตนรุมเข้าไปเล่นงานละก็ต้องแพ้อย่างรวดเร็วแน่ ๆ
“เดี๋ยวก่อน ดูเจ้าคนด้านหลังนั่นให้ดีสิ ดาบนั่นเรืองแสงสีแดงออกมาเห็นไหม มันต้องเสริมแกร่งเกินระดับสิบไปแล้วแน่ ๆ”ชายอีกคนพูดขัดขึ้นมาพลางมองไปที่ดาบที่เมฆแบกเอาไว้ด้านหลัง การเสริมแกร่งหรือการอัพเกรดไอเทมนั้นจะทำให้ไอเทมนั้น ๆมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากเป็นอาวุธก็จะโจมตีแรงขึ้นหากเป็นเกราะก็จะป้องกันมากขึ้น และการเสริมแกร่งก็จะทำให้อาวุธดูเปลี่ยนไปด้วย บ้างก็ดูเงางามขึ้น บ้างก็ดูสวยขึ้น แต่หากเสริมแกร่งมากกว่าสิบครั้งขึ้นไปก็จะเริ่มมีแสงจาง ๆลอยอยู่รอบ ๆเหมือนเป็นอาวุธวิเศษก็ว่าได้
“จริงด้วย มิน่าล่ะเจ้าพวกนั้นถึงกล้าท้าทายพวกเรา”หัวหน้าปาร์ตี้ตอบพลางมองไปทางเมฆช้า ๆ ที่แท้ในกลุ่มนี้ก็มีคนเก่งอยู่คนหนึ่งนั่นเอง ต่อให้เลเวลน้อยกว่าแต่ดาบใหญ่ที่เสริมแกร่งมาอย่างดีคงโจมตีได้หนักหน่วงมากชนิดที่ว่าเกราะเลเวล 30 ธรรมดา ๆของพวกเขาคงรับไม่ไหวแน่ ๆ
“งั้นเอาเป็นประลองแบบตัวต่อตัวดีไหม”ชายอีกคนเสนอออกมาพลางชี้ไปที่กลุ่มของกวี ในกลุ่มของกวีมีผู้หญิงอยู่ 3 คน แม้เพศจะไม่ใช่ตัวแปรสำหรับตัดสินความแข็งแกร่งของเกมนี้ แต่ไอช่าที่เป็นนักบวชฝึกหัดนั้นดูรับมือไม่ยากเท่าไร ส่วนมีนกับมายด์ที่เป็นอาชีพนักดาบทั้งคู่ก็ไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิด นอกจากนี้ในกลุ่มผู้ชาย 3 คนที่เหลือยังมีกวีที่เป็นจอมเวทอีกต่างหาก ถ้าเป็นการประลองแบบหนึ่งต่อหนึ่งจอมเวทจะต้องเสียเปรียบมากแน่ ๆ แบบนั้นพวกตนจะชนะการประลองครั้งนี้ได้ไม่ยาก
“ดี งั้นพวกเราขอเลือกการประลองแบบตัวต่อตัว”เมื่อได้ข้อสรุปว่าจะทำอย่างไร หัวหน้าปาร์ตี้ของอีกฝ่ายก็ประกาศว่าจะประลองแบบตัวต่อตัวออกมาทันที แน่นอนว่าฝ่ายกวีเองก็ไม่คิดจะขัดอยู่แล้ว
“ได้ งั้นตกลงเอาเป็นการประลองแบบตัวต่อตัว ส่งคนแรกออกมาเลย”หัวหน้าเรดพยักหน้าด้วยท่าทีเห็นด้วยก่อนจะบอกให้ทุกคนถอยออกจากลานกลางหมู่บ้านเพื่อสร้างที่ประลองให้กับคนของกวีและอีกฝ่าย
“มายด์ ช่วยเป็นคนแรกให้ทีนะ”ทันทีที่รู้ว่าจะประลองกันแบบไหน กวีก็เดินกลับเข้ามาในกลุ่มก่อนจะบอกให้มายด์ออกไปประลองเป็นคนแรกเสียอย่างนั้น
“เอ๊ะ ทำไมต้องเป็นมายด์ล่ะ”มายด์ถามพลางมองไปรอบ ๆด้วยท่าทีตกใจ
“พวกนั้นจะได้ประมาทไง”กวีตอบพร้อมรอยยิ้มเช่นเดิม แต่คำตอบของกวีกลับทำให้มายด์ไม่พอใจนิดหน่อย แม้จะเห็น ๆกันอยู่ว่ามายด์ฝีมืออ่อนที่สุดในกลุ่ม แต่ก็ไม่ต้องพูดออกมาชัด ๆแบบนั้นเลยก็ได้นี่นา
