Chapter 159 - 160: มีคนบอกว่าชอบฉันวันนี้, เธอยังเด็กเกินไปที่จะมีความรัก (ฟรี)
Chapter 159: มีคนบอกว่าชอบฉันวันนี้
จากนั้น พวกเขาก็ไต่เขาขึ้นไป
เป้าหมายของพวกเขาคือจับสายลับจากประเทศ R แม้ว่าสายลับจะไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อะไรกลับไป แต่ก็ยอมรับไม่ได้ว่าเขาได้คุกคามความปลอดภัยของประเทศนี้
ทีมเรดเฟลมไม่ใช่ทีมธรรมดาๆ พวกเขาใช้เวลาเพียงสามวันก่อนที่จะสามารถระบุตำแหน่งหนึ่งในสายลับได้สำเร็จ พวกเขารู้ตำแหน่งของสายลับและตอนนี้กำลังจะจับพวกมันทั้งหมดด้วยกัน
แสงอาทิตย์หมดไปแล้วและความมืดมิดเข้ามาแทนที่ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขึ้นเขาในเวลานี้ แต่อย่างไรก็ตามเลิ่งเชาถิงมีทีมที่เคยปฏิบัติหน้าที่ในความมืดมาก่อน จึงไม่ใช่ปัญหาอะไร
พวกเขาเคลื่อนไหวรวดเร็วแต่เงียบเชียบ เป้าหมายของพวกเขาใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ครึ่งชั่วโมงถัดมา เลิ่งเชาถิงและทีมของเขาก็มาถึงจุดหมาย มันเป็นถ้ำๆหนึ่ง
พวกเขายังไม่เข้าไปใกล้ในทันที แต่ซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้สูงเพื่อรอดูสถานการณ์รอบๆ หลังจากแน่ใจว่าไม่มีการดักซุ่มโจมตี พวกเขาก็ค่อยๆเคลื่อนเข้าไปในถ้ำ
เมื่อพวกเขามาถึงปากถ้ำ ก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างในอย่างชัดเจน ถึงแม้จะเป็นภาษาประเทศ R เลิ่งเชาถิงกับทีมล้วนเข้าใจ
ทีมเรดเฟลมพูดได้หลายภาษาซึ่งนั่นเป็นคุณสมบัติที่เจ้าหน้าที่ทีมอื่นๆต้องการ
สายลับเหล่านั้นกำลังพูดคุยกันอย่างสบายอารมณ์ โดยไม่รู้เลยว่าตำแหน่งของตัวเองถูกพบแล้ว ซึ่งทำให้เลิ่งเชาถิงและทีมได้เปรียบ พวกเขามาได้ถูกจังหวะเวลาและสายเกินไปสำหรับสายลับที่จะหลบหนีได้ทัน
หลังจากสิ้นสุดเสียงปืน ทุกอย่างก็เสร็จสิ้น
แม้จะไม่ใช่ภารกิจโหด ทีมเรดเฟลมยังคงปฏิบัติงานแบบจริงจัง ทีมเรดเฟลมจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการจัดการกับภารกิจระหว่างประเทศ เพราะเรดเฟลมเป็นกองกำลังพิเศษที่น่าเชื่อถือที่สุดในประเทศนี้
“จบงานแล้ว แต่ถ้าจะให้กลับไปถนนเส้นเดิมทรมานกันชัดๆ” ซู่จินเฉินเอามือกุมหน้าอกราวกับว่าเขากำลังเจ็บปวด
“ไม่ใช่รถนายสักหน่อย จำเป็นต้องโอเวอร์ขนาดนั้นเลยหรอวะ?” ซินเป่ยชักจะเหลืออดกับท่าทางของเพื่อนร่วมทีม
“ถ้าเป็นรถเขา เขาคงร้องไห้ออกมาแล้ว!” ซีหมิงหัวเราะ
“ฮ่า ฮ่า นายพูดถูก” ซินเป่ยเห็นด้วย
“ไม่เห็นใจกันบ้างเลย! ฉันเกลียดพวกนาย” ซู่จินเฉินไม่สนใจพวกเขา แล้วเดินตามเลิ่งเชาถิง
“เชาถิง นายจะทำอะไรต่อจากนี้?” ซู่จินเฉินถาม “ทำในสิ่งที่ควรทำ” เลิ่งเชาถิงตอบ
“นายทำงานมาทั้งวันแล้วนะ ในทีมก็ไม่มีอะไรให้ต้องจัดการแล้วนี่ ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมนายถึงยุ่งได้ตลอดทุกวัน?” ซู่จินเฉินกล่าว “ฉันไม่อยากเป็นเหมือนนาย ฉันอยากไปเดทกับสาวและหาสาวที่ฉันชอบ ไม่งั้นครอบครัวฉันต้องเข้าจัดการเรื่องนี้แทนแน่ๆ หายนะชัดๆ”
พ่อของซู่จินเฉินเรียกเขาไปถามว่าเขามีแฟนรึยัง ถ้ายังไม่มี พ่อของเขาจะได้จัดการนัดบอดให้เขา ซู่จินเฉินรู้ว่าชีวิตเขาจะต้องน่าสมเพชขนาดไหนที่ต้องอยู่กับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก ใครๆก็หวังว่าจะได้ใช้ชีวิตที่เหลือกับคนที่ตัวเองรักกันทั้งนั้น!
ได้ยินซู่จินเฉินพูดเช่นนั้น ก็มีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวของเลิ่งเชาถิง เขานึกถึงกู้หนิงขึ้นมา เขาไม่ค่อยแน่ใจว่าเขารู้สีกอย่างไรกับเธอ แต่เมื่อเขาคิดถึงเธอ เขาก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างไม่ทราบสาเหตุ และอยากเจอเธอในตอนนั้นทันที
ที่เมือง F หลังจากที่ฉินอี้ฟานวางสายจากกู้หนิง เขาไม่มีสติอยู่กับตัวจนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพักใหญ่ๆ เขาโทรหาเว่ยจื่อรุ่ยหลังจากนั้นและขอให้เขาไปดื่มเป็นเพื่อน
ความคิดแรกของผู้ชายที่กำลังอารมณ์ไม่ดีคือการดื่ม เขาต้องการบรรเทาความเจ็บปวดด้วยการดื่ม แต่ลงเอยด้วยความรู้สึกแย่มากขึ้นกว่าเดิม
ไม่นานเว่ยจื่อรุ่ยก็มาถึง เมื่อเขาเห็นฉินอี้ฟานที่ดื่มไปแล้วนิดหน่อย
“เกิดอะไรขึ้นกับนาย?” เว่ยจื่อรุ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
ตอนที่ฉินอี้ฟานโทรมา เขาบอกแค่ว่าอารมณ์ไม่ดีแต่ไม่ได้ให้เหตุผลใดใด เว่ยจื่อรุ่ยไม่เข้าใจว่าทำไมเพื่อนของเขาถึงได้ดูเศร้าขนาดนี้ เขาไม่เคยเห็นฉินอี้ฟานอกหักมาก่อน
“ฉันถูกทิ้ง” ฉินอี้ฟานตอบ
“ห๊ะ? อะไรนะ? เมื่อไหร่?” เว่ยจื่อรุ่ยตกใจ “นายมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมฉันไม่รู้เลย?”
พวกเขาสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน ถ้าฉินอี้ฟานมีแฟน เขาก็น่าจะรู้
“เอ่อ..” ฉินอี้ฟานยิ้มแหยๆ “ไม่มี! เธอปฏิเสธฉันตอนที่ฉันบอกชอบเธอ”
จากนั้นฉินอี้ฟานก็เล่าทุกอย่างให้เว่ยจื่อรุ่ยฟัง รวมถึงสิ่งที่ฉินอี้ฉิงพูดกับกู้หนิง
การกระทำของฉินอี้ฉิง เวิ่ยจื่อรุ่ยไม่เห็นด้วย เขาและฉินี้ฟานเป็นเพื่อนสนิทกันแต่เขารู้สึกไม่ค่อยดีกับฉินอี้ฉิง
แต่ถึงอย่างไรมันเป็นเรื่องส่วนตัวของฉินอี้ฟาน ดังนั้นเว่ยจื่อรุ่ยจึงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากดื่มเป็นเพื่อนเขาเงียบๆ
ถึงแม้เขาจะรู้ว่าฉินอี้ฟานปฏิบัติกับกู้หนิงต่างออกไป แต่ก็ไม่คิดว่าฉินอี้ฟานจะชอบกู้หนิง กู้หนิงเพิ่งจะอายุสิบแปดเท่านั้น
คืนนี้ฉินอี้ฟานเมาจนหมดสารรูป เป็นครั้งแรกที่เขาปล่อยให้ตัวเองดื่มหนักขนาดนี้
เลิ่งเชาถิงยังไม่กลับที่พักจนเที่ยงคืน เขาปิดโทรศัพท์จึงไม่รู้ว่ากู้หนิงโทรหาเขา เขาประหลาดใจนิดหน่อย
เธอโทรหาเขา
ทันใดนั้นเลิ่งเชาถิงก็เกร็งขึ้นมา เพราะเขาไม่รู้ว่าเธอโทรหาเขาทำไม เธอมีปัญหารึเปล่า? ถ้ามีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับเธอและเธอต้องการความช่วยเหลือจากเขาแต่เขาไม่ได้รับสายเธอ เขาคงโทษตัวเองสำหรับเรื่องนี้