“ก็ได้....”มายด์ตอบด้วยท่าทีไม่พอใจก่อนจะเดินเข้าไปบนลานกว้างด้วยท่าทีประหม่าอย่างประหลาด มายด์ไม่เคยประลองต่อหน้าคนอื่นมาก่อน เพราะแต่เดิมก็ไม่คิดว่าจะสู้ใครได้อยู่แล้ว แต่เงินรางวัลที่ได้จากเควสมันเยอะมากทำให้มายด์เองก็ไม่อยากทิ้งเควสนี้ไปเหมือนกัน
“งั้นเริ่มได้”หัวหน้าเรดพยักหน้าเป็นสัญญาณว่าให้เริ่มประลองได้ ทำให้คนจากปาร์ตี้อีกฝ่ายส่งคำขอท้าประลองมาที่มายด์ทันที
เปรี้ยง!!
ทันทีที่การประลองเริ่มต้น ชายตรงหน้ามายด์ก็เข้ามาโจมตีทันที อีกฝ่ายเองก็เป็นอาชีพนักดาบเหมือนกัน เพียงแต่อีกฝ่ายใช้ดาบใหญ่เหมือนที่เมฆใช้เท่านั้นทำให้พลังโจมตีหนักหน่วงกว่าของมายด์มาก
เปรี้ยง!!
แต่ละดาบที่ฟาดลงมาสร้างความเสียหายให้มายด์ไม่น้อย ไม่ใช่แค่อาวุธกับเลเวลที่เหนือกว่า ท่าทางความเชี่ยวชาญสกิลเองก็เหนือกว่ามากเช่นกัน คนอื่น ๆในปาร์ตี้ของกวีใช้สกิลกันถี่อย่างกับไม่มีเวลาคูลดาวน์ทำให้ความชำนาญของสกิลแต่ละสกิลเพิ่มขึ้นไวมาก มีเพียงมายด์เท่านั้นที่ยังทำตัวเหมือนผู้เล่นใหม่ใช้สกิลอย่างประหยัดอย่างกับกลัวว่าพลังเวทจะหมดเสียอย่างนั้น ทำให้ความชำนาญสกิลของมายด์เพิ่มขึ้นน้อยมากเมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ
ตูม!!
ใช้เวลาเพียงไม่นานมายด์ก็แพ้อย่างง่ายดายแม้อุปกรณ์สวมใส่จะเสริมพลังมาแล้วก็ตาม
“ฮ้า ๆ ๆ ที่แท้ก็พวกเลเวลน้อยธรรมดานี่นา คนต่อไปออกมาได้เลย”ทันทีที่ชนะได้ อีกฝ่ายก็เริ่มมีปากเสียงขึ้นมาเสียอย่างนั้นทำให้กวียิ้มออกมาบาง ๆด้วยท่าทีพึงพอใจ แม้ความจริงพวกกวีจะไม่ต้องพึ่งพาความประมาทของอีกฝ่าย แต่ให้อีกฝ่ายประมาทเอาไว้สักหน่อยก็ย่อมดีกว่า
“เจ นายเป็นคนต่อไป”กวีเลือกที่จะส่งเจออกไปเป็นคู่ต่อสู้ลำดับที่ 2 ยิ่งทำให้อีกฝ่ายยิ้มออกมาอย่างดีอกดีใจทันที สายอาชีพนักดาบเป็นอาชีพพื้นฐานสำหรับอาชีพสายต่อสู้โดยใช้อาวุธ แต่ทว่าสกิลที่นักดาบมีต่างเป็นสกิลโจมตีทั้งนั้น ซึ่งมันทำให้สายแทงค์ที่ใช้โล่ลำบากไม่น้อยเพราะไม่มีสกิลอะไรเพิ่มพลังป้องกันเลยทำให้สายแทงค์ส่วนใหญ่ต้องเน้นค่าโบนัสไปที่ความทนทานเพื่อเพิ่มพลังป้องกัน เมื่อต้องมาประลองกันแบบตัวต่อตัวแล้วสายแทงค์ที่ยังไม่ได้อาชีพแทงค์เต็มตัวจะเสียเปรียบมาก
“คราวนี้เป็นตัวแทงค์สินะ”ชายจากปาร์ตี้อีกฝ่ายยิ้มออกมาด้วยท่าทียินดี โดยตัวเขานั้นถือหอกเอาไว้หนึ่งเล่มซึ่งการใช้หอกนั้นจะทำให้เจที่ใช้เพียงดาบมือเดียวเข้าถึงยากและมีโอกาสแพ้ในการประลองตัวต่อตัวมากแน่ ๆ
เปรี้ยง!!