แม้ว่าตอนนี้อาจจะสายไปแล้ว เลิ่งเชาถิงก็ยังโทรหากู้หนิงโดยไม่รอช้า
กู้หนิงเคยชินกับการนอนดึก ดังนั้นเวลานี้เธอจึงอ่านหนังสืออยู่
เบอร์ของเลิ่งเชาถิงปรากฏหราอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ กู้หนิงตื่นเต้นระคนดีใจ เธอประหม่าเล็กน้อย หลังจากสูดลมหายใจเข้าออกอยู่สองสามที เธอจึงกดรับ ส่งเสียงทักทายไปว่า “สวัสดี”
“โทรมามีเรื่องด่วนอะไรรึเปล่า?” เลิ่งเชาถิงถามออกมาทันทีที่ได้ยินเสียงกู้หนิง
แม้ว่าเขาจะรู้สึกเป็นกังวล เขายังคงรักษามาตรฐานความเย็นชาไว้ได้
“ถ้าไม่มีเรื่องโทรหานายไม่ได้หรอ?” กู้หนิงถาม
“เปล่า ได้สิ” เลิ่งเชาถิงตอบ เมื่อรู้ว่ากู้หนิงสบายดีเขาก็คลายความกังวลไปมาก
“นี่ มีคนบอกชอบฉันวันนี้” กู้หนิงอยากจะตบปากตัวเองนัก พูดออกไปแล้วก็นึกเสียใจขึ้นมา เธอไม่รู้จริงๆว่าทำไมต้องบอกเขาเรื่องนี้ด้วย
เลิ่งเชาถิงรู้สึกว่าหัวใจตัวเองบีบรัดแน่น เขาผิดหวังและถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน “แล้วเธอชอบเขารึเปล่า?”
Chapter 160 เธอยังเด็กเกินไปที่จะมีความรัก
กู้หนิงสัมผัสได้ถึงความร้อนรนจากน้ำเสียงของเลิ่งเชาถิง เธอรู้สึกดีขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ถามเขาว่า “นายอยากให้ฉันเป็นแฟนเขารึเปล่า?”
“ไม่” เลิ่งเชาถิงตอบโดยอัตโนมัติ “ทำไมล่ะ?” กู้หนิงถามต่อ
“เพราะ…” เลิ่งเชาถิงเงียบไปสองวินาที กู้หนิงที่เต็มไปด้วยความหวังรอคอยคำตอบจากเขา “เพราะเธอยังเด็กเกินไปที่จะมีความรัก ควรเอาเวลาไปตั้งใจเรียนมากกว่า”
ได้ยินแบบนั้นกู้หนิงก็ได้แต่อึ้งและความหงุดหงิดก็ผุดขึ้นมาแทนที่ “ไม่! ฉันไม่ทำแบบนั้นหรอก!” เธอวางสายทันทีโดยไม่บอกลา
เลิ่งเชาถิงนิ่งแข็งเป็นหิน เขาพูดผิดไปอย่างนั้นเหรอ? ผู้ชายอย่างเลิ่งเชาถิงที่ไม่เข้าใจผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย เขาทำได้เพียงปล่อยเลยตามเลย โดยไม่รู้เลยว่าในวันข้างหน้าเขาต้องเป็นฝ่ายตามจีบภรรยาของเขาเอง
ในขณะเดียวกันที่โรงแรมห้าดาว ซื่อตู้เย่นั่งพิงพนักโซฟาอยู่คนเดียวเงียบๆ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหน เพราะเขาคิดว่าผู้หญิงคือตัวเกะกะน่ารำคาญ ดังนั้นจึงไม่มีผู้หญิงอยู่ข้างกายเขามาหลายปีแล้ว มาตอนนี้เขากลับสนใจในตัวกู้หนิง นับวันยิ่งมากขึ้น
เขาอยากจะรู้จักเธอให้มากขึ้น และอยากเจอหน้าเธอบ่อยๆ ปัญหาเดียวคือเขาไม่ได้มีความคุ้นเคยกับเธอ เขาเลยไม่มีข้ออ้างที่จะอยู่ใกล้เธอ ในเมื่อเขาสนใจแล้วไม่ช้าหรือเร็วเขาก็ต้องได้
เขาไม่ได้บอกฉู่ซวนเฟิงและฉู่เพ่ยหานเรื่องที่เขาสนใจกู้หนิง ซึ่งนั่นทำให้เขาไม่อาจขอให้พวกเขาทั้งสองช่วยได้ แล้วเขาควรทำยังไงดี? นายใหญ่แก๊งฉิงรู้สึกอับจนหนทาง
วันต่อมา กู้หนิงออกไปซื้ออุปกรณ์ เธอวางแผนที่จะออกล่าสมบัติในคืนนี้ แน่นอนเธอไม่ได้ทำเพื่อเงินแต่เพื่อความตื่นเต้นและความรู้สึกพิเศษที่มีต่อวัตถุโบราณ
กู้ม่านและกู้ชิงมีนัดนวดผิวเช้าวันนี้ พวกเขาจึงออกไปด้วยกัน ปล่อยให้เจียงซินหยูอยู่บ้านตามลำพัง แต่ถึงจะอยู่บ้านคนเดียวเธอยังมีคอมพิวเตอร์ส่วนตัวให้เล่น และเธอไม่อยากออกไปข้างนอกกับผู้ใหญ่
กู้ม่านไม่ได้ถามกู้หนิงว่าเธอออกไปทำอะไรวันนี้ เธอแค่เตือนลูกสาวให้ระมัดระวังตัว
กู้ฉินเซียงและหลินหลี่หยวนพร้อมกับกู้เซียวเซียวขึ้นเครื่องบินไปที่เมือง G เช้าวันนี้เช่นกัน
กู้หนิงไปสถานเสริมความงามเพื่อพบกับกู้ม่านและกู้ชิงหลังจากซื้อของเสร็จแล้ว พวกเขานัดกันไปกินข้าวก่อนกลับบ้าน อย่างไรก็ตามเมื่อกู้หนิงมาถึงประตูหน้าสถานเสริมความงาม เธอก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันจากข้างใน เธอจำเสียงของกู้ชิงได้ แต่ได้ยินไม่ค่อยชัด
กู้หนิงรีบผลักประตูเข้าไปข้างใน
นอกห้องส่วนตัวมีคนรวมกลุ่มกัน เสียงทะเลาะดังออกมาจากห้องส่วนตัวด้านใน
“คุณผู้หญิง รบกวนคุณทั้งสองไปใช้ห้องอื่น คงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับพวกคุณเท่าไหร่ที่มีเรื่องกับคุณนายอู๋” พนักงานในชุดเครื่องแบบสีแดงเชิญกู้ม่านและกู้ชิงออกนอกห้องด้วยท่าทางหยิ่งยโส
“ทำไม? นี่เป็นวิธีการทำงานของเธองั้นเหรอ? เธอเป็นคนเลื่อนนัดของเธอเองแล้วทำไมพวกเราต้องออกไปด้วย?” กู้ชิงโกรธจัด
ถึงจะรู้ว่าคุณนายอู๋ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป กู้หนิงก็ไม่สามารถรับได้กับพฤติกรรมของคุณนายอู๋ และกู้ม่านก็กลัวมากจนหลบอยู่หลังกู้ชิงซึ่งทำให้กู้หนิงไม่สบายใจ
“แล้วยังไง? เธอรู้รึเปล่าว่าฉันเป็นใคร? สามีของฉันเป็นถึงประธานบริษัทตงเหิง อู๋เหลียนฉิน เธอจะทำอะไรฉันงั้นเหรอ? หืม” คุณนายอู๋กล่าวราวกับว่าตัวเธอเป็นราชินีผู้สูงส่ง
อู๋เหลียนฉิน ประธานบริษัทตงเหิง เขาเป็นคนหาเรื่องอ้ายกวงเหยาในงานวันเกิดของนายท่านฉิน
หลังจากงานวันเกิดนายท่านฉิน กู้หนิงได้คุยกับอ้ายกวงเหยาถึงอู๋เหลียนฉิง เขาเป็นคนทะเยอทะยาน ในฐานะประธานของบริษัทตงหัวสาขาเมือง F เขาอยากครอบครองเจิ้งหัวเรียลเอสเตทเป็นของตัวเอง ถึงจะอยากได้มากแค่ไหนเขาก็ไม่ลงทุนยอมซื้อในราคาที่อ้ายกวงเหยาต้องการได้ ดังนั้นกู้หนิงจึงชนะเขาคว้าโอกาสนี้มาได้สำเร็จ อีกอย่างอู๋เหลียนฉิงคนนี้เป็นคนหน้าซื่อใจคดที่ชอบวางกับดักผู้อื่น
“อ้อ สามีคุณคือประธานบริษัทตงหัว แล้วยังไงคะ?” กู้หนิงแหวกฝูงชนเดินเข้าไป เธอมองคุณนายอู๋ด้วยสายตาไม่ชอบใจ
สายตาที่กู้หนิงมองมาทำเอาคุณนายอู๋ขนลุกซู่และยืนนิ่งเงียบไปทันที
“หนิงหนิง” กู้ชิงและกู้ม่านใจชื้นขึ้นมาเมื่อเห็นกู้หนิงอยู่ที่นี่ด้วย
กู้หนิงเดินไปหาแม่และป้า ถามพวกเธอด้วยความห่วงใยว่า “แม่ ป้า ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”
“พวกเราไม่เป็นไรจ๊ะ แค่หงุดหงิดนิดหน่อย” กู้ชิงบ่น
หลังจากนั้นไม่นาน คุณนายอู๋รู้สึกอับอายและตกใจที่ถูกเด็กสาวตรงหน้าพูดจาดูหมิ่น “เธอเป็นใคร? กล้าดียังไงไม่ให้ความเคารพฉัน!”
“เหอะ” กู้หนิงทำเสียงเย้ยหยันขึ้นจมูก “ฉันไม่คิดว่าคนอย่างคุณสมควรได้รับนะคะ ฉันไม่สนด้วยว่าคุณจะมีอำนาจแค่ไหน ขอโทษแม่กับป้าฉันเดี๋ยวนี้”
“อะไรนะ? เป็นไปไม่ได้!” คุณนายอู๋ไม่อยากจะเชื่อและรับไม่ได้แน่นอน ในเมือง F ไม่มีใครกล้าพูดกับเธอแบบนี้
“ฉันไม่สนว่าคุณเป็นใคร คุณต้องขอโทษแม่กับป้าของฉัน” กู้หนิงยังยืนยันคำเดิม
“เธอ…” คุณนายอู๋คาดไม่ถึงว่ากู้หนิงกล้างัดข้อกับเธอ
ไม่เพียงแต่คุณนายอู๋ คนอื่นๆต่างพากันประหลาดใจ นี่เธอเป็นคนสำคัญมากกว่าคุณนายอู๋หรือเป็นแค่เด็กสาวที่ไม่รู้ประสีประสาคนหนึ่งเท่านั้น?
“หนิงหนิง…” กู้ชิงและกู้ม่านเริ่มวิตกกังวล พวกเธอไม่อยากให้เรื่องบานปลายไปมากกว่านี้
“ไม่เป็นไรค่ะ” กู้หนิงปลอบแม่กับป้า วันนี้เธอไม่แพ้หรอก
สายตาของเธอวกกลับมาหยุดอยู่ที่คุณนายอู๋อีกครั้ง “ว่าไง จะขอโทษหรือไม่ขอโทษ?”
“ไม่มีทาง แกจะทำอะไรมิทราบ?” คุณนายอู๋ไม่เชื่อว่าเด็กสาวจะทำอะไรเธอได้
“งั้นเหรอ?” กู้หนิงส่งเสียงเยาะเย้ยขึ้นมาอีกครั้ง เธอจ้องคุณนายอู๋ด้วยสายตาเย็นยะเยือก คุณนายอู๋ตกใจขวัญผวา โดยเฉพาะเมื่อกู้หนิงเดินเข้ามาใกล้ๆ คุณนายอู๋ถอยหลังไปโดยอัตโนมัติ
พนักงานเสริมความงามในชุดเครื่องแบบสีแดงกลัวว่าคุณนายอู๋จะได้รับบาดเจ็บ เธอรีบเข้ามาหยุดกู้หนิงเอาไว้ “คุณคะ นี่ไม่ใช่เรื่องดีที่คุณจะมีเรื่องกับคุณนายอู๋ ทำไมไม่ลืมเรื่องนี้ไปซะ?”