ทันทีที่เริ่มประลอง หอกของอีกฝ่ายก็พุ่งเข้ามาใส่เจทันที ด้วยเลเวลที่เหนือกว่าและความชำนาญสกิลที่เหนือกว่าทำให้เจต้องรับพลังโจมตีที่หนักหน่วงมากทีเดียว แต่ดูเหมือนพลังโจมตีของชายคนนี้จะน้อยกว่าโทรลล์ที่เจอระหว่างทางเสียอีก
คลืดดด.....
เจใช้โล่เบี่ยงปลายหอกไปทางอื่นก่อนจะอาศัยจังหวะนี้เข้าไปประชิดตัวอีกฝ่าย แต่ถึงจะเห็นเจเหวี่ยงดาบเข้ามาใส่ตนเองแล้ว ชายหนุ่มตรงหน้าเจก็ยังมีท่าทีไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย ไอ้พวกสายแทงค์ที่อัพแต่ค่าความทนทานน่ะมันโจมตีได้ไม่แรงหรอก
เปรี้ยง!!
ดาบของเจฟันใส่ชายตรงหน้าเข้าอย่างจังด้วยสกิลจันทร์เสี้ยวทำเอาพลังชีวิตของอีกฝ่ายลดฮวบไปในทันที นี่มันไม่ใช่พลังโจมตีของพวกสายแทงค์เลยนี่นา
“ได้จังหวะแล้ว เอาให้ร่วงเลย”กวียิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ ตั้งแต่รู้ว่าพรของคราวคือการเพิ่มพลังชีวิตให้กับเจจำนวนมหาศาล กวีก็เปลี่ยนให้เจใช้ค่าโบนัสที่ได้มาตอนเลเวลอัพไปลงที่ค่ากำลังและทนทานไปด้วยพร้อม ๆกัน เพราะเจมีพลังชีวิตมหาศาลอยู่แล้วขอแต่เสริมเกราะและทักษะการป้องกันก็สามารถแทงค์ได้สบาย ทำให้ตอนนี้เจมีพลังโจมตีสูงกว่ามีนที่เน้นค่าความเร็วเสียอีก
เปรี้ยง!! เปรี้ยง!!
ไม่ใช่แค่ค่าสถานะเท่านั้นที่อีกฝ่ายเดาผิด แต่เจเองกลับใช้สกิลของนักดาบได้ยอดเยี่ยมเช่นกัน แม้จะไม่เหมือนมีนที่ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่เจที่มองเมฆและมีนจากระยะใกล้มาตลอดเองก็สร้างคอมโบของสกิลโจมตีได้เหมือนกัน
ตูม!!
ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้โต้ตอบ เจเหวี่ยงดาบด้วยสกิลถล่มปฐพีซึ่งเป็นท่าโจมตีที่แรงที่สุดของสายนักดาบเข้าใส่ร่างของชายตรงหน้าอย่างจังจนล้มลงไปนอนกับพื้น โชคดีที่เป็นการประลองเท่านั้นไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายคงกลับไปเกิดใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว